วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ซื้อแบรนด์เนมใน Eu.เมืองละใบ เราจะขอคืนภาษีที่สนามบินสุดท้ายก่อนออกจากเชงเก้นใช่ไหมคะ

เราซื้อกระเป๋ากะเสื้อบอลที่มาดริดกะบาร์เซโลนา กำลังเดินทางไปฝรั่งเศส คิดว่าจะซื้อ LV ที่นั่น แบบนี้เราขอคืนทั้งหมดรวมทั้ง ในส่วน lV ที่ซื้อในฝรั่งเศส ที่สนามบินบาราคัส มาดริด ได้ใช่ไหมคะ (กลับไทยที่มาดริด) แล้วขั้นตอนขอคืนต้องโขว์ของทุกใบด้วยใช่ไหมคะ ขอบคุณค้ะ.. ปล...พิมพ์ผ่านมือถือ หากสะกดภาษาไทย ผิดถูกอย่างไรขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...

แบ็กแพ็คตะลุยซาปา นิงบิง ฮุงเซิน ... ตอน 2 นาขั้นบันไดลาวใจ (LAO CHAI)

ทริปนี้ไปซาปา นิงบิง และฮุงเซินครับ ไปดูนาขั้นบันไดใช่วงที่ข้าวออกรวงทองแล้ว ซึ่งมีอยู่หลายแปลงแต่การจะเข้าไปดูสามารถทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางแปลงแค่ยืนมองก็เห็นแล้ว บางแปลงต้องไปเดิน เดินครั้งหนึ่งก็ขึ้น-ลงเขาหลายกิโลทีเดียว ในทริปมีคนอายุมากด้วย แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ เหนื่อยหน่อย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์คุ้มแล้ว การเดินทางจากฮานอย ไปซาปา ทำได้ดังนี้ครับ ... จากสนามบินนอยไบ อินเตอร์ - ดาวน์ทาวน์  พอเดินออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้า เลี้ยวขวา เดินไปเรื่อยๆ จะเจออู่รถเมล์ ให้รอรถเมล์สาย 17  นั่งเข้าเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลงสุดสาย ... จากดาวน์ดาวน์ - ซาปา  จะมี 2 เส้นทาง คือ     1) ทางรถบัส  ให้ไปขึ้นรถบัสที่ "เบน เซ ย๊าบ บ๊าท" (Ben Xe Giap Bat) อยู้นอกเมือง  จากดาวน์ทาวน์ให้ขึ้นแท็กซี่ไปครับ หารกันคงไม่แพงมาก     2) ทางรถไฟ  การเดินทางโดยรถไฟจะแพงกว่ารถบัสมาก เพราะราคา US-85 แต่ได้บรรยากาศมากกว่า สบายและปลอดภัยกว่า ออกตอน 19:00-21:00 น. การจองต้องไปที่โรงแรมใดก็ได้ในฮานอย ดาวน์ทาวน์ แล้วบอกเขาว่าจะไปกี่คน  ส่วนมากเครื่องบินไปเวียดนามจะลงตอนเช้า ประมาณ 10 โมงกว่า ก็คงได้ตั๋วกันแล้ว จากนั้นเอาสัมภาระฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ แล้วไปเดินเที่ยวในเมือง ... จากสถานีรถไฟลาวไก - ซาปา  จะมีรถตู้และบัส นั่งไปซาปา ประมาณ 45 นาที  ราคา 50,000 VND หรือประมาณ คนละ 75 บาท ราคานี้ครับ ถ้าแพงกว่านี้คือโดนเอาเปรียบ แปลงนาข้าวซาปาที่เราไป จะมีทั้งในเมืองและนอกเมือง ได้แก่ CAT CAT Village  อันนี้ห่างจากตัวเมืองซาปา 1 กม. ที่นี่เดินง่ายครับ เดินเองได้ ไม่หลง TAVAN Village  จากเมืองซาปา ไปประมาณ 5 กม. ต้องเดินลงเขาไปประมาณ 3 กม. เป็นทางแม้ว แล้ววนไปออกที่หมู่บ้าน นัดรถมารับที่นั่น LAO  CHAI Village  จากเมืองซาปาไป 10 กม. รถเข้าถึง ระหว่างทางสวยงามมาก ยืนมองก็เห็น  แต่จะได้บรรยากาศต้องไปเดินครับ เพราะที่นี่มีลำธารใหญ่ ผ่านกลางหมู่บ้าน ทั้ง 3 แห่งที่กล่าวมา ควรไปเดือนสิงหาคมครับ  ที่นี่เขาเก็บเกี่ยวเร็ว  ถ้ามา กันยายน อาจจะไม่เจออะไร รูปภาพเพิ่มเติม http://www.facebook.com/fuangburi ชื่อสินค้า:   แบ็กแพ็กเที่ยวเวียดนามเหนือ คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

