วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
หาเพื่อนร่วมเดินทางแบบ Backpack ไปวังเวียง หลวงพระบาง ช่วงเดือน ธค 57 หรือ มค 58 มีใครสนใจไหมครับ?? 😊😊
ยังไม่แพลนใดๆครับ อยากไปแบบลุยๆ
แบกเป้รุงรัง เที่ยวลาว เวียงจันทน์-หลวงพระบาง-วังเวียง 5 วัน 6 คืน งงอะดิ 5 วัน 6 คืนจริงๆ ตัวคนเดียวด้วยกิกิ
สวัสดีครับ นี่คือการรรีวิวครั้งแรกของผมเลยนะเนี่ย อิอิ ยืมรหัสพี่สาวมาอีกตั้งหาก เนื่องจากผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวประเทศลาว
เมื่อวันที่ 14 กลางคืน ถึงวันที่ 19 ด้วยตัวคนเดียวถือว่าเป็นการเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกของผมเลย
และก็เป็นการ Backpack ครั้งแรกในชีวิตด้วยเหมือนกัน เพราะปกติแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ทำงานเป็นแรงงานทาสสสสสส
แล้วพอดีเมื่อวันที่ 14 ถึง 23 พ.ย. 2557 นี้ ผมปิดเทอมพอดีหลังจากใช้ชีวิตยืดยาว ทำงานและเรียนติดต่อกัน
ตั้งแต่จันทร์ถึงวันอาทติย์ ไม่ได้หยุดพักเลย บางวันขึ้นงาน 6.30 เลิกก็เที่ยงคืนแบบนี้ประจำ ในเมื่อมีโอกาสแล้วผมจึงเลือกที่จะไปเที่ยวสักที่หนึ่ง
ผมเลือกที่จะไปประเทศลาวครับ เนื่องจากไปง่าย และใกล้ดี อีกทั้งยังใช้เวลาไม่นานด้วย(มั้ง ผมหลับตลอดการขึ้นรถเลย)
ตื่นเต้นมากครับ เกิดมาจนอายุ 23 บอกเลยว่านอกจากการนั่งรถทัวร์เข้า กทม. แล้วผมแทบไม่เคยนั่งไปจังหวัดอื่นเลย
อีกทั้งเป็นคนกลัวรถสองแถว รถเมย์ รถตู้อะไรแบบนี้มาก ถ้าไม่ใช่ทัวร์ หรืออะไรที่แบบว่าขับเรื่อยๆ ผมไม่กล้านั่งเลย 555+ (โรคกลัวหลงทางนะ T^T)
ปกติไป กทม. ก็จะนั่งรถแท็กซี่ตลอด เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่หลงนะ 555+
ดังนั้น ครั้งนี้เหมือนเป็นการท้าทายจิตใจผมน่าดูเลยนะคับ เนื่องจากต้องนั่งรถเองหลายต่อเพื่อไปเที่ยวแล้ว และต้องนั่งรถในประเทศอื่นอีก ลังเลมากกกกกกกกกกกก ตอนแรกวันที่จะไปเกือบตัดสินใจไม่ไปแล้ววววว เพราะคิดไปคิดมา กลัวววว ถ้าหลงทางจะทำยังไงดีนะ แต่ด้วยความคิดที่ว่า เอาวะ!!!! ครั้งแรกในชีวิต เป็นไงเป็นกัน
โทรหาแม่เลยครับ แม่อนุมัติการเดินทาง เก็บข้าวของ ระหว่างที่รอให้ถึงวันเดินทางตื่นเต้นมากเลยครับ นับวันถอยหลัง สอบแล้วเดินทางกันเลยทีเดียว
เริ่มกันเลยละกันดีกว่านะครับหลังจากฟังอะไรเวิ่นเว้อมานานมากกกกกๆ
***เรามาดูของที่จำเป็นต้องพกติดตัวไปกันดีกว่าครับ
1.เสื้อผ้า กางเกงใน ยกทรง(อันนี้ผมไม่มีนะครับ อย่าเข้าใจผิด)
2.แว่นกันแดด
3.หมวก
4.ครีมกันแดด
5.รมคันเล็กๆ
