แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย yaowalak เมื่อ 22-6-2012 22:07
อัพโหลด 22-6-2012 22:01
อัพโหลด 22-6-2012 22:03
อัพโหลด 22-6-2012 22:00
อัพโหลด 22-6-2012 22:00
อัพโหลด 22-6-2012 22:04
อัพโหลด 22-6-2012 22:04
วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557
Asia Tique แหล่งช๊อปปิ้งใหม่ย่านเจริญกรุง
แห่เทียนพรรษา เทศกาลงานประเพณีใหญ่แห่งเมืองอุบลฯ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย chinmai เมื่อ 28-7-2013 19:07
แห่เทียนพรรษา เทศกาลงานประเพณีใหญ่แห่งเมืองอุบลฯ
ประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกหนึ่งประเพณีของไทยที่สืบทอดเรื่องราวมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ก่อนงานแห่เทียนพรรษาของชาวอุบลราชธานีไม่ได้มีการจัดงานใหญ่โตอย่างในทุกวันนี้ แต่จะเป็นการร่วมกันบริจาคและแบ่งปันเทียนจากชาวบ้านในชุมชน นำมาติดกับลำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ตามรอยต่อ จากนั้นก็มีการประดับตกแต่งให้สวยงาม ส่วนฐานของต้นเทียนใช้เป็นไม้แผ่นเรียบ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่ของทุกคนในชุมชน สมัยนั้นการเคลื่อนย้ายต้นเทียนก็จะใช้เกวียน หรือพาหนะล้อเลื่อนอื่นๆ เทียมวัวหรืออาศัยแรงคนลากจูงนำไปถวายที่วัด พร้อมกับเครื่องไทยธรรมไทยทานอื่นๆ เมื่อรับศีลรับพรจากพระแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่ได้มีการแข่งขันประกวดประชันกันเหมือนอย่างในปัจจุบันนี้
วิวัฒนาการของการทำเทียนได้เปลี่ยนตามยุคสมัย จากการร่วมมือกันทำอย่างง่ายๆ ในชุมชนก็พัฒนามาเป็นการหล่อออกจากเบ้าพิมพ์ได้เป็นชิ้นเทียนลวดลายต่างๆ นำไปติดประดับที่ลำต้นเทียน เพื่อเสริมความงามและสร้างสีสันให้ต้นเทียนมีเอกลักษณ์น่าสนใจมากขึ้น ประเพณีแห่เทียนพรรษาที่เริ่มมีการประกวดประชันต้นเทียน เกิดขึ้นในสมัยชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เป็นข้าหลวงใหญ่มาปกครองมณฑลลาวกาว ซึ่งมีที่ตั้งมณฑลอยู่ที่เมืองอุบลฯ โดยจะแบ่งการทำเทียนร่วมกันของชาวบ้านเป็นแต่ละคุ้ม โดยแต่ละหมู่บ้านจะมีชาวบ้านอยู่หลายคุ้ม ซึ่งทุกคุ้มจะทุ่มเท สามัคคี และพิถีพิถันในการทำเทียนร่วมกันเป็นอย่างมาก ในสมัยนั้นการทำต้นเทียนพรรษาจะใช้ขี้ผึ้งที่มีอยู่ของแต่ละคุ้มมารวมกัน ต้มให้ขี้ผึ้งละลายแล้วนำมาใส่เบ้าหลอม จากนั้นค่อยนำมาตกแต่งให้สวยงามตามรูปแบบที่แต่ละคุ้มคิดไว้ เสร็จแล้วนำใส่คานหามหรือใส่รถบรรทุกเกวียนแห่ไปรวมกันที่ศาลากลางมณฑล พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ก็จะเลือกประทานรางวัลให้กับคุ้มที่ทำต้นเทียนได้สวยงามถูกใจที่สุด ขั้นตอนสุดท้ายคือ การแบ่งว่าแต่ละคุ้มจะได้ไปถวายเทียนที่วัดใด และชาวบ้านแต่ละคุ้มก็ร่วมกันแห่เทียนไปวัดนั้นๆ ด้วยจิตใจที่เปี่ยมบุญ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีแห่เทียนพรรษา ในจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อเวลายิ่งผ่านไป มีรูปแบบของต้นเทียนก็ยิ่งมีความสวยงามและดูมีมิติมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฝีมือชาวบ้านที่เป็นช่างทำเทียนและชาวบ้านที่มีหัวคิดด้านการออกแบบ ทำให้ประเพณีแห่เทียน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นที่รู้จักในระดับโลก เพราะความยิ่งใหญ่ สวยงาม วิจิตร ตระการตา ทั้งขบวนแห่และต้นเทียน และมีกิจกรรมประกอบงานมากมาย เป็นสิ่งช่วยส่งเสริมประเพณีนี้มาโดยตลอด ซึ่งมีมนต์เสน่ห์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากเข้ามาสัมผัสอยู่เสมอทุกปี