ช่วยแนะนำที่พักราคาประมาณ 2,000 + - ที่บรรยากาศดีๆในกทม.หน่อยครับ

เป็นคน กทม. แต่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปค้างคืนที่อื่นกับแฟนซักคืนน่ะครับ งบราวๆ 2,000 บาท บวกนิดหน่อยก็ได้ครับ อยากได้ที่พักที่บรรยากาศดีๆ ดูหรูๆหน่อยก็ดีครับ ในกทม.หรือชานเมือง ท่านใดเคยพักที่ไหนแล้วประทับใจ มาบอกกันหน่อยนะครับ อมยิ้ม04

ช่วยแนะนำที่พักในเกาหลีให้หน่อยค่า

พอดีสิ้นเดือนพย.จะไปเกาหลี แบคแพคกัน 2 คน(ผู้หญิงทั้งคู่) ค้าง 5 คืน อยากได้ที่พักใกล้ๆของกิน ช้อปปิ้ง เดินทางสะดวก ควรพักย่านไหนดีคะ รบกวนช่วยแนะนำชื่อโรงแรม/เกสท์เฮ้าส์ไหนให้ด้วยน้าา ของบห้องคืนละไม่เกิน1,500-1,700 ค่าา ยิ้ม แก้ไขข้อความเมื่อ

L | A | N | D | S | C | A | P | E | ทะเลใต้ฝั่งอ่าวไทย | เกาะทะลุ-ประจวบฯ | 04 ตุลาคม 2557

