วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คู่รักชาวอังกฤษ ทำคลิปที่ยวเชียงใหม่ สวยมาก!ฮิตมากในโลกไซเบอร์

เคยชมกันหรือยัง..คลิปเที่ยวเชียงใหม่ จากคู่รักชาวอังกฤษ ที่ถ่ายทำได้สวยเหมือนมืออาชีพ จนกลายเป็นคลิปฮิตที่ชาวไทยภูมิใจในความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ จนส่งต่อกันว่อนเน็ตเลยทีเดียว

อัพโหลด 16-4-2013 21:22
อัพโหลด 16-4-2013 21:21
           เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทย ที่มีคู่รักชาวอังกฤษซึ่งหลงใหลในการท่องเที่ยว ได้ถ่ายทำวิดีโอเพื่อเก็บภาพความทรงจำดี ๆ ยามที่มาเยือนเมืองไทย พร้อมกับเจ้าสุนัขคู่ใจอีก 1 ชีวิต และได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ใน จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งอัพโหลด คลิป "Exploring Chiang Mai Thailand" โพสต์โดยคุณ Eight Miles from Home สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม ซึ่งมีความยาว 6.02 นาที ภายในคลิปถ่ายทอดถึงสถานที่ท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ จากสายตาของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นมุมมองที่แม้แต่คนไทยหลายคนก็อาจจะยังไม่เคยเห็นมาก่อน


           แม้จะออกตัวว่าเป็นเพียงมือสมัครเล่นเท่านั้น ภาพในคลิปก็สวยและสื่อความหมายได้ดีราวกับมืออาชีพ ซึ่งความประทับใจนี้ทำให้คนไทยหลายคน ส่งต่อคลิปดังกล่าวกันทั่วอินเทอร์เน็ต ด้วยความปลื้มใจที่ชาวต่างชาติมองเห็นเรื่องราวดี ๆ ในประเทศไทยและชื่นชมในฝีมือการถ่ายทำของทั้งคู่


           และนอกจากคลิปท่องเที่ยวเชียงใหม่แล้ว คู่รักชาวอังกฤษยังเก็บภาพความประทับใจในการมาเที่ยวเมืองไทย ถ่ายทอดผ่านบล็อค 8milesfromhome.com ของพวกเขาด้ว เอาเป็นว่า..เราลองไปชมมุมมองสวย ๆ ที่น่าประทับใจ เหล่านั้นกันเลยจ้า

อัพโหลด 16-4-2013 21:21

อัพโหลด 16-4-2013 21:22

อัพโหลด 16-4-2013 21:22

อัพโหลด 16-4-2013 21:22









ขอบคุณแหล่งที่มาจาก :  http://kapook.com/

เปิดตัวแล้วจ้า.....เกาะตาชัย เพ็ชรเม็ดงาม น้องใหม่ ในราคาคนไทย

ทัวร์ภูเก็ต เที่ยวภูเก็ตกับ ...ภูเก็ต ฮอลิเดย์ เซ็นเตอร์
www.phuketislandtour.comเกาะตาชัย เพชรเม็ดงามน้องใหม่ น้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายขาวละเอียดนุ่มเท้าชายหาดทรายขาวที่ทอดยาวขนานไปกับผืนน้ำประมาณ 700 เมตร  มีจุดดำน้ำดูปะการัง ที่ทอดตัว ยาวขนานกับชายหาด มีแนวปะการังที่สวยงามและค่อนข้างสมบูรณ์ไปด้วยปะการังแข็งและปะการังอ่อนสีแดงและความสมบูรณ์ของแนวปะการังทำให้เกาะตาชัยอุดมไปด้วยด้วยปลาทะเลน้อยใหญ่ที่เข้ามาหากินและหลบภัย จากอวนลากของชาวประมง หากมาในช่วงจังหวะดีๆ จะได้พบเห็นฉลามวาฬกระเบนราหู และกระเบนนก เวียนว่ายไปมาทักทาย ด้วยความงดงามและความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทำให้ เกาะตาชัยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่
ทำให้นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคน อยากเดินทางไปสัมผัส