และแต่ละปีก็จะยิ่งทวีความอลังการทั้งขนาดของต้นเทียน ฝีมีที่วิจิตรขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีการแสดงรื่นเริงประกอบขบวนเทียนให้ได้ชมกันอีกด้วย ซึ่งถือเป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จนนักท่องเที่ยวต่างก็หลั่งไหลมาร่วมงานบุญนี้ทุกๆ ปี ส่วนบรรยากาศการในวันงานนั้นก็คึกคัก คราคร่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่มารอชมขบวนเทียน และแน่นอนว่าตลอดระยะเวลาในการจัดงานนั้น บริเวณรอบๆ ทุ่งศรีเมืองจะมีนิทรรศการเที่ยวกับงานประเพณีให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยทีเดียว
และนี่คือประเพณีแห่เทียนพรรษา แห่งเมืองอุบลฯ ที่นำมาให้ชมกันนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ..แล้วเจอกันอีกในกระทู้ต่อๆไปนะครับ
ขอบคุณที่มาและภาพสวยๆจาก : thetrippacker.com
แห่เทียนพรรษา เทศกาลงานประเพณีใหญ่แห่งเมืองอุบลฯ
ประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกหนึ่งประเพณีของไทยที่สืบทอดเรื่องราวมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ก่อนงานแห่เทียนพรรษาของชาวอุบลราชธานีไม่ได้มีการจัดงานใหญ่โตอย่างในทุกวันนี้ แต่จะเป็นการร่วมกันบริจาคและแบ่งปันเทียนจากชาวบ้านในชุมชน นำมาติดกับลำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ตามรอยต่อ จากนั้นก็มีการประดับตกแต่งให้สวยงาม ส่วนฐานของต้นเทียนใช้เป็นไม้แผ่นเรียบ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่ของทุกคนในชุมชน สมัยนั้นการเคลื่อนย้ายต้นเทียนก็จะใช้เกวียน หรือพาหนะล้อเลื่อนอื่นๆ เทียมวัวหรืออาศัยแรงคนลากจูงนำไปถวายที่วัด พร้อมกับเครื่องไทยธรรมไทยทานอื่นๆ เมื่อรับศีลรับพรจากพระแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่ได้มีการแข่งขันประกวดประชันกันเหมือนอย่างในปัจจุบันนี้
วิวัฒนาการของการทำเทียนได้เปลี่ยนตามยุคสมัย จากการร่วมมือกันทำอย่างง่ายๆ ในชุมชนก็พัฒนามาเป็นการหล่อออกจากเบ้าพิมพ์ได้เป็นชิ้นเทียนลวดลายต่างๆ นำไปติดประดับที่ลำต้นเทียน เพื่อเสริมความงามและสร้างสีสันให้ต้นเทียนมีเอกลักษณ์น่าสนใจมากขึ้น ประเพณีแห่เทียนพรรษาที่เริ่มมีการประกวดประชันต้นเทียน เกิดขึ้นในสมัยชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เป็นข้าหลวงใหญ่มาปกครองมณฑลลาวกาว ซึ่งมีที่ตั้งมณฑลอยู่ที่เมืองอุบลฯ โดยจะแบ่งการทำเทียนร่วมกันของชาวบ้านเป็นแต่ละคุ้ม โดยแต่ละหมู่บ้านจะมีชาวบ้านอยู่หลายคุ้ม ซึ่งทุกคุ้มจะทุ่มเท สามัคคี และพิถีพิถันในการทำเทียนร่วมกันเป็นอย่างมาก ในสมัยนั้นการทำต้นเทียนพรรษาจะใช้ขี้ผึ้งที่มีอยู่ของแต่ละคุ้มมารวมกัน ต้มให้ขี้ผึ้งละลายแล้วนำมาใส่เบ้าหลอม จากนั้นค่อยนำมาตกแต่งให้สวยงามตามรูปแบบที่แต่ละคุ้มคิดไว้ เสร็จแล้วนำใส่คานหามหรือใส่รถบรรทุกเกวียนแห่ไปรวมกันที่ศาลากลางมณฑล พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ก็จะเลือกประทานรางวัลให้กับคุ้มที่ทำต้นเทียนได้สวยงามถูกใจที่สุด ขั้นตอนสุดท้ายคือ การแบ่งว่าแต่ละคุ้มจะได้ไปถวายเทียนที่วัดใด และชาวบ้านแต่ละคุ้มก็ร่วมกันแห่เทียนไปวัดนั้นๆ ด้วยจิตใจที่เปี่ยมบุญ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีแห่เทียนพรรษา ในจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อเวลายิ่งผ่านไป มีรูปแบบของต้นเทียนก็ยิ่งมีความสวยงามและดูมีมิติมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฝีมือชาวบ้านที่เป็นช่างทำเทียนและชาวบ้านที่มีหัวคิดด้านการออกแบบ ทำให้ประเพณีแห่เทียน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นที่รู้จักในระดับโลก เพราะความยิ่งใหญ่ สวยงาม วิจิตร ตระการตา ทั้งขบวนแห่และต้นเทียน และมีกิจกรรมประกอบงานมากมาย เป็นสิ่งช่วยส่งเสริมประเพณีนี้มาโดยตลอด ซึ่งมีมนต์เสน่ห์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากเข้ามาสัมผัสอยู่เสมอทุกปี และแต่ละปีก็จะยิ่งทวีความอลังการทั้งขนาดของต้นเทียน ฝีมีที่วิจิตรขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีการแสดงรื่นเริงประกอบขบวนเทียนให้ได้ชมกันอีกด้วย ซึ่งถือเป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จนนักท่องเที่ยวต่างก็หลั่งไหลมาร่วมงานบุญนี้ทุกๆ ปี ส่วนบรรยากาศการในวันงานนั้นก็คึกคัก คราคร่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่มารอชมขบวนเทียน และแน่นอนว่าตลอดระยะเวลาในการจัดงานนั้น บริเวณรอบๆ ทุ่งศรีเมืองจะมีนิทรรศการเที่ยวกับงานประเพณีให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยทีเดียว
และนี่คือประเพณีแห่เทียนพรรษา แห่งเมืองอุบลฯ ที่นำมาให้ชมกันนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ..แล้วเจอกันอีกในกระทู้ต่อๆไปนะครับ
ขอบคุณที่มาและภาพสวยๆจาก : thetrippacker.com
สักการะพระพุทธบาทเบื้องขวา ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย chinmai เมื่อ 28-7-2013 19:14
สักการะพระพุทธบาทเบื้องขวา ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
ตั้งแต่จำความได้ทุกๆ ปี เราจะต้องเดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทที่ “วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร” ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่มีผู้คนจำนวนมหาศาลเบียดเสียดกันแน่นวัด ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคนถึงเยอะขนาดนั้น เพราะได้แต่นั่งติดรถตามทุกคนในครอบครัวมา พอเริ่มโตก็ค่อยๆ ห่างหาย จนรู้สึกตัวอีกทีเราก็ไม่เคยได้มาสักการะรอยพระพุทธบาทนานเกือบ 20 ปีแล้ว คราวนี้เลยถือโอกาสมารำลึกความทรงจำครั้งเยาว์วัยซักหน่อย
วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนมายาวนานจนกลายเป็นสถานที่เอกลักษณ์ประจำจังหวัดไปซะแล้ว ลองนึกย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน การเดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะเรื่องการเดินทาง ยานพหนะ ถนนหนทาง ที่ยังไม่สะดวกเหมือนในปัจจุบัน กว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันว่า “ถ้าใครได้เดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทนี้ครบ 7 ครั้งอานิสงส์ผลบุญก็จะส่งให้ได้ไปจุติในสรวงสวรรค์ แม้ในชาติภพนี้ก็จะมีชีวิตที่ดี สมหวังทุกประการ” ได้ยินแบบนี้จึงไม่น่าแปลกใจถ้าแรงศรัทธาจะนำพาให้พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกสารทิศ รอยพระพุทธบาทแห่งนี้เป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ซึ่งถูกค้นพบตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม พระมหากษัตริย์องค์ที่ 22 แห่งกรุงศรีอยุธยา หรือเมื่อปีพ.