รีวิวน่ารักๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาทริปดำน้ำสวยๆและไม่ไกลจากกรุงเทพ หลังจากที่ติดตามห้อง BP มาเป็นเวลานาน วันนี้เลยอยากทำรีวิวบ้างอะไรบ้างจ้า ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ (มือใหม่หัดรีวิว) พร้อมแล้วไป!!! ทริปนี้เริ่มออกเดินทางตั้งแต่เย็นวันศุกร์ แต่รถค่อนข้างติดมากๆๆๆ ทำให้ถึงที่พักดึกหน่อย (เลยไม่มีรูป) มาเริ่มที่เช้าวันเสาร์เลยดีกว่านะ บรรยากาศยามเช้าที่ @เอกเขนก ทับสะแก รีสอร์ทติดหาดแหลมกุ่ม ทะเลใสกิ๊ง หาดทรายเป็นสีน้ำตาลละเอียดยิบ ตอนเช้าคุณป้าที่ดูแลครัว ทำข้าวต้มหมูไว้ให้แต่เช้า เติมพลังก่อน สัก 8.30 น.ออกเดินทางสู่บางสะพานน้อย ครั้งนี้เราใช้บริการของ Kig tour driving ที่นี่มีเรือบริการทั้งลำใหญ่และสปีดโบท (สปีดโบท เหมาลำละ 6000 บาท ดำทั้งวัน) หาเสื้อชูชีพใส่ก่อน ส่วนอุปกรณ์มีส่วนตัวอยู่แล้ว เริ่มออกเดินทาง จุดแรกที่มาดำคือ เกาะสิงห์ (มีก้อนหินลักษณ์เหมือนหัวสิงห์) จุดเด่นของตรงนี้คือ ความตื้น มีปะการังแข็ง ดอกไม้ทะเล และหอยเม่นค่อนข้างมาก ดังนั้น ห้ามกระโดดเอาตัวลงแนวดิ่งเด็ดขาด อาจเจอหอยเม่นได้ (เยอะมากๆ) บริการของที่นี่จะดีกว่ากรุ๊ปทัวร์ดำน้ำที่เคยเจอคือ ปกติเวลาเราเหมาเรื่อไปดำน้ำ จะมีคนเรือแค่คนเดียว แต่ที่นี่มีไกด์ด้วย (คนนี้ชื่อพี่ดาว) ไกด์จะคอยสาธิตวิธีการดำ ใช้อุปกรณ์ รวมถึงถ้าใครไม่เคยดำน้ำ พี่ดาวจะดูแลเป็นพิเศษ(โดยให้เกาะแผ่นยางและลากไปด้วยกัน) มาที่นี่แล้วได้ความรู้ด้วยนะ เพราะไกด์จะอธิบายจุดดำน้ำจุดต่างๆ และลงไปชี้ให้เราดู ดำตรงนี้สักชั่วโมง จุดที่สอง เกาะสังข์ จุดเด่นของตรงนี้คือ ดอกไม้ทะเล ปะการังแข็ง-อ่อน หอยมือเสือ ปลาทะเล ไกด์ของเรา เฉาะผลไม้ให้เราด้วยนะเออ ฝีมือระดับโรงแรม จุดที่สาม เกาะทะลุ ที่ตรงนี้เป็นที่สัมปทาน จึงไม่สามารถเดินเข้าไปในเกาะได้ จุดเด่นของตรงนี้คือ ปลาลายเสือ แวะทานมื้อเที่ยงที่นี่ และให้อาหารปลาด้วย (ทางทัวร์เตรียมขนมไว้ให้เยอะมาก แต่เราใช้ไปแค่นิดเดียว ที่เหลือแย่งปลากินหมด) ก่อนจะกลับ ไกด์แถมให้เราอีกหนึ่งจุด เขาบอกว่าตรงนี้คือ มัลดีฟเมืองไทย อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ทะเลสีฟ้าอมเขียว มองไปเห็นทรายสีขาว สลับกับแนวหินและปะการังแข็ง ตอนลงจากเรือ ลงตรงที่เป็นทราย แต่ว่ายไปดำตรงจุดี่เป็นแนวหินสลับปะการัง ดำสักชั่วโมงก็กลับ เพราะไกด์บอกว่า จุดนี้ถ้าเริ่มเย็นน้ำจะเริ่มขุ่น เวลาดำน้ำจะเริ่มมองไม่เห็นใต้ทะเล สรุป การเดินทางแบบ 1 day trip สิ่งที่ประทับใจคือ 1.      ทัวร์ที่ซื้อเหมาสปีดโบท มีไกด์คอยดูแลอย่างดี มีอุปกรณ์เช่นเสื้อชูชีพ,สน็อคเกิล ที่ยังอยู่ในสภาพดี มีการทำความสะอาด 2.      มีอาหารมื้อเที่ยง ผลไม้ ขนมให้ปลาและน้ำเปล่าสำหรับดื่มและล้างตัว 3.      ท้องทะเลค่อนข้างสมบูรณ์ ปะการังอ่อน-แข็งมีความหลากหลาย ดอกไม้ทะเล  มีสีสันสวยงาม สัตว์ทะเลค่อนข้างหลากหลายในแต่ละจุด   4.      จุดอาบน้ำของทัวร์มีหลายห้องและสะอาด -ปิดทริปแล้วแวะหัวหินก่อนกลับกรุงเทพไปตามระเบียบ-            ~ See u next  trip ~