6.เครื่องอาบน้ำ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า ยาสระผม
7.กล้องถ่ายรูป (กรณีผมเป็น Iphone 4 ธรรมดาครับ ไม่มีงบซื้อ และขี้เกียจแบกครับ)
8.Power Bank ของผม 2800 ชาร์จได้ครั้งเดียว แต่ไม่ซีเรียสครับ ปกติไม่ค่อยเล่นอยู่และ
9.ขาดไม่ได้ครับ ไปคนเดียว ต้องมีไม้ Selfie และ Remote ด้วยเพื่อใช้ถ่ายภาพตัวเอง 555+
10. Passport (ห้ามลืมเด็ดขาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด*********** ดอกจันตัวโตๆ)
11.เงินครับ สำคัญที่สุดในการเดินทางแล้วนะเนี่ยยยย ครั้งนี้ได้งบประมาณจากทางบ้าน มีเงินติดตัวไป 8000 บาทถ้วนครับ กะใช้ไม่เกินนี้นะครับ
12.ไฟฉายครับเพื่อยามจำเป็น
13.หูฟัง จำเป็นมากกกกกกกก เวลาเดินทาง เพราะไม่อยากได้ยินเสียงเครื่องยนต์บ้าง อะไรงี้ครับ
14.ถ้ามี Ipad โหลดหนังการ์ตูน อะไรก้อตามแต่แล้วแต่ชอบครับ ใส่ไปด้วยก็ดีครับ เวลาเดินทางบางครั้งมันยาวนานนิดหน่อย อาจจะเบื่อกันได้
หลังจากเตรียมของเสร็จแล้ว เราได้กระเป๋าเป้ Backpack เก่าๆของผมที่ใช้ตั้งแต่ปี 1 ตอนนี้ปี 5 และเก่ามากกกกกก เอากลับมาใช้ยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิมครับ พอผ่านการซักในรอบ 5 ปีนี้ สภาพนี้อย่างใหม่อะ
..........ครับผมเรียนและทำงานอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์แหละ ดังนั้นการเดินทางของผม จึงเริ่มจากจังหวัดนี้ ไม่ได้เริ่มจาก กทม เหมือนกระทู้อื่นเขานะครับ
ผมเดินทางวันที่ 14 พย. 2557 เวลาประมาณ 3 ทุ่มด้วยรถทัวร์ของบริษัท เพชรประเสริฐทัวร์ครับ สาย เชียงใหม่-อุบลราชธานี เวลา 21.30 น ครับ
ตื่นเต้นมากๆเลย วันแรก ขนาดรถทัวร์ยังไปขึ้นแทบไม่ทัน 555+ พอดีคนที่จะไปส่งเค้าบังเอิญลืมนะคับ ต้องให้คนในหอไปส่งแบบ Emer กันเลยทีเดียว
พอวิ่งไปถึงรถทัวร์เค้าประกาศชื่อผมทันที อายมากกกกกกกก T^T กลับตัวไม่ทันแล้ววววว ทำไงได้
ช่วงนี้ยังไม่มีภาพอะไรมากนะคับ เนื่องจากกำลังงงๆ
- อ่อ ผมไม่มีกล้องอะไรเลยครับ มีแค่ Iphone 4 ธรรมดา กับ PowerBank ขนาด 2800 ธรรมดามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พอดีไม่มีงบซื้อ 555+ แต่โอเคครับผมไม่ได้ซีเรียสอะไรสักนิดเลย มีไอโฟนเก๋ๆเครื่องเดียวพอแล้วววว กิกิ
ผมเดินทางออกจากจังหวัดอุตรดิตถ์เวลา 21.30 น ในวันที่ 14/11/2557 ครับ ระหว่างทางผมหลับตั้งแต่นั่งลงเนื่องจากความเหนื่อยล้าหลังสอบ ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปขนาดสอบ Oral กับ OSCE สามข้อ ยังเหนื่อยได้ขนาดนี้(หราาาา) ตื่นอีกที ก็จังหวัดอุดรธานีแล้วครับเวลา 04.40น.