ศ. 2167นับเนื่องมาจนถึงปัจจุบันก็มีอายุกว่า 400 ปีแล้ว รอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ในพระมณฑปรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ประกอบด้วยเครื่องยอดปราสาท 7 ชั้น ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบ กระจกสี ปิดทองคำ เป็นลวดลายวิจิตรงดงาม ทางขึ้นมณฑปเป็นบันไดนาคสามสายสื่อความหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว เชิงบันไดเป็นนาค 5 เศียร ทอดตัวนำไปสู่พระมณฑปด้านบน ตอนเด็กๆ จำได้ว่าทางเดินขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทนั้นช่างสูงและไกลเสียเหลือเกิน กว่าจะเดินไปถึงก็เหนื่อยหอบแล้ว แต่พอโตขึ้นมากลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้สูงอย่างที่เคยจำได้ เดินเพียงแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ถ้าจะมีอาการเหนื่อยหายใจแรงหน่อยก็คงเป็นเพราะสังขารที่แปรเปลี่ยนไปตามอายุนี่แหละ
สักการะรอยพระพุทธบาทแล้ว เราเดินมาที่ “วิหารคลังล่าง” หรือ “วิหารจีน” ซึ่งตั้งอยู่ถัดลงมาจากพระมณฑปนั่นเอง ซึ่งวิหารแห่งนี้นับว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันเลย เพราะพุทธศาสนิกชนชาวจีนและไทยเชื่อกันว่าที่แห่งนี้เป็นที่สถิตของ “ซำปอกง” และ “องค์ไฉ่เซงเอี้ย” ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวจีนทุกคน นอกจากนี้ที่วิหารจีนยังเป็นสถานที่ออก “เตี๊ยบ” หรือ “พาสปอร์ตสู่สวรรค์” ตามความเชื่อของชาวจีนอันมีมากกว่า 380 ปีแล้วซึ่งเชื่อกันว่า “เตี๊ยบ” ที่วัดพระพุทธบาทออกให้จะเป็นหนังสือแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ถ้าตายแล้วมี “เตี๊ยบ” ไปด้วยชีวิตหลังความตายจะดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง ไร้มารร้ายมารบกวน และยังเชื่อว่าจะได้บุญสูงได้ทดแทนคุณบิดามารดาที่ดี ถ้าทำบุญซื้อ “เตี๊ยบ” ให้ท่านเพื่อใช้เป็นใบเบิกทางไปสู่แดนสวรรค์ ดังนั้นทั้งชาวจีนในไทยหรือต่างประเทศต่างก็ถือเป็นประเพณีที่ต้องเดินทางมาไหว้บูชาพระพุทธบาททุกปี พร้อมกับทำบุญของรับ “เตี๊ยบ” ให้ตนเอง บุพการี หรือญาติสนิทมิตรสหาย และนำ “เตี๊ยบ” มารับตราประทับต่ออายุด้วยทุกปี และนี่เองที่เป็นคำตอบของเหตุผลที่เราสงสัยมาตั้งแต่เด็กว่า ทำไมครอบครัวเราถึงต้องเดินทางมาวัดพระพุทธบาทอยู่เป็นประจำทุกปี
นอกจากรอยพระพุทธบาทในพระมณฑปและวิหารจีนอันเป็นจุดสำคัญๆ ของวัดแล้ว ภายในวัดพระพุทธบาทยังมีความน่าสนใจอีกหลายอย่าง ทั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งพระพุทธบาท หรือพระวิหารหลวง พระเจดีย์พระธาตุพนม พระวิหารป่าเลไลย์ เขาโพธิ์ลังกา อนุสรณ์สถานพระเจ้าทรงธรรม เขายนต์ พระมกุฏภัณฑเจดีย์ ศาลพระกาฬ ระฆังแขวน รวมไปถึงโรงเจด้านหลังและอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน ก่อนกลับก็ต้องแวะซื้อขนมและของฝากบริเวณแนวร้านค้าด้านหน้าวัด มีทั้ง มะขาม กระเทียม ของแห้งจำพวก เมล็ดถั่วแดง ถั่วเขียว ลูกเดือย ชุดน้ำจับเลี้ยง ซึ่งถือเป็นสูตรสำเร็จที่ใครๆ ก็ต้องทำ ตามที่จำได้ตั้งแต่เด็ก และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างก็คือต้องซื้อ “ไม้ตะพด” กลับไปด้วยทุกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไมเหมือนกันครับ แต่ที่รู้คือมาเที่ยวพระบาททีไรก็ต้องมีไม้ตะพดติดมือซักอันไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ..แล้วเจอกันอีกในกระทู้ต่อๆไปนะครับ
ขอบคุณที่มาและภาพสวยๆจาก : thetrippacker.com
สักการะพระพุทธบาทเบื้องขวา ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
ตั้งแต่จำความได้ทุกๆ ปี เราจะต้องเดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทที่ “วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร” ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่มีผู้คนจำนวนมหาศาลเบียดเสียดกันแน่นวัด ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคนถึงเยอะขนาดนั้น เพราะได้แต่นั่งติดรถตามทุกคนในครอบครัวมา พอเริ่มโตก็ค่อยๆ ห่างหาย จนรู้สึกตัวอีกทีเราก็ไม่เคยได้มาสักการะรอยพระพุทธบาทนานเกือบ 20 ปีแล้ว คราวนี้เลยถือโอกาสมารำลึกความทรงจำครั้งเยาว์วัยซักหน่อย
วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนมายาวนานจนกลายเป็นสถานที่เอกลักษณ์ประจำจังหวัดไปซะแล้ว ลองนึกย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน การเดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะเรื่องการเดินทาง ยานพหนะ ถนนหนทาง ที่ยังไม่สะดวกเหมือนในปัจจุบัน กว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันว่า “ถ้าใครได้เดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทนี้ครบ 7 ครั้งอานิสงส์ผลบุญก็จะส่งให้ได้ไปจุติในสรวงสวรรค์ แม้ในชาติภพนี้ก็จะมีชีวิตที่ดี สมหวังทุกประการ” ได้ยินแบบนี้จึงไม่น่าแปลกใจถ้าแรงศรัทธาจะนำพาให้พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกสารทิศ รอยพระพุทธบาทแห่งนี้เป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ซึ่งถูกค้นพบตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม พระมหากษัตริย์องค์ที่ 22 แห่งกรุงศรีอยุธยา หรือเมื่อปีพ.ศ. 2167นับเนื่องมาจนถึงปัจจุบันก็มีอายุกว่า 400 ปีแล้ว รอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ในพระมณฑปรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ประกอบด้วยเครื่องยอดปราสาท 7 ชั้น ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบ กระจกสี ปิดทองคำ เป็นลวดลายวิจิตรงดงาม ทางขึ้นมณฑปเป็นบันไดนาคสามสายสื่อความหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว เชิงบันไดเป็นนาค 5 เศียร ทอดตัวนำไปสู่พระมณฑปด้านบน ตอนเด็กๆ จำได้ว่าทางเดินขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทนั้นช่างสูงและไกลเสียเหลือเกิน กว่าจะเดินไปถึงก็เหนื่อยหอบแล้ว แต่พอโตขึ้นมากลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้สูงอย่างที่เคยจำได้ เดินเพียงแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ถ้าจะมีอาการเหนื่อยหายใจแรงหน่อยก็คงเป็นเพราะสังขารที่แปรเปลี่ยนไปตามอายุนี่แหละ
สักการะรอยพระพุทธบาทแล้ว เราเดินมาที่ “วิหารคลังล่าง” หรือ “วิหารจีน” ซึ่งตั้งอยู่ถัดลงมาจากพระมณฑปนั่นเอง ซึ่งวิหารแห่งนี้นับว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันเลย เพราะพุทธศาสนิกชนชาวจีนและไทยเชื่อกันว่าที่แห่งนี้เป็นที่สถิตของ “ซำปอกง” และ “องค์ไฉ่เซงเอี้ย” ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวจีนทุกคน นอกจากนี้ที่วิหารจีนยังเป็นสถานที่ออก “เตี๊ยบ” หรือ “พาสปอร์ตสู่สวรรค์” ตามความเชื่อของชาวจีนอันมีมากกว่า 380 ปีแล้วซึ่งเชื่อกันว่า “เตี๊ยบ” ที่วัดพระพุทธบาทออกให้จะเป็นหนังสือแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ถ้าตายแล้วมี “เตี๊ยบ” ไปด้วยชีวิตหลังความตายจะดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง ไร้มารร้ายมารบกวน และยังเชื่อว่าจะได้บุญสูงได้ทดแทนคุณบิดามารดาที่ดี ถ้าทำบุญซื้อ “เตี๊ยบ” ให้ท่านเพื่อใช้เป็นใบเบิกทางไปสู่แดนสวรรค์ ดังนั้นทั้งชาวจีนในไทยหรือต่างประเทศต่างก็ถือเป็นประเพณีที่ต้องเดินทางมาไหว้บูชาพระพุทธบาททุกปี พร้อมกับทำบุญของรับ “เตี๊ยบ” ให้ตนเอง บุพการี หรือญาติสนิทมิตรสหาย และนำ “เตี๊ยบ” มารับตราประทับต่ออายุด้วยทุกปี และนี่เองที่เป็นคำตอบของเหตุผลที่เราสงสัยมาตั้งแต่เด็กว่า ทำไมครอบครัวเราถึงต้องเดินทางมาวัดพระพุทธบาทอยู่เป็นประจำทุกปี