พาเที่ยวด้วยภาพ early spring เกาะใต้ นิวซีแลนด์

ได้มีโอกาสเที่ยวเกาะใต้ช่วงปลาย กย. 12วันค่ะ ช่วงนี้ถือว่าซากุระกำลังบาน ภาพทั้งหมดถ่ายด้วย mirrorless fuji xe1 กับเลนส์อีก3ตัวค่ะ fuji xf23 1.4 , voigtlander 12 5.6, rokinon 85 1.4    เปิดภาพด้วย Milford Sound แก้ไขข้อความเมื่อ

วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม

วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม                                                เป็นวัดในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน สังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ บ้านป่าไร่ ตำบลท่าข้าวเปลือก (ถนนสายกิ่วพร้าว-บ้านปงน้อย) อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เมื่อปี พ.ศ. 2532 ทางวัดนำโดยท่านเจ้าคุณเย็นเต็กได้จัดซื้อที่ดินบริเวณบ้านป่าไร่ ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อก่อสร้างวัดจีนนิกายแห่งใหม่ขึ้นโดยตั้งชื่อว่า วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม โดยมีการวางศิลาฤกษ์ธรรมศาลาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่าในปี พ.ศ. 2536 และก่อสร้างศาลากตัญญูนุสรณ์โพธิ์แจ้งมหาเถระเมื่อปี พ.ศ. 2537 และได้น้อมศรัทธาสร้างวัดเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี โดยมุ่งการเผยแผ่พุทธศาสนาฝ่ายมหายานและส่งเสริมการศึกษาให้แก่ชาวไทยภูเขาในพื้นที่ภาคเหนือ พระศรีอาริยเมตไตรย องค์ใหญ่ที่สุดในโลก เข้าไปภายในวัดกราบพระ พลุโอ่ง เข้าไปอาคารใต้ฐานพระศรีอาริยเมตไตรย วิวจากมุมสูง

แบกเป้ลากเป๋าไปญี่ปุ่น Backpacker 2 Japan ด้วยสายการบิน Cebu Pacific [Part 1]

หลังจากจบทริปเจแปนเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา หาเวลาว่างมารีวิว เผื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนแบกเป้ลากเป๋าจ้า เป็นรีวิวแรกในชีวิต หลังจากทำการบ้านเก็บข้อมูลในห้องบลูตลอดระยะเวลา 3 เดือน ก่อนบินไปญี่ปุ่นช่วง 17-24 กย 57 แวะทรานซิทที่มะนิลา เพราะได้ตั๋วโปรราคาถูกของเซบู ขอบคุณหลากหลายข้อมูลที่แต่ละคนได้นำมาแชร์กัน เยี่ยม [ขออภัยรูปเยอะไปหน่อยจ้า...อิอิ] ยิ้ม เริ่มเลยละกัน...ตามไปดู...........เล๊ยยยย ใครที่จะใช้สายการบินนี้ควรจะระวังเรื่องการจองน้ำหนักให้ดี เพราะถ้าน้ำหนักเกิน แล้วมาซื้อเพิ่มที่หน้าเคาเตอร์เชคอินราคาคงไม่ไหวนะ หลังจากผ่านเชคอิน และ ตม. ศุลกากร แวะเดินดูของใน Duty free ก็พุ่งไปรอที่หน้าเกตได้เลย เครื่องบินมารอรับผู้โดยสารละจ้า อากาศที่กรุงเทพดีมากไม่เจอฝนเลย ได้แต่ภาวนาที่มะนิลาอย่าเจอฝนเลย...สาทุ!!! ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวฟิลิปปินส์ คนไทยน้อยมากๆๆๆๆ ได้ยินแต่ภาษาตากาล็อก ก็แปลกหูดีนะ ภายในเครื่องจะคล้ายกับโลว์คอสบ้านเรา ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะที่ฟิลิปปินส์สายการบิน Cebu เป็น Low Cost เจ้าถิ่นเลยก็ว่าได้ เริ่มแจกแบบฟอร์มเข้าประเทศฟิลิปปินส์ อย่าลืมกรอกชื่อที่พักนะเด๋วจะโดนถาม เริ่มเห็นทะเลสีสวย และหมู่เกาะน้อยใหญ่ เครื่องใกล้จะแลนดิ้งล่ะจ้า ใช้เวลาเดินทางประมาน 3 ชม.กว่า ก็มาถึงที่สนามบิน Ninoy Aquino International Airport Terminal 3 อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส เดินตามคนฝรั่งไปคะ เพราะจะต้องไปจ๊อบพาสปอร์ต ผ่านตม. ที่ช่อง Foreign Passport สำหรับชาวต่างชาติ ลุ้นตลอดเพราะไม่เคยมาฟิลิปปินส์ โชคดี ตม.ไม่ได้ถามอะไรเลย ประทับตราแล้วผ่านโลดดดด ภายในสนามบินนินอย T3 ไม่ใหญ่มาก ในความคิดดอนเมืองน่าจะกว้างกว่านะ มารอรับกระเป๋าตรงสายพานจ้า พร้อมเล่น WiFi Free ของสนามบิน เนตแรงใช้ได้เลยละ เดินออกมาก็จะเจอป้าย Taxi และรถโดยสารสำหรับเข้าเมือง เลยเดินไปถาม Taxi สีขาว จะเข้าเมือง Makati พนงแจ้งมา 1,800 PHP เดินกลับมาตั้งหลักใหม่ โชคดีที่ได้เจอพี่คนไทย เขาเลยอาสาออกมาส่งนอกสนามบิน และเรียก Taxi ให้ ขอบคุณมากจ้า พาพันขอบคุณ หรือใช้ Taxi สีเหลืองก็ได้นะ ประมาน 300 PHP ต้องต่อรองราคากันเอาเองอ่ะ แต่ถ้าอยากประหยัดต้องขึ้นไปชั้นบนขาออก ไปเข้าแถวต่อรอ Taxi  ที่มาส่งผู้โดยสาร แล้วมารอรับผู้โดยสารต่อ รอคิวนานเหมือนกานแหะ รถยนต์ที่นี่พวงมาลัยจะอยู่ด้านซ้าย ซึ่งตรงข้ามกับประเทศไทยที่อยู่ด้านขวา จากสนามบินมาถึง Tune Makati Hotel ราคา 140 PHP ใช้เวลาประมานครึ่งชั่วโมง รถติดนิดหน่อย ในส่วนห้องพักไม่ได้กว้างขวางมากมาย ออกแนวแคบไปนิดเลยล่ะ แต่ไม่ได้ซีเรียสเพราะนอนไม่กี่ชั่วโมงต้องตื่นตี 