เที่ยว
เกาะตาชัย **เปิดให้บริการตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2555 – 30เมษายน 2556**06.00 น.    รถรับจากที่พัก                ออกเดินทางจากภูเก็ต โดยรถปรับอากาศ ไปยัง ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม จ.พังงา
08.30 น.    เรือออกจากท่าเรือมุ่งหน้าสู่เกาะตาชัย
10.00 น.    ว่ายน้ำ ดำน้ำตื้นชมแนวปะการังอันสวยงาม ทางตอนใต้ของเกาะ
               รับประทานอาหารกลางวัน บนริมหาดทรายที่ทอดแนวยาว ขาว สวย
13.00 น.    พักผ่อนตามอัธยาศัยบนชายหาด หรือ สำรวจเส้นทางธรรมชาติไปยังจุดชมวิว
               ดำน้ำ ชมปะการัง เพลิดเพลินกับฝูงปลา
15.30 น.    ออกเดินทางจากเกาะตาชัยมุ่งหน้าสู่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม พังงา
17.00 น.    ถึงท่าเรือรถรอรับออกเดินทางกลับที่พัก โดยสวัสดิภาพ
ราคาเฉพาะคนไทย
ผู้ใหญ่   ท่านละ   2,800  บาท  เด็ก  ท่านละ  1,700 บาท จองทัวร์หรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 086-2774422, 087-2775533,0-7631-3323   หรือ อีเมลล์   info@phuketislandtour.com บริษัท ภูเก็ต ฮอลิเดย์ เซ็นเตอร์ ทัวร์ จำกัด
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 34-00539
ยินดีต้อนรับคนไทย พร้อมให้บริการด้วยไมตรีจิตอันอบอุ่นจากคนภูเก็ต

กลับมาหาดใหญ่ ได้ที่ซุกหัวนอนที่ โรงแรม THE BED HATYAI

สวัสดีอีกครั้งครับ เพื่อนๆชาว Pantip หลังจากทำกระทูรีวิวไปครั้งแรกเมื่อเดือน มีนาคม ก็ห่างหายไปนานได้แต่นั่งอ่านกระทู้ของเพื่อนๆ ครั้งนี้กลับมาหาดใหญ่อีกครั้ง เพื่อมางานแต่งงานของรุ่นน้อง และเพื่อน ก็เลยลองหาที่พักในตัวเมืองหาดใหญ่ สุดท้ายมาลงตัวที่ The BED นี่แหละครับ ทีแรกก็ลองดูจากเวปจองโรงแรมและดูรูปรู้สึกชอบ แล้วก็เลยลองหาจากชื่อของโรงแรม จนเจอ Facebook ของโรงแรม แล้วลองโทรไปสอบถามเทียบราคาดู ราคาที่ได้จากการจองกับโรงแรมจะถูกกว่าก็เลยโทรไปจอง แล้วโอนเงินไปทางบัญชีที่โรงแรมส่งรายละเอียดมาให้ครับ วันที่ผมพักเป็นวันอังคาร แล้วก็เอาแบบไม่รวมอาหารเช้า ห้องที่พักเป็นแบบ Deluxe room ครับ ร่ายมาซะยาว เอาเป็นว่าไปดูกันเลยนะครับ ชื่อสินค้า:   The Bed Hatyai คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

สงสัยเรื่องการสร้างประโยค และลักษณะของประโยคต่างๆในภาษาเยอรมันค่ะ

ดิฉันเพิ่งศึกษาภาษาเยอรมันด้วยตนเองจากอินเตอร์เน็ตเมื่อไม่กี่วันมานี้            ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าของเขาจะมีตัวอักษรและเสียงอ่านคล้ายภาษาอังกฤษ            ดิฉันได้เริ่มศึกษาเรื่องคำนามต่างๆเป็นอย่างแรกจึงทราบว่าเขามี เพศ และ คำนำหน้านามด้วย            ลักษณะของคำกริยาก็ดูง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วย en และอีกตัวไม่แน่ใจว่า e หรือ n            ทราบเรื่องคำสรรพนามที่เป็นประธานของประโยคและกริยาจะเปลี่ยนรูปตามนั้น            คือตอนนี้ทราบแค่นี้ แต่ไม่ได้ฝึกอะไรต่อจากนี้มากนัก                        แต่มีข้อสงสัยเกิดขึ้นในใจว่าการเรียงคำในประโยคต่างๆ ของเขาเรียงกันเช่นไร            ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ ของเขามีรูปลักษณ์เช่นไร เป็นต้น            ไม่ทราบท่านใดกรุณาพอเสียสละเวลาชี้แนะเป็นวิทยาทานได้ไหมคะ