นอกจากรอยพระพุทธบาทในพระมณฑปและวิหารจีนอันเป็นจุดสำคัญๆ ของวัดแล้ว ภายในวัดพระพุทธบาทยังมีความน่าสนใจอีกหลายอย่าง ทั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งพระพุทธบาท หรือพระวิหารหลวง พระเจดีย์พระธาตุพนม พระวิหารป่าเลไลย์ เขาโพธิ์ลังกา อนุสรณ์สถานพระเจ้าทรงธรรม เขายนต์ พระมกุฏภัณฑเจดีย์ ศาลพระกาฬ ระฆังแขวน รวมไปถึงโรงเจด้านหลังและอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน ก่อนกลับก็ต้องแวะซื้อขนมและของฝากบริเวณแนวร้านค้าด้านหน้าวัด มีทั้ง มะขาม กระเทียม ของแห้งจำพวก เมล็ดถั่วแดง ถั่วเขียว ลูกเดือย ชุดน้ำจับเลี้ยง ซึ่งถือเป็นสูตรสำเร็จที่ใครๆ ก็ต้องทำ ตามที่จำได้ตั้งแต่เด็ก และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างก็คือต้องซื้อ “ไม้ตะพด” กลับไปด้วยทุกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไมเหมือนกันครับ แต่ที่รู้คือมาเที่ยวพระบาททีไรก็ต้องมีไม้ตะพดติดมือซักอันไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ..แล้วเจอกันอีกในกระทู้ต่อๆไปนะครับ
ขอบคุณที่มาและภาพสวยๆจาก : thetrippacker.com
มาแล้วจ้า! โปรบินเริ่มต้น 0 บาท จากแอร์เอเชีย ที่รอคอย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kapook เมื่อ 23-11-2013 19:56
มาแล้วโปรโมชั่นเด็ดๆ แอร์เอเชีย BIG SALE เริ่มต้น 0 บาท รอบนี้เรามีเส้นทางให้เลือกกันเพียบ ไปดูรายชื่อเส้นทางพร้อมวางแผนกันได้เลย สมาชิก BIG Card รับสิทธิจองก่อนใคร แลกคะแนนสะสมได้วันนี้ เวลา 5 ทุ่ม ที่ http://bit.ly/BIGShotDay-TH
อย่าพลาดนะคะ
อัพโหลด 23-11-2013 18:45
โปรบิน 0 บาท จากแอร์เอเชีย
ช่วงเวลาการสำรองที่นั่ง: 25 พฤศจิกายน 2556 - 1 ธันวาคม 2556
ช่วงเวลาเดินทาง: 5 พฤษภาคม 2557 - 31 มกราคม 2558
สำหรับสมาชิก AirAsia Big Shots แลกรับสิทธิ์ก่อนใคร เริ่ม 23.00 วันที่ 23 พ.ย.56 ที่นี่จ้า https://member.airasia.com/login.aspx?culture=th-th
ไม่ใช่สมาชิก เริ่มจอง 23:00 เวลา 5ทุ่ม วันที่ 24 พ.ย. 56
เข้าไปดูราคา และ จองที่http://www.airasia.com/th/th/promotion/rr4760501.page
อัพโหลด 23-11-2013 19:43
โปรบิน 0 บาท จากแอร์เอเชีย
ขอบคุณที่มาจาก http://www.facebook.com/AirAsiaThailand
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=641645465886379&set=a.165322563518674.45394.103932529657678&type=1&theater
มาแล้วโปรโมชั่นเด็ดๆ แอร์เอเชีย BIG SALE เริ่มต้น 0 บาท รอบนี้เรามีเส้นทางให้เลือกกันเพียบ ไปดูรายชื่อเส้นทางพร้อมวางแผนกันได้เลย สมาชิก BIG Card รับสิทธิจองก่อนใคร แลกคะแนนสะสมได้วันนี้ เวลา 5 ทุ่ม ที่ http://bit.ly/BIGShotDay-TH
อย่าพลาดนะคะ
อัพโหลด 23-11-2013 18:45
โปรบิน 0 บาท จากแอร์เอเชีย
ช่วงเวลาการสำรองที่นั่ง: 25 พฤศจิกายน 2556 - 1 ธันวาคม 2556
ช่วงเวลาเดินทาง: 5 พฤษภาคม 2557 - 31 มกราคม 2558
สำหรับสมาชิก AirAsia Big Shots แลกรับสิทธิ์ก่อนใคร เริ่ม 23.00 วันที่ 23 พ.ย.56 ที่นี่จ้า https://member.airasia.com/login.aspx?culture=th-th
ไม่ใช่สมาชิก เริ่มจอง 23:00 เวลา 5ทุ่ม วันที่ 24 พ.ย. 56
เข้าไปดูราคา และ จองที่http://www.airasia.com/th/th/promotion/rr4760501.page
อัพโหลด 23-11-2013 19:43
โปรบิน 0 บาท จากแอร์เอเชีย
ขอบคุณที่มาจาก http://www.facebook.com/AirAsiaThailand
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=641645465886379&set=a.165322563518674.45394.103932529657678&type=1&theater