2 ไปที่สนามบิน เพื่อรอขึ้นเครื่องไปยังญี่ปุ่น ตอนตี 5 เวลาที่มะนิลาเร็วกว่าไทย 1 ชม. เดินออกมาหาของกินแถวที่พัก คงต้องพึ่ง Madonald's ไปก่อน สภาพบ้านเมืองไม่ต่างจากเมืองใหญ่มากนัก การจราจรก็ติดขัดเป็นธรรมดาเป็นช่วงๆไป วันรุ่งขึ้นต้องรีบมาถึงสนามบินเร็วกว่าเพราะก่อนเข้าสนามบินต้องยืนต่อแถวเพื่อ X-Ray กระเป๋าทุกใบ คนฟิลิปปินส์เยอะมาก ***กรุณาเก็บ Boarding Pass ใบเก่าขามาจากกทม. ให้ดี อย่าทำหายนะ ไม่ง้านจะต้องเสียค่าภาษีสนามบิน 550 PHP*** แล้วนำไปยื่นที่เคาเตอร์จ่ายค่าภาษีสนามบิน ก่อนผ่านไปยัง ตม. และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าแค่มา Connecting Flight อยู่ไม่ถึง 24 ชม. พร้อมกับยื่นบอร์ดดิ้งพาสใบเก่าและใบใหม่ให้กับเจ้าหน้าที่แล้วเขาจะเย็บแม็กติดเป็นชุดเดียวกัน ผ่านได้เลยไม่ต้องจ่ายตังค์คร๊าบบบ ระวังก่อนผ่านเข้าไปด้านใน จะมีเจ้าหน้าที่จะเอากระเป๋าไปชั่งน้ำหนัก Carry on ไม่ควรเกิน 7 kg นะ (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา) เข้าไปรอในเกตเริ่มหิว ต้องหาอะไรใส่ท้องก่อนเดินทางต่ออีกหลายชั่วโมง จนไปเจออยู่ร้านนึง สั่งข้าวหมูหวานมาทาน อร่อยมากมาย มาถึงมะนิลาไม่ควรพลาดของฝากชื่อดัง เป็นมะม่วงอบแห้งยี่ห้อ 7D เป็นสินค้าส่งออกเลยนะ อร่อยดีอ่ะ ซื้อไปกินบนเครื่องแก้เบื่อได้ดี มองออกไปข้างนอกฟ้ายังมืดอยู่เลย เครื่องบินมาแล้ว เตรียมพร้อม Take Off โก เจแปน ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ หลังจากเครื่องบินอยู่บนฟ้า แอร์เริ่มแจกใบฟอร์มของประเทศญี่ปุ่น อย่าลืมกรอกข้อความให้ครบทุกช่องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ระบุข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อที่ผ่าน ตม. ญี่ปุ่นจะได้ไม่ถามมาก พร้อมทั้งเตรียมเอกสารให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นใบจองโรงแรม ตั๋วขากลับ แพลนเดินทาง ใช้เวลาเดินทางประมาน 4 ชม. จากมะนิลามายังสนามบินนาริตะ แอบเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย ขามานั่งทางด้านซ้ายของเครื่องบินจ๊ะ พอเครื่องแลนด์ดิ้ง ก็เดินตามทางไปยัง ตม. และรับกระเป๋าที่สายพาน สามารถเล่น WiFi Free ได้เลยจ้า เดินมาที่ช่อง Foreign Passport สำหรับชาวต่างชาติ สแกนนิ้วมือและหน้าตา ก่อนเข้าประเทศญี่ปุ่น ตม.ไม่ได้ถามอะไรมากมาย ขอดูตั๋วขากลับเท่านั้น เลยยื่นเอกสารทั้งหมดที่มีให้ตรวจสอบ ผ่านโลดดดดจ้า หลังจากผ่านตม. และ ศุลกากร เดินออกมาจะเจอเคาเตอร์ขายตั๋วรถไฟเข้าเมือง จะเดินทางด้วยรถไฟ JR สาย Narita express   แบบจองที่นั่ง เลยซื้อโปรขาเดียวเข้าเมือง 1,500 Yen รอรอบรถไฟเวลา 11:48 ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินนาริตะ ไปยังสถานีชินจูกุ ประมาน 