Autumn in England and Wales with National trust: พาลูกชายวัย 5 ขวบเที่ยว ช่วง Half-term 27 Oct - 1 Nov 14

สวัสดีค่า ขอแนะนำตัวก่อน เป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง ที่อาศัยอยู่อังกฤษมาสิบปีแล้วค่ะ มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2004 นานๆ จะตั้งกระทู้ในพันทิปซะที แต่ก็ตามอ่าน แวะเวียนหาข้อมูลหลายๆเรื่องจากที่นี่ตลอด ถึงเวลาของตัวเองอีกครั้ง วันนี้จะมาเม้าท์เรื่องเที่ยว เพราะเหตุว่า ตั้งแต่มีลูก สามีพาเที่ยวบ่อยมากกก จนบางครั้งก็หลงลืม ว่าเราไปไหนกันมาบ้าง จำเหตุการณ์ผิดๆถูกๆ จนบางครั้งก็ เถียงกัน ว่าใครถูกใครผิด ใครแก่กว่า สมองเสื่อม ความจำเริ่มเลอะเลือน อะไรก็ว่าไป เวลาเราพูดถึงความหลังครั้งไปเที่ยว เลยตัดปัญหา บอกสามีไปว่า “ฉันจะเขียนบันทึกเรื่องราวการท่องเที่ยวของลูก และของเรา เอาไว้ กันลืมนะ”   จขกท เลยคิดว่า มาเม้าท์ มาเล่าบอกคนที่เมืองไทยด้วยดีกว่า  เผื่อใครอยากเที่ยว อยากตามไปชมบ้าง การเดินทางท่องเที่ยวของเราในครั้งนี้ เริ่มจาก ครอบครัวของเรา สมัครเป็น สมาชิก National trust ตั้งแต่เดือน ตุลาคม2014 มันเป็นความบังเอิญ ที่วันนึง เราสองคน แอบหนีลูก ไปปั่นจักรยานเล่น ในช่วงลูกอยู่ที่โรงเรียน แล้วเราบังเอิญขับรถไปเจอ ปราสาทนึง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลความเจริญ มีป้ายบอก National trust เราเลยเข้าไปดูค่ะ ป้ายตามท้องถนน จะเป็นป้ายสีน้ำตาล เป็นรูปเหมือนใบไม้ แบบนี้ค่ะ คืออยู่มาก็นาน แต่ไม่ได้รับรู้ หรือมีข้อมูลนี้ อย่าว่าแต่ ตัว จขกท เลยค่ะ แม้แต่สามีซึ่งเป็นคนที่นี่ ยังเพิ่งรู้พร้อมๆกันเลย ตอนแรกกะว่า จะเข้าไปเดินดูเล่นๆ แต่มีค่าตั๋วนี่สิ คือ ดิฉัน งกคะ ขอเข้าไปดูฟรีไม่ได้เหรอ (คิดในใจ) แค่แว๊ปเดียวเอง เพราะต้องกลับไปรับลูกที่โรงเรียน ตอนเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ดีมากค่ะ  อธิบายให้เราฟังเรื่องสถานที่ และ เรื่อง National trust National trust คือ องค์กรที่ก่อตั้งขึ้น เพื่อปกป้องดูแล ธรรมชาติ บ้านเก่าๆ ปราสาทเก่าๆ ทรัพย์สิน ของเศรษฐี เจ้าขุน มูลนาย ของประเทศอังกฤษ ถ้าใครไม่อยากดูแล ก็ บริจาค หรือขายให้องค์กรนี้ดูแล องค์กรนี้เป็นองค์กรที่ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาล เงินที่ได้มาทำนุบำรุงสถานที่ต่างๆ ได้มาจากเงินของสมาชิก การบริจาค การขายของ ตั๋วค่าเข้าชม และกิจกรรมอื่นๆ ที่จัดตั้งขึ้นค่ะ ขอเล่าอย่างคร่าวๆนะคะ ใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่เว็ปไซด์นี้  http://www.nationaltrust.org.uk/ เจ้าหน้าที่ชักชวนเราให้สมัครเป็นสมาชิกค่ะ จ่ายเป็นรายปีจะถูกกว่ามาก สิทธิที่ได้ก็คุ้มกว่าการไม่ได้เป็น ถ้าเป็นสมาชิกแล้ว เราไม่ต้องเสียค่าเข้าชม เสียค่าจอดรถอีก จะเข้าไปเดินเล่นกี่ร้อยรอบก็ได้ และสถานที่ของ National trust ก็มีมากกว่า 500 แห่ง ทั้งอังกฤษ เวลล์ และ ไอร์แลนด์เหนือ เจ้าหน้าที่ว่า ไม่รวม สก๊อตแลนด์ค่ะ เค้ามีของเค้าต่างหาก และ เจ้าหน้าที่ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่า บัตรนี้ใช้ได้กับ สก๊อตแลนด์หรือไม่ เพราะเค้าไม่เคยไป แต่เค้าว่า เคยเห็นคนสก๊อต เอาบัตรของคนที่นั่นมาใช้ที่นี่ เจ้าหน้าที่ก็ให้ผ่านไปได้ เค้าเลยว่า ให้เราลองเอาไปใช้ดู (ใครเคยลองใช้แล้ว มาเล่าให้ฟังบ้างนะค่ะ ว่าใช้ได้รึเปล่า?) สามีคำนวณเงินแล้วบอก เอ้ยยย คุ้มมากกกเลยเธอ เราสมัครกันเถอะ สามีว่า  It’s no brainer to become a national trust member!!  ห๊า อะไรนะ อีเมีย งงค่ะ นี่ เอ็งหลอกด่าชั้นอยู่รึเปล่าวะ พาพันสงสัย เลยถามไปว่า แปลว่าไรเธอ No brainer เนี่ย สามีว่าแปลว่างี้ Something so simple or easy as to require no thought         อะไรที่ง่ายๆ แบบไม่ต้องใช้สมองอะ ออ นึกว่าหลอกด่าเมีย สามีว่า เปล่า ถ้ายูหนะเหรอ No brain เอ้าอันนี้หลอกด่าของจริง Facepalm ค่าสมัคร ตามนี้นะค่ะ http://www.nationaltrust.org.uk/membership/ แต่สำหรับนักท่องเที่ยว ที่อยากมาเที่ยว และไม่อยากจ่ายเป็นรายปี ก็จ่ายได้ตามนี้ค่ะ http://www.nationaltrust.org.uk/article-1356393238809/?campid=Social_Central_Autumn_Facebook_Organ บัตรเป็น Touring pass ค่ะ อยากจะใช้กี่วันก็ซื้อเอา ตั้งแต่เดือนที่ครอบครัวเราสมัครเป็นสมาชิก ครอบครัวเรา ก็ออกเที่ยวทุกๆเสาร์ อาทิตย์ และ วันที่ว่างตลอด คือ กะเอาให้คุ้มกับค่าสมาชิกว่างั้น แค่เดือนเดียว เราเที่ยวคุ้มค่าสมาชิกแล้วค่ะ เพราะค่าตั๋ว ค่าเข้าชมแต่ละที่ ถ้ารวมๆกันทั้งครอบครัวนี่ แพงใช้ได้เลยทีเดียว เอารูปลงเฟสบุค เพื่อนคงคิดว่า เอ้ยยย ครอบครัวนี้รวย เที่ยวตลอดเลย แต่เปล่าเล้ยยยย   คืออยากเชคอินเอาไว้ ว่าเราไปที่ไหนมาบ้างแล้ว กะจะไปให้ทั่วๆเลยค่ะ ข้อดีอีกอย่างก็คือ National trust มี appication ใน iphone ด้วย เราอยู่ที่ไหน ก็สามารถหาแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆเราได้เลย (ใครไปที่ไหนมาบ้างแล้ว เม้าท์บอกกันบ้างน้า เผื่อจะตามไปค่ะ ) เม้าท์ข้อดีของ National trust มานาน เริ่มการเดินทางของเรากันเถอะนะ เพราะสามีต้องไปทำงาน แถว Manchester ค่ะ และเป็นช่วงปิด half term ของลูกพอดี เราเลยไปเที่ยวอังกฤษแทบฝั่งตะวันตก และ เวลล์ทางเหนือกันค่ะ บ้านเราอยู่อังกฤษฝั่งตะวันออก แถวๆ Cambridge ค่า วันหลังถ้ามีเวลา จะเอารูป National trust ทางฝั่งตะวันออกมาฝาก ครั้งนี้ เอาช่วงที่เพิ่งไปมาก่อนก็แล้วกันเนอะ วันแรก 27 Oct 14   เราไปกันที่นี่  Whit peak วันที่สอง 28 Oct 14 ไปชมสวนญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี และ Halloween ที่ Tatton Park วันที่สาม 29 Oct 14 ที่นี่ไม่เกี่ยวกับ National