จังหว่ะนี้บอกเลยว่าตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกจริงๆ พอลงรถที่หน้าบริเวณ Central อุดรธานี จะมีตู้ Van Station ที่บริเวณลานจอดรถหน้า Central อุดรธานีพอดีเลยครับ ซึ่งตอนนี้ต้องซื้อตั๋วรถตูต่อจากอุดรไปที่ จ . หนองคายครับ
-- ระยะทางระหว่างท่ารถตู้อุดรธานี ถึง ด่านจังหวัดหนองคาย ราวๆ 50 กม.ครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที
ถ้าใครขาแข็งแรงจะวิ่ง จะเดิน ไปก็ได้นะครับ (หลอกกกกกกก) อิอิ อย่าเสียเวลาครับ ขึ้นรถตู้ไปเลย บอกเค้า ลงหน้าด่านเลยลุง
-- รถที่ผมได้เป็นรถตู้ขนาด 12 ที่นั่งครับไม่กว้างมาก รอบ 5.30 น . คนเต็มรถพอดีครับ ไม่มีที่วางของต้องวางของบนตัก
-- ระหว่างทางจะมีด่านครับ เค้าจะขอดูบัตร ปชช หรือ passport ก็เปิดให้เค้าดูปกติครับ แล้วเราก็จะผ่านไป
--หลังจากรถวิ่งได้สักพักก็จะมาถึงด่านผ่านแดน ไทย-ลาว ครับ ตอนนั้นเช้ามากกกกกกกกก คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ พอลงรถ ให้เราเดินไปยังจุดผ่านแดนช่องซ้ายมือมือครับ เป็นขาออกจากประเทศไทย
*******มาถึงช่วงผ่านแดนครับ สิ่งที่เราต้องเตรียมคือ*******
-Passport
- เขียนบัตร Immigration Department ของประเทศไทยครับซึ่งจะมีสองส่วน มีขาเข้า และ ขาออก
------- หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ให้ไปยื่นที่ช่องผ่านแดนครับ จนท จะทำการดึงบัตร ขาออกของเราไป ให้เราเก็บบัตรส่วนขาเข้า เอาไว้ให้ดีจนวันกลับนะครับ(เพื่อความไม่เสียเวลาตอนกลับ)***
หลังจากผ่านจุดแดนประเทศไทยมา เราก็ชิวแล้วครับ พอเดินออกจากประตูจุดผ่านแดนไทย จะมีจุดขายตั๋วรถเมย์ข้ามสะพานผ่านแดน ราคาคนละ 15 บาทครับ มีรถออกตลอด พอซื้อตั๋วเสร็จก็สามารถเดินไปขึ้นรถที่จอดรอได้ทันทีเลย ง่ายมากๆครับ
อันนี้ภาพระหว่างข้ามสะพานไทย - ลาว เวลาประมาณ 7.00 น ครับ เช้ามากกกกกกกๆๆ
อิอิ สวยงามและตื่นเต้นครับ
--พอรถวิ่งออกได้มาประมาณ 5 นาทีก็จะถึงด่านประเทศลาวครับ
ขั้นตอนผ่านแดนประเทศลาวจะค่อนข้างเยอะหน่อยครับ
ต้องตั้งใจฟังดีๆนะครับ
พอลงรถมาหน้าด่านลาวจะมีสามล้อมารุมเราเยอะมากๆๆๆๆๆๆ เราอย่าไปสนใจนะครับเดินตรงไปที่ตู้แรกเลย
----ตู้แรกจะขายบัตร ผ่านประตู One Way Ticket ราคาประมาณ 20 บาทได้มั้ง (เรื่องราคาผมจำไม่ได้สักเท่าไหร่ไม่ได้จดเลยครับ ตอนนั้นยังๆ ราคาเงินบาทกับกีบอบู่เลย)
---- หลังจากซื้อบัตรเสร็จ ให้เราเดินต่อไปตู้ที่สองเพื่อรับบัตร ผ่านแดนเหมือนประเทศไทยเลยครับ
มีให้เขียนสองส่วนขาเข้า - ขาออก
ให้เราเขียนบัตรส่วนขาเข้าและออกไว้เลยครับ
หลังจากนั้นก็แนบกับ passport และยื่นให้ตู้ที่สองครับ และส่วนนี้เราก็จะเสียตังอีก ประมาณ 20 บาทมั้งครับ