ขอเชิญเที่ยวงาน รำลึกวันประวัติศาสตร์ รถไฟ รถม้า ครั้งที่ 14 @ลำปาง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vivyfreshy เมื่อ 26-3-2013 14:17
รำลึกวันประวัติศาสตร์ รถไฟ รถม้าลำปางครั้งที่ 14
อัพโหลด 26-3-2013 14:09
ขอเชิญเที่ยวงาน รำลึกวันประวัติศาสตร์ รถไฟ รถม้า ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 1-5 เมษายน 2556 ณ บริเวณหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง โดยภายในงานการแสดงสื่อผสมแสง สี เสียง ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 07.00 น. ใส่บาตรตอนเช้าพระ 56 รูป "พิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวมากับขบวนรถด่วนนครพิงค์ ขบวนที่ 1" บริเวณหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง
ในบรรยากาศล้านนาย้อยยุค กลางคืน เวลา 19.30 น. เปิดงาน "ข้าวแลงสะโตกคำ รับขวัญแขกแก้วมาเยือน" พร้อมกับการแสดงสื่อผสม แสง สี เสียง ชมตลาดย้อนยุค (กาดหมั้ว) แต่งกายย้อนยุคหรือพื้นเมือง ชมและเลือกซื้อสินค้า Otop ชมนิทรรศการประวัติศาสตร์ รถไฟ รถม้า นครลำปาง ชมรมถ่ายภาพแม่เมาะและหน่วยงานองค์การในจังหวัดลำปาง
ชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน นั่งรถม้าชมเมืองลำปาง รอบละ 50 บาท นั่งรถไฟเล็กแลมป์เทค ชมเมืองลำปาง การจัดมหกรรมอาการ การบริการท่องเที่ยว การประกวดหนูน้อยคาวบอยชายและหญิง ข้าวแลงสะโตกคำ พร้อมการแสดงสื่อผสม แสง สี เสียง ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 พบกับสินค้าราคาถูก สหกรณ์ผู้บริโภคและสวนสนุกและอื่นๆอีกมากมาย
สอบถามรายละเอียดเพิมเติ่มได้ที่ : สมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง โทร.081-8812847, 082-2215990 และ 054-318809
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : http://www.thaifranchisecenter.com/event/show.php?etID=4351
รำลึกวันประวัติศาสตร์ รถไฟ รถม้าลำปางครั้งที่ 14
อัพโหลด 26-3-2013 14:09
ขอเชิญเที่ยวงาน รำลึกวันประวัติศาสตร์ รถไฟ รถม้า ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 1-5 เมษายน 2556 ณ บริเวณหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง โดยภายในงานการแสดงสื่อผสมแสง สี เสียง ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 07.00 น. ใส่บาตรตอนเช้าพระ 56 รูป "พิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวมากับขบวนรถด่วนนครพิงค์ ขบวนที่ 1" บริเวณหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง
ในบรรยากาศล้านนาย้อยยุค กลางคืน เวลา 19.30 น. เปิดงาน "ข้าวแลงสะโตกคำ รับขวัญแขกแก้วมาเยือน" พร้อมกับการแสดงสื่อผสม แสง สี เสียง ชมตลาดย้อนยุค (กาดหมั้ว) แต่งกายย้อนยุคหรือพื้นเมือง ชมและเลือกซื้อสินค้า Otop ชมนิทรรศการประวัติศาสตร์ รถไฟ รถม้า นครลำปาง ชมรมถ่ายภาพแม่เมาะและหน่วยงานองค์การในจังหวัดลำปาง
ชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน นั่งรถม้าชมเมืองลำปาง รอบละ 50 บาท นั่งรถไฟเล็กแลมป์เทค ชมเมืองลำปาง การจัดมหกรรมอาการ การบริการท่องเที่ยว การประกวดหนูน้อยคาวบอยชายและหญิง ข้าวแลงสะโตกคำ พร้อมการแสดงสื่อผสม แสง สี เสียง ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 พบกับสินค้าราคาถูก สหกรณ์ผู้บริโภคและสวนสนุกและอื่นๆอีกมากมาย
สอบถามรายละเอียดเพิมเติ่มได้ที่ : สมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง โทร.081-8812847, 082-2215990 และ 054-318809
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : http://www.thaifranchisecenter.com/event/show.php?etID=4351
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย KaoCity เมื่อ 7-3-2013 19:17
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
เมืองฟุงซาล เป็นเมืองหลวงของ เกาะมาเดรา และเป็นเมืองท่าที่สำคัญในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ โปรตุเกส แต่เกาะมาเดราอยู่ห่างจากตัวแผ่นดินของโปรตุเกสถึง 900 กิโลเมตร
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
เกาะมาเดรา เป็นเกาะที่ประกอบด้วย คือส่วน เกาะมาเดรา และเกาะปอโต้ ซานโต ทั้งสองเกาะนี้เกิดจากการก่อตัวของเปลือกโลกที่อยู่ใต้ท้องทะเล แต่เดิมนั้นเกาะมาเดรา เป็นบริเวณที่มีการปลูกต้นอ้อยแหล่งใหญ่ที่สุดของยุโรป
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
นอกจากนั้นแล้วก็ยังใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสำรวจทางทะเลของชาวโปรตุเกส ในสมัยยุคล่าอาณานิคม ต่อมาเมื่ออ้อยจากบราซิลเข้ามาตีตลาดยุโรป ก็ทำให้การปลูกอ้อยที่นี่ลดลง และเปลี่ยนมาเป็นการทำอุตสาหกรรมไวน์แทน ไวน์จากมาเดรา เป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงมาก และโด่งดังมากจนมาถึงปัจจุบันนี้
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
นอกจากนี้ เกาะมาเดรา ยังมีเทศกาลดอกไม้ที่มีชื่อเสียงอย่าง “สวนลอยแห่งแอตแลนติก” ระหว่างวันที่ 9-15 พฤษภาคม ทุกปี มีขบวนรถพาเหรด ตกแต่งด้วยดอกไม้หลายพันคัน ผู้คนร่วมงานตกแต่งชุดที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ เดินขบวนเต็มท้องถนนของเมือง เป็นอีกหนึ่งเทศกาลระดับโลก ที่นักท่องเที่ยวรักดอกไม้ไม่ควรพลาด
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
ที่มา : http://travel.mthai.com/world-travel/46867.html
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
เมืองฟุงซาล เป็นเมืองหลวงของ เกาะมาเดรา และเป็นเมืองท่าที่สำคัญในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ โปรตุเกส แต่เกาะมาเดราอยู่ห่างจากตัวแผ่นดินของโปรตุเกสถึง 900 กิโลเมตร
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
เกาะมาเดรา เป็นเกาะที่ประกอบด้วย คือส่วน เกาะมาเดรา และเกาะปอโต้ ซานโต ทั้งสองเกาะนี้เกิดจากการก่อตัวของเปลือกโลกที่อยู่ใต้ท้องทะเล แต่เดิมนั้นเกาะมาเดรา เป็นบริเวณที่มีการปลูกต้นอ้อยแหล่งใหญ่ที่สุดของยุโรป
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
นอกจากนั้นแล้วก็ยังใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสำรวจทางทะเลของชาวโปรตุเกส ในสมัยยุคล่าอาณานิคม ต่อมาเมื่ออ้อยจากบราซิลเข้ามาตีตลาดยุโรป ก็ทำให้การปลูกอ้อยที่นี่ลดลง และเปลี่ยนมาเป็นการทำอุตสาหกรรมไวน์แทน ไวน์จากมาเดรา เป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงมาก และโด่งดังมากจนมาถึงปัจจุบันนี้
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
นอกจากนี้ เกาะมาเดรา ยังมีเทศกาลดอกไม้ที่มีชื่อเสียงอย่าง “สวนลอยแห่งแอตแลนติก” ระหว่างวันที่ 9-15 พฤษภาคม ทุกปี มีขบวนรถพาเหรด ตกแต่งด้วยดอกไม้หลายพันคัน ผู้คนร่วมงานตกแต่งชุดที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ เดินขบวนเต็มท้องถนนของเมือง เป็นอีกหนึ่งเทศกาลระดับโลก ที่นักท่องเที่ยวรักดอกไม้ไม่ควรพลาด
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
อัพโหลด 7-3-2013 19:12
ว้าว!งานเทศกาลดอกไม้ที่ เกาะมาเดรา
ที่มา : http://travel.mthai.com/world-travel/46867.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)