trust ค่ะ แต่เพราะ สภาพอากาศ มันพาไป เลยได้ไปปีนเขาที่ Snowdonia วันที่สี่ 30 Oct 14  ไปชมสวนจีน ที่ Biddulph Garden  และ บ้านอายุ 500 กว่าปี ที่ little moreton hall วันที่ห้า 31 Oct 14 ไปดูสวนที่สวยที่สุด Bodnant Garden และปราสาท ที่ใหญ่อังกาลงานสร้าง penrhyn castle ที่ เวลล์ทางเหนือกันค่ะ วันที่หก 1  Nov 14 ไปชมปราสาท กับสวนสวยๆ ที่ Chirk Castle กับ Powis Castle ก่อนกลับบ้านค่ะ จะค่อยๆทยอยลงรูป จะเลือกรูปที่คิดว่า สวยที่สุดละ (ในความคิดของตัวเอง ) และ บรรยากาศโดยรวมนะค่ะ รูปที่ถ่าย ใช้ Iphone 4 ของตัวเอง Iphon 5 ของสามี และกล้อง cannon eos40D มั่วกันไป คือ รูปเยอะ และเป็นคนที่ใช้กล้องไม่เป็น ใช้เท่าที่มี และไม่ได้เป็นตากล้องมืออาชีพ รุปบางรูป ก็ย่อเล็กบ้างใหญ่บ้าง ก็ขออภัย ใช้โปรแกรมแต่งภาพบ้างเล็กน้อย แต่จะพยายาม ไม่แต่งเว่อร์จนเกินไป เพราะโดนสามีว่ามาว่า “เยอะ!!” แต่แม่สามีชมว่า “รูปที่ลงในเฟส ในอินสตาแกรม สวยมาก เหมือนในฝันเลย” คุณสามีสกัดดาวรุ่งค่ะ “ก็ใช่ไง เพราะมันไม่จริง  ชีใช้โปรแกรมแต่งหนะแม่” เอ้าก็ความสุขของเมียเนอะ อย่าขัดเหอะ หยอกเย้า ถ้าใครได้แวะเวียน เข้าไปดูที่เฟส หรือที่ อินสตาแกรม ก็อย่าแปลกใจนะคะ ว่าทำไม รูปสีไม่เหมือนกัน คือ จขกท แต่งภาพ ตามอารมณ์ แต่ขอยืนยันว่า สถานที่ต่างๆที่ไปสัมผัส สวยจริงอะไรจริง และแต่ละสถานที่ ก็เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวแบบ ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ดูของเก่า ของโบราณ แบบนั้นนะคะ เพิ่มเติมอีกหน่อย เราเดินทางกันด้วยรถยนต์ จะไปไหน ก็ใช้ Navigator นำทางเราไป ใส่ Post code แต่ถ้าใครไม่มีรถ ก็ดาว์โหลด application National trust อยากไปที่ไหน เค้าจะบอกวิธีการเดินทางไว้ค่ะ เม้าท์เยอะ เริ่มดูรูปกันเถอะ เริ่มด้วยวันแรก 27 Oct 14   เราไปกันที่นี่  Whit peak แต่เราขับรถไปจอดที่ Ilam ตอนแรก ส่วนตัวนี่ไม่อยากมาเลยค่ะ เพราะ สถานที่นี้ อยู่ในบริเวณ Peak district ใกล้ Dovedale คือเคยไปแล้ว Peak district และครอบครัวเราไปกันบ่อย เมื่อ 2-3 เดือนก่อนก็ไปเดินเขากันมา แต่สามีว่า "Peak district นี่มันใหญ่นะเธอ ใหญ่กว่าลอนดอนอีก เราไปยังไม่ครบเลย" เออ เอาวะ ตามสามีไป คือ ในการเดินทางแต่ละครั้ง สามีเป็นคนพาไปทั้งหมด สามีเป็นคนวางโปรแกรม ส่วนเมียและลูกเป็นคนเดินตาม แต่แค่ขับรถไปถึงบริเวณรอบๆ ยังไม่ถึงสถานที่ดีเล้ยยยย ตัวเองนี่ถึงกับร้องว้าวเลยค่ะ เพราะมีเจ้าแกะน้อยเต็มไปหมด และวิวนี่ไม่ต้องพูดถึง ธรรมชาติมากๆ ที่นี่ เป็น Youth Hotel ค่ะ เราสามารถเข้าไปพักได้ รายละเอียด ตามเว็ปนี้http://www.yha.org.uk/hostel/ilam-hall ครอบครัวเราว่า ถ้ามีโอกาส จะลองไปพักดู สถานที่นี้ ใครอยากมาถ่ายรูปแต่งงาน มาจัดงาน ก็ติดต่อสถานที่ได้เลย มองลงไปจะเห็นโบสถ์แบบนี้