555+ ผมจำราคาไม่ได้เท่าไหร่ เค้าจะดึงบัตรขาเข้าเราไว้ แล้วให้เราเก็บบัตรขาออกไว้เหมือนประเทศไทย (เพื่อความรวดเร็วในตอนกลับ)
--พอยื่นบัตรเสร็จก็เดินตรงไปเรื่อยๆ จะไปถึงจุดที่เราต้องใช้บัตร One Way Ticket หยอดเข้าตู้เหมือนขึ้น BTS บ้านเราเลย
พอหยอดเสร็จเดินไปเลยนะครับ ไม่ต้องรอรับบัตร 55555+ (คือผมรอรับบัตรหน่ะ _<")
เท่านี้เราก็เข้าประเทศลาวได้แล้ว เย่ๆๆๆ
**** อ่อๆ passport เราจะได้ตาปั้มแบบนี้เมื่อผ่านด่านลาวด้วยนะครับ
*****ฟังดีดีนะครับหลังจากออกจากประตูที่ต้องใช้บัตรแล้ว จะมีพี่สามล้อมารุมล้อมเราเหมือนเราเป็นนางเอกหนัง AV (ประมาณนั้น) เราอย่าไปสนใจครับเดินผ่าไปเลย ซ้ายมือเราจะมีธนาคารครับ แต่เปิด 9.00 น นะครับ ค่าเงินตอนนั้น 1 บาท = 247 กีบ แต่ตอนนั้นเพิ่งจะ 7.30 น ได้ เราเลยยังแลกเงินไม่ได้ ไม่ต้องห่วงนะครับ เรายังสามารถใช้เงินไทยได้ เย๊ๆๆๆๆๆๆ
หลังจากเดินผ่านธนาคาร เราข้ามถนนไปทางขวามือครับเดินไปขวามือยังไงก็ได้
จะเจอรับป้ายรถเมย์ อยู่ที่ฟุตบาท ขวามือครับ และจะมีรถสีเขียวๆ คือแบบเขียวทั้งคันนะคับ
มันจะจะเขียนที่รถตัวเล็กๆว่า From peoples of Japan อะไรสักอย่าง ขึ้นไปเลยครับ
นั่งตรงไหนของรถก็ได้ จะเกาะล้อรถก็ได้ แหะๆ ผมอำนะ
พอขึ้นรถแล้วก็นั่งรอไปครับ จะหลับก็ได้ รถจะออกเมื่อนาง อยากอออกครับ
พอรถออกจะขับด้วยความเร็วประมาณ 41.4 กม/ชม. ได้ และจะจอดรับ ผดส. ตลอดทางครับ
แต่ผมโอเคดีนะ ได้มองเมืองเวียงจันทน์ไปด้วยเรื่อยๆ สบายดีครับไม่ซีเรียส
-- ถามผมว่านี่คือการนั่งรถเม ในรอบกี่ปี บอกได้เลยครับ 5 ปี ตั้งแต่เรียนปี1 ผมไม่เคยข้นรถเมเลยแหละ 555+ คือเรียนที่พิษณุโลกตอนปี 1-3 เวลากลับบ้านก็กลับรถส่วนตัวกับเพื่อนหน่ะ พอปี 4-6 ต้องมาเรียนที่อุตรดิตถ์ ก็ใช้รถส่วนตัวตลอด ดังนั้นระหว่างนั่งรถเมในเวียงจันทน์นี่บอกเลย "โครตตื่นเต้นอะ"
นั่งทำหน้าเหมือนเคยมาบ่อย อะไรประมาณนั้นแหละ 555+
-- รถเมย์วิ่งจะมาถึงท่ารถในเวียงจันทน์ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับ จะจอดปลายสายที่ท่ารถเลยหล่ะ
*** ค่าโดยสานประมาณ 20-40 บาทละมั้งครับ ผมไม่แน่ใจอีกแล้ว!!!! 5555+ ตอนนั้นก็ยังงงๆค่าเงินเลย
**เดี๋ยวมาต่อนะครับ
***ไม่ค่อยมีรูปอะไรมาก เพราะยังไม่ค่อยได้ถ่ายอะไรเท่าไหร่เลยนะครับ T^T ขอโทษด้วย แต่ถ้ามีอะไรสงสัยผมตอบได้ผมจะตอบนะครับ ชื่อสินค้า: ลาวเหนือ เวียงจันทน์ วังเวียง หลวงพระบาง คะแนน: **SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว แก้ไขข้อความเมื่อ
6 เหตุผล “ทำไม” Tokyu Hands สิงคโปร์ จึงน่าช็อปกว่า “ญี่ปุ่น”!!!