1 ชม. ได้ตั๋วมาตรวจสอบหมายเลขว่าตู้คันที่เท่าไหร่ ที่นั่งเบอร์อะไร เชคได้จากที่พื้น บนแพลตฟอร์มจะมีระบุอยู่จ้า นำเจ้าเครื่อง Pocket Wifi ของค่าย BS ที่เช่ามาจากเมืองไทย มาเปิดเครื่องพร้อมใช้งานกันเล๊ยยย รถไฟมาแล้ว ตรงเวลาเป๊ะๆ แนะนำควรมารอรถไฟก่อนเวลาสัก 10 นาที รถไฟที่ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าตรงเวลาสุดๆ เข้าไปข้างในกันเล๊ย มีป้ายบอกสถานีและเวลาที่รถไฟจะจอดอย่างชัดเจน เช็คได้จากหน้าจอ ขึ้นมาบนรถไฟปุ๊ปต้องเก็บกระเป๋าสัมภาระไว้ในที่เก็บให้เรียบร้อย มีสายล็อกกระเป๋าพร้อมภาพวิธีใช้งานอย่างละเอียด   ภายในรถไฟที่ดูเรียบหรู เบาะนั่งปรับเอนได้สบายมาก กว้างขวางจนไม่รู้สึกอึดอัด เห็นวิวโตเกียวสกายทรี ก็ใกล้เขตเมืองมากขึ้นแล้วจ้า ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีเงาฝน รถไฟ JR สาย Yamanote Line วิ่งสวนกานอยู่ด้านบน เตรียมลงสถานีชินจูกุ พร้อมเอากระเป๋าสัมพาระ  บนรถไฟมีแจ้งแผนที่ของแต่ละสถานีด้วยล่ะ ออกจากรถไฟปุ๊ป เดินหาทางออก West Exit เพื่อขึ้นข้างบนไปยังคิวรถบัส Keio สถานีชินจูกุมีทางออกหลายทางมากมาย เล่นเอามึนตึ๊บไปเลย ระหว่างทางแวะซื้อบัตร Suica ที่ตู้จำหน่ายบัตร มีหลายตู้มาก เช็คให้ดีก่อนซื้อจ้า   สรุปซื้อมา 2,000 Yen โดยมีค่าธรรมเนียมบัตรอีก 500 Yen ใช้ได้ 1,500 Yen บัตร Suica สามารถพิมชื่อตัวเองลงบนบัตรได้เลยนะ ขึ้นมาทางด้านบนออกมาแล้วให้ข้ามไปฝั่งตรงข้าม จะเห็นตึกขายเครื่องใช้ไฟฟ้า Yodobashi บริษัท Keio ขายตั๋วรถบัสจะอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย หาไม่ยากนะ เดินเข้ามาข้างในเพื่อมาจองซื้อตั๋วรถบัสไป Kawaguchiko ไม่ทันรอบล่าสุด สรุปรอ 1 ชม. รถมีออกทุกชั่วโมงจ้า ราคาเที่ยวละ 1,750 Yen จึงซื้อแบบตั๋วไป - กลับ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้รับส่วนลดด้วย ดีใจกันใหญ่ ประหยัดไปหลายเยน หน้าตาของตั๋ว เชควัน เวลาเดินทางไป - กลับให้ดีๆนะ กันพลาด แล้วมารอรถที่ชานชะลาเทียบรถ ก่อนรถออกสัก 10 นาที รถมาแล้วจ้า ตรงเวลาเป๊ะๆ เตรียมเข้าแถวและยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ได้เช็คเพื่อปั้มแสตมป์ลงบนตั๋ว พร้อมเก็บสัมพาระไว้ที่ใต้รถ อย่าลืมเก็บตั๋วใบเก่าไว้ เพราะเจ้าหน้าที่จะเช็คตั๋วตอนลงจากรถบัสที่ Kawaguchiko อีกทีนึงจ้า ขึ้นมาบนรถบัส นั่งตามที่นั่งที่ระบุไว้บนตั๋ว เตรียมตัวออกเดินทางไปยัง Kawaguchiko...Go go go!!! ไปหา Fujisan จุ๊บๆ ***รอติดตามตอนที่ 2 กัน แล้วจะมารีวิวต่อให้นะ เนตเน่ามากกกกก ไม่ไหวเกินจะทน แฮ่ๆ***นานาขอบคุณพาพันขอบคุณ ชื่อสินค้า:   ฟิลิปปินส์ Philippines มะนิลา Manila โตเกียว Japan Kawaguchiko Fujisan คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว แก้ไขข้อความเมื่อ