แบกเป้ตะลุยเที่ยว 12 วัน @ เนปาล ตอนที่ 3

ความเดิมตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/31253397 ความเดิมตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/32828851              กระทู้ด้วยการสรุปข้อมูลสำหรับการ trekking ไป poon hill ตามประสบการณ์ของเรานะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆนักเดินทางข้อที่ 1  จะหาลูกหาบ และไกด์ได้ที่ไหน          - การไป poon hill จะจ้างแค่ลูกหาบหรือจะเพิ่มไกด์ก็ได้ ลูกหาบช่วยขนของและบอกเล่าสถานที่ได้บ้าง ส่วนไกด์จ้างแพงกว่าไม่ช่วยขนของแต่บอกเล่าเรื่องได้เป็นฉากๆๆ... ก็แล้วแต่งบนะคะ....โดยส่วนตัวก็จ้าง potter อย่างเดียวระบุเอาที่พูดอังกฤษได้ โอเลยเค้าช่วยเหลือทุกอย่าง เพราะเวลาเดินเราก็เหนื่อยจนแทบไม่มีอารมณ์ฟังอะไรอ่ะ              - คุณสามารถจ้างจากเอเจนซี่หรือที่พักจากกาฐมัณฑุ หรือแจ้งกะที่พักที่โพคราก็ได้เหมือนกัน สิ่งที่ต่างกันก็คือค่าใช้จ่ายเพราะถ้าคุณจ้างมาจากกาฐค้าจะคิดค่าเดินทางของลูกหาบบวกรวมไปกับของคุณด้วย.....สุดท้ายเราก็แจ้งความประสงค์กับที่พักที่โพคราว่าขอลูกหาบพูดอังกฤษได้ ด้วยค่าจ้าง 1300 รูปีต่อวัน (ประมาณ 15 usd/วัน)...ขอย้ำว่าการหาลูกหาบที่โพคราง่ายมาก...แค่แจ้งกะที่พักอยากได้ไรเค้าหาให้หมด              - ระหว่างการเดินทางเราไม่ต้องจ่ายค่าอาหารหรือที่พักสำหรับ potter นะคะเค้าพัก กิน ฟรี เนื่องจากหาลูกค้ามาให้ที่พัก              - คุณควรจะทิปเค้านะในวันสุดท้ายที่ trekking เสร็จ เพราะเค้าแบกของให้เราหนักและเดินขึ้นลงเขาในค่าจ้างวันละ 450 บาท น่าเห็นใจ....มากน้อยแล้วแต่ผลงานเนอะข้อที่ 2  อยากได้อุปกรณ์ treking ทำไงดี     - คุณสามารถหาทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับ trekking ได้ที่โพครา ร้านอยู่ตามริมถนนในเมือง น่าจะของก๊อบแต่ก็ใช้ดีอยู่         - ไม่แนะนำการใส่ยีนส์เดินเขานะจ๊ะเพราะจะเสียดสีและหนักเวลาเดิน แนะนำใส่การเกงที่เนื้อนิ่มยืดหยุ่นหรือการเกงเดินเขา ราคาก็ไม่แพงเราสอยมาได้ประมาณ 200 กว่า ใส่มันทุกวันระหว่างเดินเขาสบายและเบามากๆ แถมยังสามารถถอดขาเป็นขาสั้นเก๋ๆได้ด้วย                            - สิ่งที่ห้ามพลาดต้องใช้คือถุงนอนเอาแบบที่ทนได้ถึงประมาณ 10-15 องศานะ ตอนกลางคืนจะหนาว          - ส่วนยาก็แล้วแต่ น่าจะมียาพื้นฐานเช่น แก้ปวดกล้ามเนื้อ (NSAIDs), คลายกล้ามเนื้อ ex norgesic/mydocalm, แก้แพ้อากาศ, paracetamol, เบตาดีน และ plaster ปิดแผล ติดไว้กันเหนียวข้อที่ 3 TIM&ACAP          - ที่อ่านรีวิวมาสามารถทำผ่านที่พัก หรือไปทำที่ทำการเองก็ได้ ทั้งในโพคราและกาฐ          - ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาใจร้อนเหมือนเรา ก็แนะนำแบบเราได้ค่ะ เราฝากที่กาฐทำทั้ง TIM&ACAP ตั้งแต่ตอนอยู่เมืองไทย....