อีกหนึ่งร้านที่ “เขยิบ” เข้ามาใกล้เราอีกนิดแล้วค่ะ
Tokyu Hands ห้างสรรพสินค้าสร้างสรรค์ เอกลักษณ์ของญี่ปุ่น เปิดสาขาที่สิงคโปร์แล้ว!!!
ฉันแวะไปเดินชมมาเมื่อคืนก่อนนี้ …ในระหว่างที่เดินดู ความคิดหลายๆอย่างก็ผุดขึ้นมา
หนึ่งในนั้นคือสินค้าของ Tokyu Hands สิงคโปร์ น่าซื้อแทบทุกชิ้น และยิ่งไปกว่านั้นมันน่าซื้อกว่าญี่ปุ่นอีกด้วยนะ?
------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเพจของเราได้ที่ www.facebook.com/thaifootprint
หรือสมัครรับข้อมูลท่องเที่ยว www.thaifootprint.com คร้า
------------------------------------------------------------------------------
1…
พื้นที่ของ Tokyu Hands สิงคโปร์เล็กกว่าญี่ปุ่นมากโข สินค้ามหศัจรรย์เหมือนที่ดึงออกมาจากกระเป๋าโดราเอมอน จึงต้องคัดเฉพาะรุ่นเด็ด Best Seller เท่านั้น ที่จะได้มาวางขาย
โชคดีจึงเป็นของลูกค้า ประหยัดเวลา ไม่ต้องควานหาแต่ละชั้นแต่ละมุมเหมือนที่ญี่ปุ่น
ของเด็ดๆจะถูกว่างที่หัวชั้น เช่น แปรงสีฟันนาโน ผงย้อมสีผมมหัศจรรย์ กรรไกรตัดเล็บแว่นขยาย … ฯลฯ
แปรงสีฟันนาโน
ยาย้อมผมมหัศจรรย์
2…
ทุกชิ้น ทุกอย่าง มี “คำแปล” ภาษาอังกฤษ!!! โอ้แม่เจ้า ไม่ต้องเดาจาก verb และภาษาญี่ปุ่น ที่ข้างกล่องกันอีกต่อไป!!!! คราวนี้แหละเข้าใจทุกชิ้น มีคำแนะนำทุกสเต็ป … สวรรค์ของฉัน แต่นรกของคุณสามีค่ะ
3…
มีแยกสินค้า “The Japan Difference” ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ และ “First Time in SG” ให้อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าเหล่านี้ก็ต้องเป็นครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน เพราะ Tokyu Hands มีสาขาที่สิงคโปร์ประเทศเดียวเท่านั้นในภูมิภาคนี้!!!
------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเพจของเราได้ที่ www.facebook.com/thaifootprint
หรือสมัครรับข้อมูลท่องเที่ยว www.thaifootprint.com คร้า
------------------------------------------------------------------------------
4…
เป็นอาณาจักรของเครื่องเขียน คนรักงานวาด อย่างไม่ต้องสงสัย กำแพงปากกากว่าห้าสิบแบบ พร้อมคำอธิบาย สมุดโน็ตปกเก๋ๆ สติกเกอร์สุดน่ารัก ตัวสแตมป์ที่อยากครอบครอบแทบทุกแบบ … เห็นแล้วก็อยากกวาด เป็นเจ้าของทุกชิ้นเลยค่ะ
5…
มีเครื่องสำอางที่สาวญี่ปุ่นไว้วางใจให้เลือกซื้อมากมาย สาวไทยเห็นแล้วกรี้ดเสียงแหบกันแน่นอน และที่สำคัญมีครีมพอกหน้า “เต้าหู้” ที่สาวไทยติดใจด้วยค่ะ
6…
ของขบขัน ตลกโปกฮา แต่แฝงนัยซีเรียส ก็มีขายตามสไตล์คนญี่ปุ่น เช่นหน้ากากประธานาธิบดี โอบามา หรือนายกรัฐมนตรีชินโซอาเบะ เข็มกลัดตัวการ์ตูนที่วาดจากฝีมือของศิลปินญี่ปุ่น ตุ๊กตาฟูจิโก๊ะ หรือสาวน้อยเกาะแก้วที่กำลังฮิตนักหนาก็มีให้หาซื้อกันค่ะ
------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเพจของเราได้ที่ www.facebook.com/thaifootprint
หรือสมัครรับข้อมูลท่องเที่ยว www.thaifootprint.com คร้า
------------------------------------------------------------------------------
ที่ตั้ง B1 Orchard Central
สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Somerset
เปิด ปิด 10.00-22.00 น. ทุกวัน ชื่อสินค้า: ช็อปปิ้งสิงคโปร์ คะแนน: **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
บันทึกการเดินทางสู่บ้านมะกอก
สวัสดีค่ะ เรื่องมันเริ่มที่อยู่ๆ ก็นึกอยากจะไปหาที่พักกายพักใจ จังหวะนั้นเองที่เพื่อนส่งรีวิวบ้านมะกอกในพันทิปมาให้ดู ไอเราก็ปิ๊งเลย ที่นี่แหละ! เมื่ออะไรๆ ลงตัว ก็เริ่มปฏิบัติการจองที่พัก บ้านมะกอกมีที่พักทั้งหมด 8 ห้อง ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากเพราะห้องที่เราอยากไปพักนั้นเป็นหนึ่งในสองห้องที่ว่างอยู่ ห้องพัดลม หมายเลข 7 ด้านหน้าเป็นคลอง ด้านข้างเป็นป่าโกงกาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ด้วยความที่ว่านี่คือทริปแรกในชีวิต ที่ต้องเตรียมการอะไรเอง ความกังวลใจจึงมีอยู่ค่อนข้างมากว่าอะไรๆ มันจะเรียบร้อยดีหรือเปล่า ยิ่งไปกันแค่สองสาวคนรอบๆ ข้างก็ยิ่งเป็นห่วง) ตอนโทรไปจองต้องขอบคุณสำหรับประโยคที่ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจองให้ครับ” นั่นเป็นความเบาใจแรกสำหรับเด็กๆ อย่างเราที่กำลังจะเปิดโลก(การผจญภัย) และความประทับใจแรกสำหรับบ้านมะกอกกับคำลงท้ายอีเมล “แล้วพบกันครับ” (หลายๆ คนอาจมองว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า First Impression นี่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลย)
เมื่อใกล้ถึงวันเดินทางมีตัวเลือกที่มากอยู่ รถตู้ รถทัวร์ เฟอร์รี่ สปีดโบ๊ท เราพยายามลดเวลาในการเดินทางให้มากที่สุด จึงตัดสินใจไปสปีดโบ๊ทซึ่งมีรอบเดียวคือรอบ 9.00 น. ทำอย่างไรจึงจะไปทัน 1) ขับรถไป 2) รถทัวร์ ตัวเลือกแรกเราต้องตัดทิ้งเพราะเพื่อนกลัวรถเสียระหว่างทาง ซึ่งมันคงไม่น่าพิสมัยนักสำหรับผู้หญิงสองคน เป็นอันว่าเราต้องไปรถทัวร์ ทุกอย่างดูเรียบร้อยเราก็จัดการจองเรือ ส่วนรถทัวร์เราแวะไปซื้อตั๋วก่อนวันไป จะได้เลือกที่นั่งและไม่ต้องรีบร้อนนักในวันที่จะออกเดินทาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราใช้ canon 100D 18-55IS STM สำหรับภาพทั้งหมดค่ะ ชัดบ้างเบลอบ้างเบี้ยวบ้าง หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
9-10 พฤศจิกายน 2557
เรากะเวลาในการเดินทางง่ายๆ ไปด้วย BTS ลงเอกมัย ทางออกที่ 2 เดินขึ้นไปอีกนิดนึงก็ถึงขนส่งแล้ว ข้างหน้ามีเซเว่นให้ซื้อขนมรองท้องระหว่างการเดินทาง ตามกำหนดการ รถจะออก 23.30 น. ของวันที่ 9 และไปถึงที่ขนส่งตราดเวลา 4.30 น. ของวันที่ 10 แต่อะไรๆ ก็ไม่ค่อยเป็นใจนัก หลับๆ ตื่นๆ เราไปถึงที่ตราด 3.45 น. (เราก็อ้าว! เร็วไปไหน) กว่ารถของสปีดโบ๊ทจะมารับไปก็ 7.00 น.) อากาศค่อนข้างเย็น ถ้าไม่มีเสียงจากทีวีก็จะคงจะแอบสยองนิดๆ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวหรือเปลี่ยวสักเท่าไหร่นัก (แต่สำหรับคนที่ไม่รอรถมารับก็สามารถไปสองแถวได้เลย เพราะพอไปถึงก็มีรถจอดรออยู่ที่ขนส่งแล้ว ทั้งไปเกาะกูด เกาะช้าง หรือตลาด บอกเขาได้)
นั่งๆ นอนๆ กินขนมไปสักพัก ฟ้าก็เริ่มสว่าง ถึงเวลาออกไปเดินเล่นรอบๆ ขนส่งกันแล้ว ขนส่งตราดไม่ได้อยู่ติดถนนหลักที่มีของขายเยอะๆ ต้องเข้ามาอีกซึ่งก็ไกลพอสมควร ด้านข้างขนส่งมีร้านอาหาร(อารมณ์ประมาณศูนย์อาหาร) ทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม เราปล่อยให้เพื่อนไปนั่งกินข้าวเช้า ส่วนเราออกไปเดินเล่นเก็บภาพ อากาศดีๆ แบบนี้ไม่ได้เจอมานานแล้ว
ไม่นานรถก็มารับ พี่สาวที่ดูเปรี้ยวสุดๆ ขับรถสองแถวสีฟ้ามารับพวกเราไปที่ปั๊ม ปตท. เพื่อรับคนอื่นๆอีก จนแปดโมงรถถึงจะออกไปที่ท่าเรือ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากแค่นำ Voucher ให้พนักงาน แต่เราไม่ได้พิมพ์มา ก็เปิดอีเมล์ให้พี่พนักงานดูเลขที่เป็นอันใช้ได้
9.00 น. เรือออก จากพื้นน้ำสีขุ่นๆ กลายเป็นสีฟ้า เข้มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นสีเขียวมรกต ในที่สุดเราก็มาถึงเกาะกูด สวรรค์แห่งความเงียบสงบ วันที่ผิวทะเลเรียบแบบนี้ใช้เวลาเดินทางเพียง 45-50 นาทีเท่านั้น บ้านมะกอกที่รอคอยไม่ได้อยู่ติดชายหาด ต้องเข้าไปที่คลองยายกี๋ เพียงอึดใจก็เผยให้เห็นบ้านไม้โผล่พ้นมาจากป่าโกงกาง ถึงแล้ว BannMakok The getaway!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ท่าเรือเล็กๆ ประกอบกับน้ำที่ขึ้นช่วงกลางวัน เรือก็ลำใหญ๊ใหญ่ แหม๋ สูงจริงๆ (มองลงไปแล้วอยากจะเป็นลมสำหรับคนที่กลัวความสูงอย่างเรา) ตอนลงทีนี่มีเสียววาบถึงแม้จะมีเก้าอี้ไม้รอรับอยู่ก็เถอะ ไอเรานี่ก็ยืนชั่งใจอยู่สักพัก กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาขาซ้ายหรือขาขวาลงก่อนดี “จับมือผมก็ได้ครับ” เหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ ไม่ต้องคิดเยอะ หายใจเข้าลึกๆ แค่ก้าวลงไปก็พอแล้ว ขาก็สั๊นสั้น ตัวก็หนั๊กหนัก ลงไปทีนี่เกร็งกันทั้งคนลงคนรับเลย สุดท้ายก็ถึงพื้นอย่างปลอดภัยโดยที่เก้าอี้ไม่หักแต่อย่างใด