ติดต่อกันทางอีเมลล์และเฟซบุ๊ค โดยส่งรูปหนึ่งนิ้วกะ passport ให้เค้าทางอีเมลล์แล้วเค้าก็จะไปจัดการให้....นัดรับตั๋วกันที่หน้าสนามบิน เราจ่ายค่า TIM&ACAP รวมกัน 30 usd ค่ารูปคนละ 1 usd ถือว่าไม่แพงและสะดวกมากทีเดียวข้อที่ 4 สภาพอากาศ (เอาตามประสบการณ์ที่ไปมาสองรอบนะ)           - ดีที่สุดคงต้องยกให้ช่วงปลายตุลา-พย เพราะช่วงนั้นอากาศปลอดโปร่ง อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน           - รองลงมาคงต้องให้ช่วง มีนา ฟ้าไม่โปร่งเท่า แต่ก็เห็นทิวเขา และมีฝนประปราย (เหมือนที่เห็นในรายการคนค้นตน)           - แย่สุดก็ช่วงมรสุม อย่างที่เราไปคือปลายกันยาต่อตุลา ก็แล้วแต่ดวงจริงๆ ของเราโชคไม่ดีเพราะแทบไม่เห็นอะไรเลย ยกเว้นวันที่ขึ้น poon hill                          สภาพอากาศวันที่เดินลง                          อากาศตอนเช้าที่ Ulleri                          วิวจากซารางกอต                            วิวที่นากากอต       **** ดังนั้นถ้าคุณจะจองตั๋วโปรของสายการบินก็ควรจะเลือกให้ดีนะว่าจะเสี่ยงหรือเอาแบบเห็นชัวร์จ่ายทีเดียวไม่ต้องซ่อม5555******ข้อที่ 5 เดินเหนื่อยรึปล่าว.....จะไปไหวมั้ย             - คำตอบของประเด็นนี้ก็คงต้องตอบว่าแล้วแต่บุญเก่าที่ออกกำลังกายมา                 - ส่วนตัวเองไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมากมาย...วิ่งบ้างเดินบ้างเดือนละครั้งสองครั้ง..ครั้งละ 2-3 กิโล...ก็เลยสรุปว่าตัวเองไม่ได้ฟิตมากมาย   แต่ถ้าใจมันสู้ก็ไปถึงนะ....เดิน...เดิน...เดิน..ถ้าเหนื่อยก็พัก...                 - คุณควรพกขนม ลูกอม ชอคโกแลต ไปด้วยนะ เพราะมันจะให้พลังงานระหว่างการเดิน                 - น้ำดื่มจะพกขวดเล็กหรือใหญ่ก็ตามสบาย แต่ระหว่างทางมีที่พักเติมน้ำตลอด                 - ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงหรือทุกคนต้องมารอเรานานนะคะเพราะมีเพื่อนร่วมเดินทางตลอด ตอนของตัวเองโบกมือให้น้องๆกะ potter ไปก่อนเลยเราก็ค่อยๆเยื้องย่างตามกำลังกายแล้วก็เดินไปพร้อมๆกะคนที่ตามมาข้างหลัง.....