ขยับเข้าไปในส่วนของ Reception ที่ โค-ตะ-ระ น่ารักเลย จัดการกรอกประวัติ สำเนาบัตรประชาชนเรียบร้อย ก็กุลีกุจอจ่ายค่าที่พักส่วนที่เหลือให้สบายใจคนพัก (การไม่มีหนี้เพียงสองสามวันเป็นลาภอันประเสริฐ) Welcome drink ที่นี่เป็นน้ำกระเจี๊ยบเย็นชื่นใจ มาพร้อมกับผลไม้เย็นๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นแตงโมกับสับปะรด ไม่ทันได้เก็บภาพแต่อย่างใด สติกลับมาอีกทีทุกอย่างก็ลงไปนอนอยู่ในกระเพาะเรียบร้อยแล้ว หลังจากจัดการกับเครื่องดื่มอันโอชะจนหมดสิ้น พี่ๆ ก็หิ้วกระเป๋าไปส่งที่ห้องพัก ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็รู้สึกเลยว่ามันใช่สำหรับเรามากๆ “พักผ่อนก่อนนะครับ” และทุกๆ คนก็จากเราไป เราพยายามเก็บภาพอย่างมีสติที่สุดก่อนที่จะทำห้องสวยๆ นี้รก
ลมเย็นสบายเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เที่ยงครึ่ง ไอหยา! หิวแล้วหละสิ เดินไปไม่กี่เมตร (เหมือนจะไกล) ก็เป็นโซนของที่รับประทานอาหาร
น้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟพร้อมกับเมนูอาหาร มื้อนี้ขอเป็นอาหารจานเดียวก่อน พี่เขาแนะนำว่า เส้นหมี่ผัดผงกะหรี่อร่อย (มันค่อนข้างจะแปลกใหม่มากสำหรับเรา) เลยสั่ง ข้าวผัดกุ้งกับเส้นหมี่ผัดผงกะหรี่กุ้ง
อาหารหน้าตาหน้ารับประทาน กลิ่นหอมๆ นี่ชวนน้ำลายสอมาก อาหารในจานหายไปอย่างรวดเร็ว (ราคาในเมนูอาหารที่นี่ยังไม่รวม Service charge และ VAT นะคะ) ราคามาตรฐานอาหารบนเกาะแต่ก็ยังถูกกว่าแถวสุขุมวิททองหล่อพอตัว
ท้องอิ่มแล้วก็ถึงเวลากลับบ้านไปเปลี่ยนชุด (ขออนุญาตเรียกว่าบ้านแทนห้องนะคะ มันให้ความรู้สึกแบบนั้นมากกว่า) เตรียมไปน้ำตกคลองยายกี๋ เดินออกไปทางหลังบ้านก็เจอ “พอดี” กับ “ชา” (พอดีสีขาว ชาสีน้ำตาล) ได้เจ้าสองตัวนี้คอยนำทาง ระหว่างทางก็แวดล้อมไปด้วยดอกไม้ใบหญ้า
พอไปถึงปากทาง เอาแล้วสิ ซ้ายหรือขวา พอดีกับชาวิ่งไปทางซ้าย เอาวะ ตามหมาไปดีกว่าอย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกัน ต้องขอบคุณทั้งสองตัวค่ะเพราะเขาเดินคอยเราตลอด เข้าป่าผลุบๆ โผล่ๆ จนไปถึงสะพานไม้ที่มีน้ำไหลผ่านข้างใต้ อ้าว! ไม่มีน้ำตก
อ้าว! ชาหายไปไหน โถ่ๆๆๆ ชาลงไปเล่นน้ำแล้วที่แท้ก็พาเรามาที่เล่นน้ำประจำนี่เอง สรุปไปผิดที่ผิดทางไปสักหน่อย แต่ก็โอเคอยู่นะเจ้าหมา!
ประตูด้านหลังบ้านมะกอก
กลับไปบ้านก็เปลี่ยนกางเกงเตรียมพายเรือออกไปหาด (คายัคที่นี่มีประมาณ 8 ลำ พายได้ตลอดตราบเท่าที่ยังมีแรงค่ะ) ถามพี่ๆ เขาบอกว่าประมาณ 10 นาทีก็ถึงหาด งั้นก็หันหัวเรือออกไปกันเลยค่ะ ไปถึงหาด 10 นาทีพอดี ไม่ได้ลงเล่นน้ำแต่อย่างใด สู้แดดตอนบ่ายสองไม่ไหวจริงๆ หันหัวเรือกลับบ้านแทบไม่ทัน ไปกลับ 20 นาทีพอดีสำหรับมือใหม่หัดพาย ถือว่าออกไปซ้อมมือ ฝั่งหาดเป็นฝั่งที่พระอาทิตย์ตกดิน เพราะฉะนั้นจะเหมาะกับการเล่นน้ำช่วงเช้ามากกว่า
หลังจากนั้นเราใช้เวลาที่บ้านกับการพักผ่อน
ช่วงบ่ายน้ำขึ้น ดอกบัวบานก็บานเต็มที่
ชื่อสินค้า: บ้านมะกอก เกาะกูด คะแนน: **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น แก้ไขข้อความเมื่อ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)