ภาพบางส่วนการ trekking                                                                                                                                                                   ข้อที่ 6  ถ้าคุณจะเดินทางตาม route ที่เราเลือก วันแรกควรจะเดินให้ถึง Ulleri นะคะ ไม่งั้นวันที่สองคุณจะต้องเดินทางมหาโหดเชียวกว่าจะถึง Ghorapani ข้อที่ 7  เรื่องที่พักละเป็นไง/ห้องน้ำ         - ลูกหาบจะเป็นคนดูแลหาที่พักให้เรา บางครั้งถ้าเราเดินช้าเค้าจะล่วงหน้าไปก่อนเพื่อหาที่พักไว้ให้             - ที่พักก็โอเคนะเป็นบ้านไม้สองชั้นยาวด้านบนซอยเป็นห้องพักกั้นด้วยไม้แผ่นอัด ข้างในมีเตียง ฟูก ผ้าห่ม นอนได้ 2-3 คนต่อห้อง สามารถเลือกวิวได้ถ้ามีห้องว่าง                         ลักษณะจะคล้ายกันในทุกหมู่บ้าน              - ตอนตื่นนอนหรือหัวค่ำแนะนำให้ออกมาดูดาวนะคะ สวยมากกกกก....เต็มท้องฟ้าเลย ข้อที่ 8 อาหารการกินล่ะกินได้มั้ย          - ไม่ลำบากเลยสำหรับการกิน รสชาดโอเค (ไม่ได้รสเลิศอะไรมาก)              - แต่คุณจะเจอเมนูซ้ำเดิมในทุกๆวันและทุกๆมื้อ เพราะเค้าควบคุมร้านอาหารให้มันเหมือนกัน ดังนั้นถ้าคุณเจอเมนูที่ใช่เร็วก็จะสบาย5555              - ขอยืนยันอีกเสียงว่า " เค้าทำอาหารช้ามากกกกกกก " รอเงกแทบอยากเข้าไปขอเค้าทำเองเลย              - แนะนำให้พกอาหารแห้งพวก มาม่า หมูแผ่น หมูเส้น น้ำพริกซอง เพื่อเพิ่มรสชาติหรือเผื่อเบื่ออาหาร  คุณสามารถสั่งน้ำต้มมากินได้                                                                                - เมนูที่เรากินเช่น                           โชวเมี่ยนผัก    มันคล้ายหมี่ผัดบ้านเรา                           โชวเมี่ยนชีส       เค็มๆมันๆดี                           พิซซ่า                  แป้งคล้ายซาลาเปาทอดไว้กินกับแยม                           ดาวบาทอาหารประจำชาติ                            น้ำอัดลมมีบริการทุกที่                     น้ำจากยอดข้าวเพิ่มความอบอุ่น   ซักวันชั้นอยากเห็นสักครั้ง ข้อที่ 9 ค่าใช้จ่าย trekking ของเรา 4 วันสำหรับ 3 คน     ค่าลูกหาบ 4 วัน                   วันละ 1300            = 5200  รูปี     ค่ารถแทกซี่ไปกลับนายาปุล    1500*2                = 3000  รูปี     ค่าที่พักและอาหาร                                          = 12340 รูปี     ค่าเข้า POON HILL               คนละ 50              = 150   รูปี     TIM&ACAP                         คนละ 30 usd        = 90 usd         รูปถ่าย                               คนละ 1 usd          = 3  usd                                               รวม 20690 รูปี ( 6900 บาท ) + 93 usd                                               เฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณ 3300 บาท ชื่อสินค้า:   poon hill คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว