วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557
แอร์เอเชียจัดให้..ลูกเรือ “ณเดชน์” เซอร์ไพรส์ให้บริการบนเครื่องบิน ชวนบินคุ้ม คุณภาพครบสู่ขอนแก่น 4 เที่ยวบินต่อวัน
“ณเดชน์ คูกิมิยะ” เอาใจแฟนคลับ แอร์เอเชีย หลังปล่อยโฆษณาชุดใหม่ “บินคุ้ม คุณภาพครบ” ทางหน้าจอทีวี แปลงโฉมเป็นลูกเรือสุดหล่อสุดเซอร์ไพรส์ ประกาศต้อนรับเป็นภาษาอีสานและทักทายผู้โดยสารบนเครื่องบินแอร์เอเชีย เส้นทางดอนเมือง-ขอนแก่น เที่ยวบิน FD3254 เวลา 12.30-13.20 น. วันที่ 19 มิถุนายน เชิญชวนทุกคนเที่ยวบ้านเกิดที่ขอนแก่น สะดวกถึง 4 เที่ยวบินต่อวัน พร้อมร่วมกิจกรรมมอบหนังสือแก่เด็กๆ ในโครงการ “ความรู้บินได้” กับแอร์เอเชีย ที่โรงเรียนบัวใหญ่พิทยาคม นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า เส้นทางดอนเมือง-ขอนแก่น ถือเป็นเส้นทางบินที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนสามารถเพิ่มความถี่บินเป็น 4 เที่ยวบินต่อวัน เพื่อเพิ่มความสะดวกในช่วงเวลาการเดินทางที่หลากหลายเลือกได้ แอร์เอเชียจึงตั้งใจขอบคุณผู้โดยสารชาวขอนแก่น โดยจัดเซอร์ไพรส์พาลูกเรือคนคุ้นเคย “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ซึ่งเป็นลูกหลานชาวขอนแก่นอยู่แล้ว และเพิ่งมีผลงานโฆษณาชุดใหม่ “บินคุ้ม คุณภาพครบ” กับแอร์เอเชีย มาเป็นลูกเรือสุดหล่อให้บริการและต้อนรับผู้โดยสารในเที่ยวบิน FD3254 ดอนเมือง-ขอนแก่น ในวันที่ 19 มิถุนายน ซึ่งสร้างความสุขและรอยยิ้มสำหรับผู้โดยสารอย่างมาก นอกจากนี้ ลูกเรือณเดชน์และแอร์เอเชียยังเดินทางสู่โรงเรียนบัวใหญ่พิทยาคม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เพื่อส่งต่อหนังสือใหม่คุณภาพดีแก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ในโครงการ “ความรู้บินได้” โดยเป็นโครงการที่แอร์เอเชียร่วมกับมูลนิธิหนังสือเพื่อไทย (Book for Thailand Foundation) ขนส่งหนังสือไปบริจาคยังสถาบันการศึกษาที่มีความต้องการทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายมอบหนังสือกว่า 5,000,000 หน้าภายในปี 2557 นี้
แอร์ ไชน่า เตรียมเพิ่มบริการเที่ยวบินปักกิ่ง-ลอนดอนเป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน
แอร์ ไชน่า จะเพิ่มบริการเที่ยวบินในเส้นทางปักกิ่ง - ลอนดอน (ท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์) เป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาด ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป เที่ยวบินที่ถูกเสริมขึ้นมาใหม่จะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนและอังกฤษมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นการเสนอทางเลือกเที่ยวบินเพิ่มเติมให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองต่างๆในยุโรป เที่ยวบินใหม่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้มีการพิจารณาเรื่องความจำเป็นของนักท่องเที่ยวซึ่งออกเดินทางจากประเทศในเอเชียแปซิฟิค อาทิ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และต่อเที่ยวบินที่ปักกิ่งเพื่อเดินทางไปยังยุโรป
http://www.prnasia.com/sa/2008/12/26/200812261146.jpg
เที่ยวบินที่ถูกเสริมขึ้นมาใหม่นี้ จะใช้รหัสเที่ยวบิน CA855/6 โดยเที่ยวบินขาออกจะเดินทางออกจากกรุงปักกิ่งเวลา 14.30 น. และเดินทางถึงกรุงลอนดอนเวลา 17.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น ส่วนเที่ยวบินขาเข้าจะเดินทางออกจากกรุงลอนดอนเวลา 20.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเดินทางถึงกรุงปักกิ่งเวลา 14.45 น. ตามเวลาจีน ส่วนเที่ยวบิน CA937/8 ที่ให้บริการอยู่เดิมนั้น ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยเที่ยวบินขาออกเดินทางออกจากกรุงปักกิ่งเวลา 12.30 น. และเที่ยวบินขาเข้าเดินทางออกจากกรุงลอนดอนเวลา 17.40 น.
บริการเที่ยวบินปักกิ่ง-ลอนดอนทั้งหมดจะใช้เครื่องบิน A330-200 ภายหลังกำหนดการให้บริการเที่ยวบินใหม่ โดยเที่ยวบินชั้นธุรกิจจะติดตั้งที่นั่งแบบปรับเอนได้ 180 องศา ซึ่งการออกแบบที่นั่งตามหลักสรีรศาสตร์นี้ สามารถตอบสนองความต้องการของนักธุรกิจระดับผู้บริหารที่แสวงหาการพักผ่อนอย่างเต็มที่ระหว่างการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่บริการทุกชั้นโดยสาร จะมีปลั๊กไฟและบริการ Audio Video on Demand (AVOD) ส่วนตัว เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความบันเทิงตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ ในเส้นทางการบินจีน-ยุโรป แอร์ ไชน่า ยังมีบริการต่างๆ เช่น มื้ออาหารสุขภาพตามฤดูกาล และรถรับส่งจากสนามบินสำหรับผู้โดยสาร VIP ทั้งนี้ ห้องโดยสารที่สะดวกสบายและบริการที่เอาใจใส่ ทำให้รับประกันได้ว่าผู้โดยสารจะมีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
แอร์ ไชน่า ในฐานะที่เป็นพันธมิตรสตาร์ อัลไลแอนซ์ และเครือข่ายสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินหน้าขยายเครือข่ายเส้นทางการบินในยุโรป โดยปัจจุบัน ยุโรปได้กลายมาเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของแอร์ ไชน่า ปัจจุบันแอร์ ไชน่า เปิดให้บริการเส้นทางบินจีน-ยุโรปกว่า 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทำให้ผู้โดยสารสามารถบินตรงจากจีนไปสู่ 20 เมืองในยุโรปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง อาทิ ลอนดอน, ปารีส, แฟรงค์เฟิร์ต, โรม, มอสโคว และมาดริด เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ด้วยเครือข่ายเส้นทางที่กว้างขวางของสตาร์ อัลไลแอนซ์ ทำให้แอร์ ไชน่าสามารถนำผู้โดยสารบินสู่จุดหมายปลายทาง 1,328 แห่ง ใน 195 ประเทศได้อย่างสะดวกสบาย
โลโก้ - http://www.prnasia.com/sa/2008/12/26/200812261146.jpg
Air China to Increase its Beijing – London Service to Two Daily Flights
To meet market demand, starting October 26, 2014, Air China will increase its Beijing - London (Heathrow International Airport) service to two daily flights. The newly added flights will further promote the exchanges between China and the United Kingdom and offer more flight options to travelers to other European cities. The newly added flights are scheduled to take into consideration the needs of travelers who depart from Asia-Pacific regions like Hong Kong, Japan and South Korea and connect in Beijing onto flights to Europe.
http://www.prnasia.com/sa/2008/12/26/200812261146.jpg
The newly added flights are CA855/6. The outbound flight departs from Beijing at 14:30 and arrives in London at 17:50 local time. The inbound flight departs from London at 20:25 local time and arrives in Beijing at 14:45 Beijing time. The original daily flights CA937/8 are operated as normal - the outbound flight leaves Beijing at 12:30, and the inbound flight departs from London at 17:40.
After the schedule expansion, the Beijing - London (Heathrow) service as a whole is operated with A330-200. Its Business Class is configured with 180-degree full-flat seats whose ergonomic design can fully meet the needs of premium business travelers looking to have a fortifying rest during the flight. All classes of service are outfitted with personal entertainment system (AVOD) and power sockets, keeping passengers entertained for the duration of the flight. In addition, on its China-Europe routes, Air China also offers such services as seasonal healthy meals and chauffeured transfers for VIP passengers. Comfortable cabin and attentive service guarantee travelers a truly pleasant experience.
As a member carrier of the Star Alliance, the world's largest airline network, Air China has been actively expanding its European route network. Currently, Europe has become Air China's largest overseas market, and Air China now operates over 100 flights between China and Europe a week, enabling passengers to travel from Beijing nonstop to 20 European cities like London, Paris, Frankfurt, Rome, Moscow and Madrid. At the same time, relying on the extensive route network of the Star Alliance, Air China can easily fly passengers to 1,328 destinations in 195 countries.
Logo - http://www.prnasia.com/sa/2008/12/26/200812261146.jpg
A350 XWB takes centre stage at Istanbul airshow 2014 Airbus products support the fast growing Turkish market
A350 XWB test aircraft MSN5 will fly to Turkey for the first time ever and be the star of Airbus’ presence at the 10th Istanbul airshow between September 25th-28th 2014 at the Istanbul Ataturk airport general aviation apron. Airbus is yet again bringing its newest aircraft to the airshow having brought the A380 in recent years. The A380, Airbus’ flagship is ideally suited to regions with rapid traffic growth such as Turkey. The A350 XWB will arrive on September 25th and be open to media and airline visitors during the morning of September 26th. The aircraft is scheduled to depart from Istanbul returning to its home base in Toulouse on the evening of the 26th September. Visitors are welcome on Airbus stand (in hall 1 B-03) where a 1:20 scale model of the A350 XWB will be exhibited. Airbus teams will be delighted to explain more about the A350 XWB, the world’s most advanced passenger jet, as well as Airbus’ full range of aircraft offering maximum benefits to the airlines without compromising on passengers’ comfort. Airbus’s family of widebody aircraft is the most advanced and wide-ranging product portfolio in the 200 to over 500 seat market segment. These planes offer airlines the smartest, most efficient way to capitalize on the extraordinary growth in medium and long-haul air travel especially to and from Turkey where traffic is growing at faster pace than the world’s average. Airbus and Turkey have a long history of partnership. For more than two decades, Airbus has been providing Turkish customers with the most modern and comprehensive family of aircraft on the market, and today there are over 200 Airbus passenger and freighter aircraft in operation with Turkish operators. Airbus considers Turkey to be a strategic industrial partner and is committed to long-term mutually beneficial industrial cooperation. This is demonstrated by the placement of work packages that include transfer of technology and which help to build skills and competences in the highly competitive Turkish aviation industry.
Package ห้องพักพร้อมทริปล่องเรือ Speedboat เส้นทางเกาะเกร็ด/ปทุม ที่โรงแรม Buddy Oriental Riverside
โรงแรม บัดดี้ โอเรียนทอลริเวอร์ไซต์ ปากเกร็ด หนึ่งในเครือบัดดี้ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ขอนำเสนอแพ็คเกจสุดคุ้มที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบเอ็กคลูซีฟ "เกาะเกร็ด ไพรเวท สปีดโบ้ทและปทุมธานีไพรเวทสปีดโบ้ท" แพ็คแกจสุดชิวสำหรับคนรักการท่องเที่ยวกับสายน้ำ ด้วยที่พักสุดหรูสไตล์โคโลเนียลไทย พร้อมทริปล่องเรือสปีดโบ้ทส่วนตัวที่จะพาคุณไปสัมผัสกับวิถีชีวิตริมแม่น้ำ แวะเที่ยวชมสถานที่ต่างๆตามสายน้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะเป็นวัดเก่าแก่หรือตลาดริมแม่น้ำ โอกาสที่คุณจะได้ลิ้มลองอาหารอร่อยและช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองแบบวิถีชาวบ้าน ซึ่งมีให้เลือกถึงสองเส้นทาง ทั้งเส้นทางเกาะเกร็ดและเส้นทางปทุมธานี นอกจากนี้แพ็คเกจยังมาพร้อมนวดสปาแบบอโรม่า 90 นาที ที่จะช่วยให้คุณผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าในสปาสุดหรู สัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนในวันหยุดแบบเอ็กคลูซีฟกับแพ็คเกจสุดคุ้ม ณ โรงแรม บัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซต์ ปากเกร็ด ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ในราคาสุดพิเศษ แพ็คเกจเกาะเกร็ดสำหรับ 2 ท่าน เหลือเพียง 10,000 บาท แพ็คเกจปทุมธานี สำหรับ 2 ท่าน เหลือเพียง 11,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-5842222 หรือเว็บไซต์ www.buddyriverside.com
Local Alike brings sustainable tourism to Chiang Mai: Launches 3 Day-Trips
Today, Local Alike, a social enterprise connecting travelers around the world to authentic Thai travel experiences has landed in Chiang Mai. As recent a winner of AIS The Startup Award, this Bangkok-based startup aims to transform Thai tourism by utilizing community-based tourism as a mean to create sustainable economic opportunities for locals. Local Alike promises that up to 70% of what each traveler pays goes right back into the community involved as income and as contribution towards their development goals. Local Alike kicks off their Chiang Mai branch by launching the following three short day-trips that are enjoyable by all ages -- starting at only 1,000 THB per traveler: 1. Chiang Mai Silversmith Route (Sept. 28, 2014) -- In collaboration with Fuen Baan Yan Viang Chiang Mai Network, Chumchon Muang Rak Chiang Mai Network and Khon Jai Baan would like to invite you to join us on the trip "Silversmith Route Chiang Mai" on September 28, 2014, our one day trip that allows you to experience Chiang Mai in uniquely different way. You will be introduced to remarkable historic and ancient communities in the Chiang Mai old city which still maintain their cultural values among social change in this modern era. 2. Sawasdee Social Care (Sept-. 29, 2014) -- Experience Chiang Mai city in the uniquely different way with full of meaning and inspiration, taking place on September 29, 2014. You’ll get to know and learn about social enterprises that solve social problems and create sustainable impact to society, environment and culture. During this trip, you’ll get to know the change makers behind scene and explore how their businesses come about. 3. Long Mae Ping (Sept. 28, 2014) -- Take this opportunity to explore the old communities along the Ping River of Chiang Mai by a scorpion tailed boat while observing lifestyle of the locals and old houses. You will also learn more about Chiang Mai history, Lanna art and culture through this living museum. Furthermore, you will have time to enjoy shopping at the chic walking street market in Chiang Mai. Follow the latest Local Alike trips at www.localalike.com/upcoming or learn more about us at www.localalike.com/about
แควนตัส เอาใจนักเรียน นักศึกษาไทย ให้น้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม สำหรับผู้เดินทางไปเรียนต่อ
สายการบิน แควนตัส มอบสิทธิ์พิเศษให้น้ำหนักกระเป๋าสัมภาระเพิ่มสำหรับ นักเรียน นักศึกษาที่มีวีซ่านักเรียนเพื่อไปศึกษาต่อประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์ และเดินทางในห้องโดยสารชั้นประหยัด นักเรียน นักศึกษาที่มีวีซ่าเพื่อไปศึกษาต่อประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์ และซื้อตั๋วโดยสารไป-กลับ ชั้นประหยัดสายการบิน แควนตัส ถึง 31 ธันวาคม 2557จะได้รับสิทธิ์น้ำหนักกระเป๋าสัมภาระเพิ่มอีก 10 กิโลกรัมจากปรกติที่สายการบินอนุญาตให้ 30 กิโลกรัม โดยไม่จำกัดว่าจะมีกระเป๋าสัมภาระรวมกันกี่ชิ้น ระหว่างเดินทาง ผู้โดยสารชั้นประหยัดเส้นทางบินต่างประเทศสามารถเพลิดเพลินกับรายการอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนถึงระบบความบันเทิงที่มีให้เลือกสรรหลากหลายร้อยรายการ มร.เอียน เกย์ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชีย สายการบิน แควนตัส เผยว่า “สายการบิน แควนตัส มีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มอบสิทธิ์พิเศษแก่นักเรียน นักศึกษา สำหรับน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระเพิ่มจากน้ำหนักปรกติที่อนุญาต จากการให้น้ำหนักกระเป๋าสัมภาระเพิ่มแก่ผู้ที่มีวีซ่านักเรียนเพื่อไปเรียนต่อในประเทศออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ นับเป็นโอกาสดีในการบรรจุสิ่งของได้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่ประการใด” จากเส้นทางกรุงเทพฯ สายการบิน แควนตัส ให้บริการเที่ยวบินตรง ไป-กลับทุกวัน ระหว่าง กรุงเทพฯ และซิดนีย์ โดยเครื่องบินแอร์บัส A330 จากนั้นผู้โดยสารสามารถต่อเที่ยวบินเพื่อเดินทางไปนิวซีแลนด์ และเส้นทางอื่นๆ ทั่วโลกได้ ตั๋วโดยสารนักเรียน นักศึกษา ไป-กลับ เส้นทางประเทศออสเตรเลีย ราคาเริ่มต้น 32,040 บาท และเส้นทางประเทศนิวซีแลนด์ เริ่มต้น 35,460 บาท รวมอัตราภาษีสนามบิน และค่าบริการต่างๆ และสามารถเดินทางออกจากประเทศไทยได้ภายใน 31 ธันวาคม 2557 ผู้สนใจสามารถซื้อตั๋วโดยสารได้ที่สำนักงานสายการบิน แควนตัส ชั้น 21 อาคารชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 1 ถนนสุริวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02 632 6611 อีเมล qantas-bkk@holidaytours.net หรือคลิกดูบริการสายการบินฯ เพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.qantas.com
THAI STUDENTS TO PACK MORE INTO THEIR TRIP ON QANTAS FLIGHTS TO AUSTRALIA
Thai students can now take advantage of a special baggage allowance on Qantas flights to Australian and New Zealand. Students holding an Australian or New Zealand Student Visa who purchase a return Economy fare with Qantas to Australia or New Zealand for travel between now and 31 December 2014 will be eligible for an additional 10kg checked baggage, above the current 30kg baggage allowance, with no restriction on the number of pieces. Customers will also be able to enjoy Qantas inflight food and beverages and hundreds of on-demand entertainment options. Regional General Manager Asia, Ian Gay, said Qantas was pleased to offer Thai students an even more generous checked baggage allowance. “By allowing students the opportunity to pack more for their trip at no additional cost, we’re hoping to make their journey to study in Australia or New Zealand as easy as possible,” said Mr Gay. Qantas operates daily return services between Sydney and Bangkok, operated by A330 aircraft. Qantas International Economy fares are available from THB32,040 return to Australia and from THB35,460 return to New Zealand for outbound travel from Thailand until 31 December 2014, including airport taxes, service fees and other surcharges. Fares can be purchased from the Qantas office located at 21st Fl, Charn Issara Tower 1, Suriwongse Road, Bangkok, by phone on 02 632 6611 or email qantas-bkk@holidaytours.net. For more information on Qantas products and services, visit qantas.com.
Michael Capponi จับมือ Gideon Kimbrell เปิดตัวแอพ InList ในงานเปิดตัวสุดพิเศษที่เหล่าเซเลบและผู้มีชื่อเสียงร่วมงานมากมาย
ไมเคิล คัปโปนี (Michael Capponi) ไอคอนแห่งชีวิตยามราตรี และกิเดียน คิมเบรล (Gideon Kimbrell) กูรูซอฟท์แวร์ ประกาศเปิดตัวแอพมือถือปฏิวัติวงการ InList ในช่วงค่ำวันอังคารบนดาดฟ้า Dream Downtown ในนิวยอร์ก ร่วมกับ เคที โฮล์มส์, โรฮัน มาร์ลีย์ และเจสัน บินน์ ผู้ก่อตั้ง นิตยสาร DuJour
รูปภาพ - http://photos.prnewswire.com/prnh/20140918/146937
InList เป็นแอพเฉพาะสมาชิก ที่เปิดทางให้ผู้ใช้สำรองที่นั่งที่เป็นที่ต้องการอย่างยิ่งในงานแสดงดนตรีและสถานที่เที่ยวกลางคืนชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลกซึ่งผ่านการคัดสรรมาแล้ว ปัจจุบันแอพได้แนะนำสถานที่พิเศษๆกว่า 100 แห่ง ใน 22 มหานครราตรี อาทิ นิวยอร์ก ไมอามี ลาสเวกัส ลอสแองเจลิส ลอนดอน ปารีส มอสโก อีบีซา ดูไบ มิลาน และเซาเปาโล ไมเคิล คัปโปนี เจ้าพ่อแห่งการสร้างสรรค์ชีวิตยามราตรี และจัดเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแต่แรกของ South Beach ได้อาศัยเครือข่ายเจ้าของคลับและผู้สนับสนุนในการเปิดตัว InList ขณะที่แพลตฟอร์มของแอพได้รับการพัฒนาขึ้นโดยกิเดียน คิมเบรล ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างต่อเนื่องและเป็นวิศวกรด้านซอฟท์แวร์ คัปโปนีมองว่า แนวคิด InList ควรจะทำขึ้นมาตั้งนานแล้ว “นี่คืออนาคตแห่งชีวิตยามราตรี ในตลาดโลกที่มาพร้อมอุปกรณ์มือถือที่มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจนเช่นนี้ แพลตฟอร์มแบบเราจึงถือเป็นก้าวถัดไปที่เหมาะสมสำหรับชีวิตยามราตรี ความบันเทิง และธุรกิจงานอีเวนท์” เขากล่าว สำหรับงานเปิดตัวนี้ มีเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน คือนิตยสาร DuJour ได้ดึงดูดกลุ่มคนในวงการบันเทิง งานต้อนรับและบริการ แฟชั่น และคนดังวงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่ งต่างมีวิสัยทัศน์และเดินทางมาแล้วหลายประเทศ สำหรับแขกผู้ร่วมงานได้แก่ จิม โดแลน ซีอีโอแห่ง Cablevision, จิม มัลลานี ซีอีโอแห่ง Furla USA, คีธ จอร์จ จาก Glit, วิคราม ชาตวัล ผู้ก่อตั้ง Dream Hotels, อดัม ชไวท์เซอร์ หัวหน้าร่วมฝ่ายความสามารถจาก ICM Partners, จีนา สมิธ แห่ง LVMH, ไบรอัน สตีล ผู้สื่อข่าว NBC, นิโคล เวชชิอาเรลลิ บรรณาธิการบริการของนิตยสาร DuJour, เจน โนทาร์ และริชชี โนทาร์ จาก Notar Hospitality, ชอว์น โมเดลล์ แห่ง Modell Sports, ทาเทียนา บรูเนตติ จาก Mari Vanna, ชอว์นา บรูค จาก Zegna, คริสเตียนโน มานชินี จาก Cavalli, เวโรนิกา แพนคราโตวา จาก Max Mara, คามิลล์ ดักกลาส แห่ง LeFrak, อีริก วอชไมสเตอร์ ผู้ก่อตั้ง Small World, นาตาชา วาร์ดิ แห่ง Moinian Group และอีริค เชฟเฟอร์ แห่ง Maserati แอพ InList พร้อมให้บริการบนไอโฟนและแอนดรอยด์แล้ว และจะเดินหน้าขยายจุดหมายปลายทางให้ครอบคลุมมหานครราตรีเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็วางแผนที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มบนเว็บเพื่อการจองแบบออนไลน์ภายใต้การดูแลของคิมเบรล ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นวิศวกรซอฟท์แวร์ให้กับบริษัทติดอันดับ Fortune 100 หลายแห่ง รวมทั้ง Johnson & Johnson และ Barnes & Noble บริษัทที่คิมเบรลเข้าไปพัฒนาระบบวิศวกรรมซึ่งมีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก
www.inlist.com/app www.inlist.com
InList App Developed by Michael Capponi and Gideon Kimbrell Draws Celebrities and Notables to Launch Event
Nightlife icon Michael Capponi and software guru Gideon Kimbrell announced the planned rollout of their revolutionary mobile app InList Tuesday evening on the rooftop of the Dream Downtown in New York with Katie Holmes, Rohan Marley and DuJour Magazine Founder Jason Binn.
Photo - http://photos.prnewswire.com/prnh/20140918/146937
InList is a members-only mobile app that enables users to book coveted reservations at a curated list of music festivals and upscale nightlife venues around the world. The app is currently providing recommendations to over 100 exclusive venues in 22 nightlife capitals including New York, Miami, Las Vegas, Los Angeles, London, Paris, Moscow, Ibiza, Dubai, Milan and Sao Paolo.
Michael Capponi, a hyper-connected nightlife impresario considered one of the original pioneers of South Beach, tapped his global network of club owners and promoters to launch InList and its proprietary platform was developed by serial entrepreneur and software engineer Gideon Kimbrell.
Capponi sees the InList concept as long overdue. "This is the future of nightlife. In a global market drawn together by remarkably advanced mobile devices, a platform like ours is the logical next step for the nightlife, entertainment and event industries," he said.
The event, co-hosted by DuJour magazine, drew a discerning, well-travelled group of entertainment, hospitality, fashion, and real estate notables.
Guests included CEO of Cablevision Jim Dolan, CEO of Furla USA Jim Mullaney, Gilt's Keith George, founder of Dream Hotels Vikram Chatwal, co-head of talent at ICM Partners Adam Schweitzer, LVMH's Gena Smith, NBC reporter Brian Steel, editor-in-chief of DuJour Media Nicole Vecchiarelli, Jane and Richie Notar of Notar Hospitality, Shawn Modell of Modell Sports, Mari Vanna's Tatiana Brunetti, Zegna's Shauna Brook, Roberto Cavalli's Cristiano Mancini, Max Mara's Veronica Pankratova, LeFrak's Camille Douglas, A Small World founder Erik Wachtmeister, Moinian Group's Natasha Vardi, and Maserati's Eric Sheiffer.
The InList app is available for iPhone and Android and will continue expansion to include another set of international nightlife capitals. There are plans to introduce a web platform for online bookings under the direction of Kimbrell, previously a software engineer for various Fortune 100 Companies including Johnson & Johnson and Barnes & Noble, where he developed engineering systems used by millions of people worldwide.
www.inlist.com/app www.inlist.com
GECAS and VietJet sign sale-leaseback terms for two Airbus aircraft
GE Capital Aviation Services (GECAS) and VietJet have inked an aircraft sale-leaseback agreement for two Airbus A320 aircraft. Both of these aircraft are part of the order that VietJet made with Airbus in February of this year for 100 Airbus aircraft to be delivered from 2014 to 2018. This purchase agreement has made great progress with BNP Paribas (France) acting as a financial adviser to VietJet. GECAS is the world’s leading commercial aircraft and engine lessor and lender, supplying more than 1,600 aircraft to over 230 airlines all over the world. With this agreement in place, Airbus will deliver the next two Airbus A320 aircraft to VietJet in November and December later this year, enabling the new-age carrier to advance its expansion plan accordingly.Currently one of the fastest growing airlines in Asia, VietJet recently added two more direct international routes connecting Danang and Hanoi to Incheon International airport (Seoul) in South Korea. The airline also operates an extensive domestic network as well as direct flights from Ho Chi Minh City to Bangkok and Singapore.
GECASและเวียดเจ็ทลงนามในสัญญาขายและเช่ากลับเครื่องบินแอร์บัสสองลำ
อี แคปปิตอล เอวิเอชั่น เซอร์วิส (GECAS) และสายการบินเวียดเจ็ทร่วมลงนามในสัญญาขายและเช่ากลับเครื่องบินแอร์บัส เอ320 จำนวนสองลำ เครื่องบินทั้งสองลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบินแอร์บัสจำนวน 100 ลำที่เวียดเจ็ทสั่งซื้อจากแอร์บัสในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โดยมีกำหนดส่งมอบตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2561 สัญญาซื้อนี้ถือเป็นความคืบหน้าของ บีเอ็นพี พาริบาส (ฝรั่งเศส) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่เวียดเจ็ทGECAS เป็นบริษัทชั้นนำของโลกผู้ให้เช่าและให้ยืมเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องยนต์ ให้บริการเครื่องบินกว่า 1,600 ลำแก่สายการบินกว่า 230 แห่งทั่วโลก จากการลงนามในสัญญานี้ แอร์บัสจะส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ320 จำนวนสองลำให้แก่เวียดเจ็ทในเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคมนี้ ทำให้สายการบินยุคใหม่สามารถขยายฝูงบินได้ตามแผนที่วางไว้ เวียดเจ็ทเป็นหนึ่งในสายการบินที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย และเมื่อเร็วๆนี้ได้เพิ่มเที่ยวบินระหว่างประ เทศอีกสองเส้นทาง เพื่อบินจากดานังและฮานอยตรงสู่สนามบินนานาชาติอินชอน (กรุงโซล) ในเกาหลีใต้ นอกจากนี้เวียดเจ็ทยังมีเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศอีกมากมาย อีกทั้งมีเที่ยวบินจากโฮจิมินห์ซิตี้ตรงสู่กรุงเทพฯและสิงคโปร์
ดิเอ๊กซ์ ตรีม โฮเทล ที่พักสุดชิค เอ็กซ์ตรีม ดีไซน์ แห่งแรกของกรุงเทพฯ
ดิเอ็กซ์ ตรีม โฮเทล สุดยอดไลฟ์สไตล์ โฮเทล สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้นเร้าใจใหม่ ๆ ในสไตล์ที่แตกต่าง ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบ มาจากกีฬาเอ็กซ์ตรีม ตกแต่งภายใน ในความสำคัญทุกรายละเอียด โดยนำเอาเส้นลวดลายของศิลปะมาผสมผสานกันความเป็นไลฟ์สไตล์โฮเทล ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ โรงแรมฯ ตั้งอยู่ที่ถนนหัวหมาก ระหว่างซอย 21 และ 23 ใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (หัวหมาก) และสถานที่สำคัญ อาทิ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน สนามบินนานาชาติ สุวรรณภูมิ เดินทางง่าย ด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ (สถานีหัวหมาก) ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน แวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าและสถานบันเทิงต่าง ๆ มากมาย ดิเอ็กซ์ ตรีม โฮเทล เป็นโรงแรมในเครือของบริษัท ลาซาล อพาร์ทเม้น จำกัด บริหารงานโดย ดร. สุรศักดิ์ งามเมฆฉาย โดยมีแรงบันดาลใจ ที่จะสร้างโรงแรมให้ฉีกกฏเกณฑ์เดิม ๆ จากโรงแรม ทั่วไป ให้มีเอกลักษณ์ชัดเจน และมีรูปลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนที่ไหน โดยเน้นความสะดวกสบายของลูกค้า ลดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น ทันต่อยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ด้านตัวอาคารเป็นผลงานการออกแบบของ อาจารณ์ เอกพงษ์ ตรีตรง หัวหน้าภาควิชาการตกแต่งภายใน คณะมัณฑณศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งมีผลงานด้านการออกแบบมากมายและยังเป็นผู้ผลิตและผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ประเภทการออกแบบและตกแต่งภายใน เช่น รายการอยู่สบาย ทางช่องเนชั่น และเขียนหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค ภายใต้ชื่อ “อยู่สบาย 1” “อยู่สบาย 2” “อยู่สบาย 3” เป็นต้น ดิเอ็กซ์ ตรีม โฮเทล ประกอบด้วย ห้องพักจำนวน 69 ห้อง แบ่งแยกเป็น 3 ขนาด โดยมีชื่อเรียก ดังนี้ “มาร์เวิลลัส “เป็นห้องขนาดมาตราฐาน เรียบง่าย มีความเป็นส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน “แลนด์ ลอดร์ด” อาณาจักรส่วนตัว เหมาะสำหรับครอบครัว จุดเด่นของห้องนี้ คือมีเตียงนอน 2 ชั้น เข้าพักได้สูงสุดถึง 4 ท่าน และ “สเพคแทค คิวละ” เป็นห้องที่มีความกว้างขว้าง เหมาะสำหรับ คู่รัก ที่ไม่อยากละสายตาจากกัน แม้เพียงวินาที เพราะจุดเด่นของห้องนี้ มีห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ ที่จะให้คุณได้ใกล้ชิดกัน ภายในตัวห้องมีดีไซด์ที่โฉบเฉี่ยวสไตล์ เอ็กซ์ ตรีม ห้องพักทุกขนาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบสนองความต้องการของแขกผู้เข้าพักทุกกลุ่ม ทั้งคู่รัก ครอบครัว นักธุรกิจ นักกีฬา และกลุ่มนักท่องเที่ยว ร่วมถึงผู้ที่ต้องการจัดประชุมขนาดย่อม สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกมีห้องอาหาร เอ็กซ์ ตรีม ที่มีการออกแบบ ตกแต่งโดยการจำลอง แกรนด์แคนยอน ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้บริการอาหารประเภทฟิวชั่น และสกาย บาร์ ชั้นดาดฟ้าให้บริการเครื่องดื่ม เหมาะสำหรับการผ่อนคลายยามเย็น ชมวิว สังสรรค์กับครอบครัวหรือเพื่อนๆ โดยไม่มีตึกบดบังสายตา และยังมีบริการสปา และฟิตเนส ที่คุณสามารถ ออกกำลังกาย ผ่อนคลาย ได้ตลอดเวลา ด้วยโร้ดวิว ให้ความรู้สึกอิสระ ไม่อึดอัดสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสุมล โพธิ์ประสาท ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดโทร 092 695 0707อีเมล์: sm@thextremehotel.comเว็บไซต์ www.thextremehotel.comติดตามข่าวสารของโรงแรม ดิเอ็กซ์ ตรีม ได้ที่ www.facebook.com/thextremehotelofficial
Dusit Thani Maldives unveils upgraded Ocean Villas
Dusit Thani Maldives proudly announces the re-launch of its Ocean Villas, subsequent to the completion of major upgrades worth over 1.5 Million USD. The exciting aesthetic transformation of the Ocean Villas “provides an unparalleled ocean, reef and lagoon experience,” comments Thanos Lionsatos, Director of Sales & Marketing, Dusit Thani Maldives. “The holistic sojourn of our guests starts the very moment they are escorted to their Ocean Villa through a newly revamped over-water wooden causeway. Once inside the Villas, guests can sense the perfect play of luxury with subtle Thai touches whilst enjoying unobstructed views of ocean’s horizon.” This luxuriously appointed villa category provides 180 square meters of living space and features Balau timber decking in the outdoor space adjacent to the expansive bedroom. The Villas boast an innovative range of Kohler shower heads in the attached open-air wooden deck along with DEDON’s limited-edition Orbit day beds, designed by Richard Frinier. The revitalized look of the Villas is also reflected in their façades: new Kajan thatched roofs reflect traditional Maldivian heritage, giving a distinct character to the Ocean Villa’s design. The Villas encompass a spacious bedroom replete with modern facilities. From the outdoor wooden deck, a staircase allows direct access down into the rich coral reef. Guests can indulge in a decadent bubble bath, recline on a day bed or blissfully wade in the pool overhanging the crystal waters in complete seclusion overlooking the Indian Ocean. To make the most of this exciting design update, Dusit Thani Maldives is pleased to launch the introductory offer Ocean Escapades, including privileges such as daily international buffet breakfast and free flow of Moët & Chandon champagne at sunset in the Sala Bar. Learn more about this limited time offer on www.dusit.com/dtmd For further information, please call at +960 660 8888 or email sales.maldives@dusit.com
Photo Release: Dusit Thani Bangkok wins Best in Travel Poll 2014
Dusit Thani Bangkok has won the Best in Travel Poll 2014 in two categories which were “Top 25 Business Hotel in Asia” and “Top 25 Conference Hotel in Asia” voted by the world readers of SmartTravelAsia.com, an online frequent traveller magazine with over a million readership. Sukanya Janchoo, General Manager of Dusit Thani Bangkok said “We are very honored to receive the awards another year from SmartTravelAsia.com and would like to thank the world readers who trusted in our gracious hospitality, products and services for many years”. Dusit Thani Bangkok offers unrivalled value for both leisure and business guests, with its combination of well-designed facilities in a convenient central location. With both BTS skytrain and MRT underground public transportation services right at its doorstep, the city’s business, shopping and entertainment districts all just moments away. Photo shows: Sukanya Janchoo (left) receiving the awards from Vijay Verghese (right), Editor & Director of SmartTravelAsia.com.
ภาพข่าว: โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ชนะรางวัล Best in Travel Poll 2014
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ชนะรางวัล Best in Travel Poll 2014 ในสาขา “Top 25 Business Hotel” และ “Top 25 Conference Hotel” ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้รับการโหวตจากผู้อ่านเว็บไซต์ สมาร์ท ทราเวล เอเชีย ดอทคอม ผู้นำด้านแมกกาซีนการท่องเที่ยวออนไลน์ที่มีผู้เข้าชมมากกว่าล้านคน สุกัญญา จันทร์ชู ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ กล่าวว่า เป็นอีกปีที่เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลจากเว็บไซต์ สมาร์ท ทราเวล เอเชีย ดอทคอม และ เราอยากขอบคุณผู้อ่านจากทั่วโลกที่ให้ความไว้วางใจในการบริการของเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา”โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ สามารถรองรับลูกค้าได้ทั้งกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวและกลุ่มลูกค้านักธุรกิจ ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้อย่างครบครัน รวมถึงสถานที่ตั้งของโรงแรมฯ อยู่ใจกลางเมือง ลูกค้าสามารถเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ ทั้งศูนย์กลางธุรกิจ แหล่งชอปปิ้งและความบันเทิง ได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส และ รถไฟใต้ดินเอ็มอาร์ที ในภาพ: สุกัญญา จันทร์ชู (ซ้าย) รับมอบรางวัลจาก วีเจย์ เวอร์กีส (ขวา) บรรณาธิการ/ผู้อำนวยการ เว็บไซต์ สมาร์ท ทราเวล เอเชีย ดอทคอม
ภาพข่าว: เกรซ ร่วมงาน กินหอย ดูนก ตกหมึก ชะอำ ครั้งที่16
นายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ นายกเทศมนตรีเมืองชะอำ (คนที่3 จากซ้าย) จัดงานเทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก ชะอำ ครั้งที่ ๑๖ ได้รับเกียรติจากนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี(คนที่3 จากขวา) เป็นผู้เปิดงาน ภายในงานเทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก เป็นการออกร้านจำหน่ายอาหารทะเลและอาหารรสเด็ด จากร้านค้าและโรงแรมชื่อดังของเมืองชะอำ พร้อมร่วมรณรงค์ให้ร้านค้า ใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ผลิตมาจากชานอ้อย เพื่อลดปริมาณขยะ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีแก่สถานท่องเที่ยว ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 21 กันยายน 2557 รวม 9 วัน ณ บริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ
ฉลองครบรอบ 20 ปี เครื่องบินเบลูก้า หลังจากเที่ยวบินแรก ชั่วโมงการบินต่อ เบลูก้า แต่ละลำได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว และจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หนึ่งในปีพ.ศ. 2560
เบลูก้า เครื่องบินสำหรับบรรทุกงานสินค้าขนาดใหญ่ เริ่มให้บริการเที่ยวบินแรกเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2537 ได้รับการตั้งชื่อว่า เบลูก้า เนื่องจากเครื่องบินลำนี้มีลักษณะที่คล้ายวาฬขาว ในอาทิตย์นี้ เบลูก้า จะฉลองครบรอบ 20 ปีที่ได้ทำหน้าที่ขนย้ายชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องบินแอร์บัสไปยังโรงงานของแอร์บัสหลายแห่งในยุโรป ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2538 กลุ่มเครื่องบิน เบลูก้า ทั้ง 5 ลำ ได้มาทำหน้าที่แทน ซุปเปอร์ กัปปี้ ทรานสปอร์เตอร์ ซึ่งถูกใช้งานมาอย่างยาวนาน เพื่อใช้ในการขนย้ายชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของเครื่องบินแอร์บัสในตูลูสและฮัมบูร์ก ในปัจจุบัน กลุ่มเครื่องบิน เบลูก้า ได้ให้บริการกว่า 60 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ระหว่างโรงงาน 11 แห่ง โดยบรรทุกชิ้นส่วนสำคัญต่างๆที่จำเป็นต่อการประกอบเครื่องบินของแอร์บัส รวมถึงเครื่องบินแอร์บัส เอ380* กลุ่มเครื่องบิน เบลูก้า ได้รับการดำเนินการโดย แอร์บัส ทรานสปอร์ต อินเตอร์เนชั่นแนล (เอทีไอ) บริษัทในเครือแอร์บัส ลูกเรือในแต่ละลำของ เบลูก้า ประกอบไปด้วย นักบิน ผู้ช่วยนักบิน และเจ้าหน้าที่ช่างอากาศ เนื่องด้วยการเริ่มต้นการผลิตเครื่องบินแอร์บัส เอ350 รุ่นลำตัวกว้างพิเศษในปีพ.ศ. 2555 และการผลิตเครื่องบินแอร์บัสรุ่นอื่นๆที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การทำงานของ เบลูก้า จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างมากในอีก 5 ปีข้างหน้า พร้อมกันกับความท้าทายครั้งนี้ ในปีพ.ศ. 2554 แอร์บัสได้เปิดตัว โครงการ 10,000 ชั่วโมงบิน (Fly 10,000) จำนวนลูกเรือและชั่วโมงการบินได้มีการเติบโตมากขึ้น รวมถึงขั้นตอนในการบรรทุกส่วนประกอบของเครื่องบินก็ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัวของโรงงานเพื่อการบรรทุกชิ้นส่วนเครื่องบินแบบบูรณาการแห่งใหม่ในฮัมบูร์กและเบรเมน ในประเทศเยอรมัน และเซนท์นาแซร์ ในประเทศฝรั่งเศส โดยจะมีการก่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ในบรัฟตัน ประเทศอังกฤษ และเกตาเฟ่ ประเทศเยอรมัน เร็วๆนี้ โครงการ 10,000 ชั่วโมงบิน (Fly 10,000) จะส่งผลให้ฝูงบิน เบลูก้า เพิ่มอัตราการทำงานขึ้นเป็นสองเท่าในปีพ.ศ.2560 (จาก 5,000 สู่ 10,000 ชั่วโมงการบิน) “เบลูก้าเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญต่อระบบส่งกำลังรวมและระบบการผลิตของแอร์บัสอย่างมาก ต้องขอขอบคุณความน่าเชื่อถือและความมุ่งมั่นของทีมงานเบลูก้าที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” Günter Butschek ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการแอร์บัสกล่าว เบลูก้า มีพื้นฐานมาจากเครื่องบินเครื่องยนต์คู่ที่ไว้วางใจได้รุ่น เอ300-600อาร์ ซึ่งสร้างผลกำไรได้สูงและใช้เครื่องยนต์ เจเนอรัล อีเล็กทริก ซีเอฟ6-80ซี2 และด้วยรูปทรงที่น่าประทับใจ (ความยาว 56 เมตร สูง 17 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำตัวเครื่อง 7.71 เมตร พื้นที่บรรทุกสินค้าชั้นหลักขนาด 1,400 ลูกบาศก์เมตร) ทำให้ เบลูก้า เป็นสุดยอดของเครื่องบินในประเภทเดียวกัน (เปรียบเทียบกับแอนโทนอฟ เอเอ็น-124 หรือแม้แต่เครื่องบิน ซี-17) เบลูก้า สามารถบรรทุกน้ำหนักสูงสุดได้ 47 เมตริกตันและเดินทางโดยไม่ต้องแวะพักได้ระยะไกลกว่า 1,660 กิโลเมตร/900 ไมล์ทะเล
ดรีมเวิลด์จับมือบิ๊กซี จัดโปรโมชั่นพิเศษ
สวนสนุกดรีมเวิลด์ ร่วมกับ บิ๊กซี จัดโปรโมชั่นพิเศษมอบสิทธิ์ให้กับสมาชิกบัตรบิ๊กการ์ด สามารถนำใบเสร็จมาแลกรับส่วนลด 40 บาท เมื่อซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นที่ดรีมเวิลด์ ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. - 30 พ.ย. 2557 นางสาวรัสรินทร์ มิลินวรพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเปิดเผยว่า สวนสนุกดรีมเวิลด์ ร่วมกับบิ๊กซีจัดโปรโมชั่นพิเศษ ให้กับลูกค้าบิ๊กซีทุกท่าน สามารถนำใบเสร็จสินค้าที่มีรหัสสมาชิกบัตรบิ๊กการ์ด และมียอดซื้อสินค้าตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ มาแลกรับส่วนลดทันที 40 บาท เมื่อซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นที่ดรีมเวิลด์ จากราคาปกติ 480 บาท เหลือเพียง 440 บาทเท่านั้น ซึ่งทุกท่านจะได้เข้าไปสนุกสนานกับเครื่องเล่นนานาชนิด อาทิ ทอร์นาโด เฮอริเคน ไวกิ้ง สกายโคสเตอร์ และเครื่องเล่นยอดฮิตอื่นๆอีกมากมาย รวมกว่า 20 ชนิด ซึ่งใบเสร็จ 1 ใบ ใช้สิทธิ์รับส่วนลดซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นได้ 1 ใบ ตั้งแต่ วันวันนี้ - 30 พ.ย. 2557 โดยสามารถใช้สิทธิ์ได้ทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จำกัดสิทธิ์เพียงเดือนละ 10,000 สิทธิ์เท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-577-8666 หรือคลิก www.dreamworld.co.th และ www.facebook.com/dreamworldpark
Ocean Marina Pattaya Boat Show drives marine leisure tourism in Greater Pattaya
Organisers predict biggest boat show yet with top luxury yacht and lifestyle brands showcasing The third annual Ocean Marina Pattaya Boat Show is set to welcome record numbers of guests and exhibitors from 27th to 30th November at Ocean Marina Yacht Club, Jomtien, Pattaya. Kicking off the Asian boat show season, Ocean Marina Pattaya Boat Show promotes Greater Pattaya and Thailand as a leading marine hub of South East Asia. “This is just the third year of the Ocean Marina Pattaya Boat Show and already awareness of the Show amongst the marine industry here in Thailand and overseas, and amongst the general public, is fantastic,” said Mrs. Supatra Angkawinijwong, Deputy Managing Director of Ocean Property, organisers of the Ocean Marina Pattaya Boat Show. Over 100 exhibitors and in excess of 6,000 visitors are expected at the Show this year which with its expanded four-day format and 12,000 sqm of in-water and onshore display space has, in a short space of time, grown to become an important annual showcase of marine and luxury lifestyle in Thailand. Commenting on the growth in exhibitor numbers this year, Mrs. Angkawinijwong said, “We've had such a great response from exhibitors in Thailand and Asia, and with 12,000 sqm of total display area this year the Show will be the biggest yet.” Leading luxury boat brands from around the world are exhibiting, including Princess Yachts and Cranchi, as well as boat builders and accessories, boat services and technology, marine toys and gadgets, super bikes and cars, luxury real estate and resorts. Thailand's first solar assisted luxury power catamaran, the Heliotrope 65, will be showcased in Asia for the first time by Bakri Cono while leading luxury auto marques Rolls Royce and Aston Martin will headline the onshore display. In addition to the exhibitors, new for this year is the International Fishing Boat Competition (29th and 30th November) and the Boat & Yacht Thailand 2014 Conference (28th November). Other highlights include free yacht cruises, kayak and paddle boat experiences, an open-air drinks and food festival with live band, jetpack flying board and radio control power boat demonstrations, games and much more. Geographically located within five hours (or less) travelling time of major Asian population centres, Ocean Marina Pattaya Boat Show is well positioned to leverage the growing affluence in Asia. According to the 2014 edition of The Wealth Report, the number of Ultra-High Net Worth Individuals (those with US million in assets excluding their main residence) in Asia has grown 89% between 2003 and 2013, with a further 43% growth forecast over the next 10 years, making the region home to more UHNWIs than North America and second only to Europe. With such wealth in the region, Ocean Marina, in tandem with the Tourism Authority of Thailand, are promoting Pattaya tourism and through the Ocean Marina Pattaya Boat Show continue to grow the marine leisure tourism industry and reinforce the image of Pattaya as an upscale tourism destination. “Pattaya tourism continues to go from strength-to-strength and its coastline is one of the biggest attractions for domestic and international visitors. Ocean Marina is at the centre of Pattaya's marine tourism and the Ocean Marina Pattaya Boat Show helps to attract more high-end tourists, positionning Pattaya and the Gulf of Thailand as the leading marine leisure destination in South East Asia,” said Ms. Pataraporn Sithivanich, Executive Director for Tourism Products Department, Tourism Authority of Thailand. Statistics from Ocean Marina underscore this trend with tourists through the marina in 2013 up 32% year-on-year, and exponential growth of 66% since 2010. In response, the marina has recently undergone an expansion programme making it the largest marina in South East Asia, and with some of the best cruising grounds in the region, Greater Pattaya and the Gulf of Thailand is the leading hub of marine tourism in South East Asia and well-positioned for the opening up of ASEAN and the 2015 Asean Economic Community (AEC). “Ocean Marina's recent expansion of both onshore facilities and in-water capacity makes it the largest marina in South East Asia. With world-class facilities Ocean Marina is at the heart of Thailand's marine leisure industry and together with the Ocean Marina Pattaya Boat Show are showcasing Greater Pattaya, the Gulf of Thailand and the Kingdom's marine treasures to the world,” added Mrs. Angkawinijwong. For more information: website: www.oceanmarinapattayaboatshow.com facebook: www.facebook.com/oceanmarinapattayaboatshow
โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ดันพัทยาขึ้นแท่น มหานครแห่งธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเลแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มหกรรมการแสดงเรือนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจัดยิ่งใหญ่ปีที่ 3 ชูศักยภาพพัทยา หรือ “ไทยริเวียร์ร่า” โชว์เรือยอช์ทหรู และไลฟ์สไตล์ไฮเอนด์ โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ประกาศศักยภาพ “เมืองพัทยา” สู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจและท่องเที่ยวทางทะเลแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดงานมหกรรมการแสดงเรือนานาชาติต้อนรับฤดูกาลแห่งการล่องเรือของเอเชีย พร้อมจัดยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 3 คาดดึงดูดผู้ประกอบการในแวดวงธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเลจากนานาประเทศและผู้สนใจจากทั่วทุกมุมโลก ระหว่างวันที่ 27 – 30 พฤศจิกายน 2557 นี้ ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา นางสุพัตรา อังควินิจวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ เปิดเผยว่า “เราได้เตรียมจัดงาน โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ เป็นปีที่ 3 และคาดการณ์ว่าปีนี้จะสามารถดึงดูดกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเล ตลอดจนสินค้าและบริการด้านไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องจากทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมออกแสดงสินค้าและบริการมากกว่า 100 ราย และมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 6,000 คนจากประเทศไทยและนานาประเทศ ปีนี้เราได้ขยายระยะเวลาจัดงานเพิ่มเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่ 11.00 น. ถึง 19.00 น. ทุกวัน สามารถเข้าชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ อีกทั้งยังได้ขยายพื้นที่การจัดแสดงงานบนพื้นบกและบนผืนน้ำมากขึ้น รวมพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่งานจัดขึ้นเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นงานมหกรรมประจำปีที่สำคัญงานหนึ่ง ที่จัดแสดงเรือยอช์ทหรูและสินค้าไลฟ์สไตล์ไฮเอนด์ ซุปเปอร์คาร์ และคอนโดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเราได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการในแวดวงธุรกิจดังกล่าวทั้งจากประเทศไทยและในเอเชียที่ปีนี้ได้เข้าร่วมแสดงสินค้าและบริการมากขึ้น บนพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำให้งาน โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ในปีนี้ยิ่งใหญ่กว่าทุกๆปีที่ผ่านมา” สำหรับโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ในปีนี้ จะมีการแสดงสุดยอดเรือยอช์ทลักชูรี่จากแบรนด์ชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น เรือพริ้นเซส (Princess) ซึ่งเป็นแบรนด์ยอช์ทภายใต้ LVMH Moet Hennessey ซึ่งอยู่ในกลุ่มของบริษัท หลุยส์ วิตตอง หรือ เรือยอช์ทหรูจากอิตาลี แบรนด์ แครนชี (Cranchi) และอีกหลายแบรนด์ พร้อมด้วยบริษัทชั้นนำด้านการต่อเรือ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งภายในเรือ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีและผู้ให้บริการเดินเรือ อุปกรณ์กีฬาทางน้ำ ไปจนถึงยานยนต์หรูและโครงการอสังหาริมทรัพย์และรีสอร์ทระดับไฮเอนด์อีกมากมาย พบกับการเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียของ The Heliotrope 65 เรือยอช์ทผลิตในไทยแบบแคทามาราน (Catamaran) ลำแรกของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตโดยบริษัท Bakri Cono นอกจากนี้ ยังมีการแสดงรถยนต์สุดหรูจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ โรส-รอยส์ และ แอสตัน มาร์ติน บริเวณพื้นที่บนชายฝั่งอีกด้วย นอกจากการจัดมหกรรมการแสดงฯ ดังกล่าวแล้ว ในปีนี้เรายังมีกิจกรรมใหม่ๆ อาทิ การแข่งขันกีฬาตกปลานานาชาติ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 30 พฤศจิกายน และการจัดประชุมสัมมนา Boat & Yacht Thailand 2014 Conference ในวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน และเราได้เตรียมกิจกรรมไฮไลท์ให้ผู้ร่วมงานได้สนุกไปกับกิจกรรมบนชายหาด กิจกรรมกีฬาทางน้ำ กิจกรรมนันทนาการ อาทิ ร่วมสัมผัสประสบการณ์การล่องเรือยอช์ทหรูฟรี การพายเรือคายัคและแพดเดิลบอร์ด การสาธิตกีฬาทางน้ำ เจ็ตแพ็ค - ฟลายอิ้งบอร์ด และเรือบังคับวิทยุ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมเกมส์ต่างๆ อีกมากมาย และพลาดไม่ได้กับบรรยากาศเทศกาลอาหารและเครื่องดื่มพร้อมเพลิดเพลินไปกับการแสดงของวงดนตรีในสวนสวย ริมทะเล พร้อมชมวิวพาโนราม่าท่าจอดเรือยอช์ทสุดอลังการ ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์แล้ว โอเชี่ยน มารีน่า ตั้งอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางของเอเชียที่สะดวกแก่การเดินทางจากประเทศในแถบเอเชียด้วยการใช้เวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น นับได้ว่าการจัดงานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ จะเป็นจุดศูนย์รวมของความหลากหลายทางธุรกิจในภูมิภาค และดึงดูดผู้คนมาสู่จุดหมายปลายทางแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี อ้างอิงจากรายงาน The Wealth Report ปี 2014 ได้ระบุว่า จำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูง หรือที่เรียกว่า High Net Worth Individual (HNWI) คือกลุ่มบุคคลที่มีความมั่งคั่งในสินทรัพย์ที่มีมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไม่นับรวมที่อยู่อาศัย) ที่อาศัยอยู่ในเอเชีย มีอัตราเติบโตสูงถึง 89% ตั้งแต่ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2546 - 2556 และคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีอัตราการเติบโตขึ้นอีก 43% ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคเอเชียมีจำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูง แซงหน้าอเมริกาเหนือ และเป็นรองแค่เพียงประเทศแถบยุโรปเท่านั้น จากข้อมูลดังกล่าว ทางโอเชี่ยน มารีน่า จึงได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวพัทยา ผ่านงานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญจะช่วยผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยวทางทะเล และเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของพัทยาในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับชั้นนำของโลก นางภัทรพร สิทธิวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เมืองพัทยายังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและจากทั่วโลก โอเชี่ยน มารีน่า นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวทางทะเลของพัทยา และงานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวระดับบนสู่พัทยาและผลักดันอ่าวไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวทางทะเลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างสมบูรณ์แบบ” ข้อมูลจากโอเชี่ยน มารีน่าที่สอดคล้องกับแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่มีมากขึ้นดังกล่าว ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการในโอเชี่ยน มารีน่า เพิ่มขึ้นถึง 32% และมีการเติบโตสูงขึ้นจากปี 2553 ถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 66% เพื่อตอบรับแนวโน้มดังกล่าว โอเชี่ยนมารีน่า ได้มีการทำการพัฒนาขยายมารีน่า ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบกับการที่มีแหล่งล่องทะเลที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาค จะช่วยทำให้พัทยาและพื้นที่ใกล้เคียงอาทิ จอมเทียน และอ่าวไทย เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวทางทะเลในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตอบรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจของอาเซียนในปี 2558 นี้ “โอเชี่ยน มารีน่า ได้ทำการขยายพื้นที่สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งบนบกและบนผืนน้ำจนปัจจุบันกลายเป็นมารีน่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ครบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและการให้บริการมาตรฐานสากล การจัดงาน “โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ 2557” จึงเป็นการแสดงศักยภาพของพัทยา จอมเทียน และอ่าวไทย ที่จะกลายเป็นฮับของธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเลของภูมิภาคเอเชียของตะวันออกเฉียงใต้ และโปรโมทไปสู่สายตาระดับโลก” นางสุพัตรา กล่าวทิ้งท้าย ท่านสามารถเยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.oceanmarinapattayaboatshow.com และทางเฟสบุ๊ค www.facebook.com/oceanmarinapattayaboatshow
How To Connect Your Hotel Brand To Your Customers In The World Of Semantic Search
How To Connect Your Hotel Brand To Your Customers In The World Of Semantic SearchBy Bronwyn White, Co-Founder, MyTravelResearch.com With the introduction of semantic search at the end of 2013, Google changed the way customers find hotels and services. It changed the information that we receive each time we search. The upshot: the hotel industry needs to profoundly change the way we market our hotels and manage our online presence. Now, it's all about the user experience, which is increasingly mobile. Google is predicting that mobile search will overtake desktop search queries by the end of 2014. We increasingly use voice search and talk to our mobile like we would our best friend. We ask it about the weather, best restaurants and the best hotel to stay. Last year, an SEO checklist consisted of back links (from anyone anywhere), on-page SEO, domain names, hosting location and link structure. Practices were easily gamed by building artificial links and stuffing poor content with keywords, most of it focusing on desktop search. A year on, things have changed enormously. However, at MyTravelResearch.com we don't see much movement in travel industry and hotel marketing strategies. The industry doesn't 'get it' yet. They should. Take it from David Amerland, author of Google Semantic Search. He told MyTravelResearch.com: "Nowhere is reputation more important perhaps than in the hospitality industry. Thanks to the widespread prevalence of reviewing systems such as TripAdvisor and Yelp and the use of social media to share experiences, the hotel industry can finally begin to win attention and market share by doing what it does best: focus on providing great service and the best end-user experience possible." Accordingly, here are four tips from MyTravelReserch.com that will help hotels be found easily on the semantic web: 1. It is more important than ever for hotels to have clarity in branding and positioning. Consistency in messaging is key to you being presented when a user is searching. The search engines need to see you as an authority in your market. This means consistently talking about similar things. 2. Concentrate on your area of expertise. Don't try to be all things to all people. View yourself as a publisher of compelling, relevant content. You should strive to become a trusted authority of sound reputation and influence in the eyes of the search engines. We are starting to see this in destination marketing, but not so much in hotels. 3. Understand the importance of social media beyond posting pictures. Strive for engagement, interaction, sharing and retweeting. Search engines are increasingly using these signals to help establish your influence and relevance to the user search. 4. Focus on the 4 'V's: Variety of content. Include a variety of output such as images, stories and videos. Volume of content. Content should be delivered on a regular basis. Velocity. Content should be delivered quickly and the more content is shared, retweeted, commented on, the more likely search engines will take notice. Veracity in authenticity. The above is excerpted from the presentation Bronwyn White will give at the PATA Travel Mart and Board Meeting (Hospitality Industry Session), 21 September 2014 in Phnom Penh, Cambodia.
เรียนรู้ประวัติศาสตร์..สนุก..เข้าใจง่าย ในงาน Muse Fest ตอนวันพิพิธภัณฑ์ไทย
ระหว่างวันที่ 19 – 21 กันยายนนี้ มิวเซียมสยาม จะจัดงาน “มิว เฟส (Muse Fest) ตอน วันพิพิธภัณฑ์ไทย” ณ มิวเซียมสยาม เพื่อระลึกถึงวันก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ หรือมิวเซียม สำหรับประชาชนขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครบ 140 ปี เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2417 โดย ชนกพร ถิ่นพังงา หัวหน้าฝ่ายสื่อสารและการตลาดมิวเซียมสยาม สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ได้จัดงานแถลงข่าวขึ้น โดยภายในงานทั้ง 3 วันจะมีการจัดแสดงละคร ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสุวรรณภูมิ จนถึงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านการพูดคุย และตั้งคำถามของตัวละครถึง 4 เรื่อง โดยมี ทวีวัฒน์ กำเนิดเพ็ชร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มละครเพื่อการเรียนรู้บางเพลย์ เป็นผู้อำนวยการแสดงละคร พร้อมด้วยการเล่านิทานพื้นบ้าน 2 ภาษา ในงาน “มิว เฟส (Muse Fest) ตอน วันพิพิธภัณฑ์ไทย” ครั้งนี้ ชนกพร ถิ่นพังงา หัวหน้าฝ่ายสื่อสารและการตลาดมิวเซียมสยาม สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เผยว่า “งาน “มิว เฟส (Muse Fest) ตอน วันพิพิธภัณฑ์ไทย” จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงวันก่อตั้งพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งปีนี้ครบรอบ 140 ปี โดยมีคอนเซ็ปต์ว่า Museum Comes Alive หรือพิพิธภัณฑ์มีชีวิต โดยได้นำเรื่องราวประวัติศาสตร์จากนิทรรศการ หรือบนบอร์ด มาจัดแสดงใหม่ในรูปแบบละครสด เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ง่ายต่อการเข้าใจและจดจำ ไม่เพียงเท่านี้ ในงานวันนั้นยังได้มีการบริการรถรางฟรี ที่จะจำลองเส้นทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเส้นทางรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ส่งทุกท่านเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ อีกด้วย” ทวีวัฒน์ กำเนิดเพ็ชร์ เผยว่า “กลุ่มคณะละครบางเพลย์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 โดยกลุ่มคนที่คร่ำหวอดใน แวดวงการแสดงละครและมีประสบการณ์นานถึง 30 ปี ซึ่งละครที่จัดแสดงนั้นจะเป็นละครเพื่อการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพศศึกษา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือเช่นในงาน “มิว เฟส (Muse Fest) ตอน วันพิพิธภัณฑ์ไทย” ครั้งนี้ ที่หยิบยกเรื่องราวประวัติศาสตร์ขึ้นมาทำเป็นละคร โดยนำเสนอในรูปแบบของการตั้งคำถามกับผู้ชม ซึ่งการทำละครเพื่อการเรียนรู้สำหรับเยาวชนนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการหยิบยกประเด็นที่น่าสนใจ พร้อมทั้งตั้งคำถาม หรือแง่คิดให้เยาวชนได้คิดตาม เพราะเชื่อว่าละครนั้นสร้างการเรียนรู้ได้ โดยนักแสดงเปรียบเหมือนกระบวนกร ที่จัดสรรกระบวนการทางความคิด เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ อีกทั้งการแสดงละครยังมีเสน่ห์ที่คนชมจะได้อรรถรสในการรับชมแบบสดๆ มีความรู้สึกร่วมในพื้นที่การแสดง ได้สัมผัสด้วยตา ได้รับรู้ถึงอารมณ์ของ คนแสดง ที่มากกว่าชมทางโทรทัศน์ และมากกว่าการอ่านผ่านหนังสือ ซึ่งนักแสดงในกลุ่มคณะละครบางเพลย์นี้ จะประกอบด้วยนักแสดงอาชีพ และนักศึกษา ประมาณ 16 คน ความน่าสนใจของการชมละครใน “มิว เฟส (Muse Fest) ตอน วันพิพิธภัณฑ์ไทย” คือการแสดงในแต่ละเรื่อง ที่จะจัดแสดงขึ้นในห้องต่างๆ ในห้องนิทรรศการที่อยู่ในมิวเซียมสยาม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในยุคสมัยนั้นๆ ของละคร ซึ่งจะช่วยเพิ่มอรรถรสให้ผู้ชมรู้สึกสนุกสนานไปกับประวัติศาสตร์ และยังรู้สึกว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่สามารถแสดงความคิดเห็นผ่านมุมมองใหม่ๆ ของเราได้ เหมือนเช่นที่ตัวละครจะพูดคุยและตั้งคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ผ่านการบอกเล่าของตัวละคร ว่าเราจะเชื่อตาม หรือมีความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยละครที่จะนำมาแสดงนั้นจะมีทั้งหมด 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องตำนานสุวรรณภูมิ ที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ พระยาแถน, น้ำเต้าปุงตำนานชนคน 5 เผ่าสุวรรณภูมิ, เรื่องราวภาพเขียนในถ้ำต่างๆ วัยศักดิ์สิทธิ์ หมาศักดิ์สิทธิ์ ตำนานข้าว และเรื่องของพระเจ้าอโศกกับการเข้ามาของพระพุทธศาสนา ผ่านการบอกเล่าของนักแสดงตัวประกอบในกองถ่ายหนังย้อนยุค ในขณะที่เรื่องราวจะสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในช่วงของกรุงศรีอยุธยา เรื่องสามสาวเล่าเรื่อง จะเป็นเรื่องราวที่จะเป็นการบอกเล่าถึงยุคทองของวัฒนธรรม ผ่านตัวละคร 3 สาว 3 ชาติ คือสาวไทย สาวญี่ปุ่น และสาวฝรั่งเศส เป็นตัวละครหลักในการเล่าเรื่อง ที่แอบเม้าท์ซุบซิบเรื่องในบ้านของเจ้าพระยาวิชเยนท์ ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคที่มีคนต่างชาติเข้ามาสู่ประเทศ โดยประเด็นเนื้อหาที่พูดคุยกันนั้น จะมีทั้งเรื่องศาสนา วัฒนธรรม และการเมือง ต่อมา เรื่องคุณหญิงซื้อของ เป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความศิวิไลซ์ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งแต่เรื่องการสร้างถนนราชดำเนิน พระที่นั่งอนันตสมาคม รถราง รถไฟ โทรเลข และการเลิกทาส ผ่านการซื้อของระหว่างคุณหญิงและพ่อค้าชาวจีน และเรื่องหญิงไทยที่รู้จัก ประเด็นของเรื่องนี้จะเป็นการตั้งคำถามว่าความงามอย่างไทยนั้น..ใครบอก ซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี้จะเป็นการค้นหาว่า ความงามที่แท้จริง คือความงามแบบไหน งามอย่างไทย งามอย่างมีคุณค่า หรืองามอย่างมีราคา” มารู้จักประเทศไทยกันให้มากขึ้น ในงาน “มิว เฟส (Muse Fest) ตอน วันพิพิธภัณฑ์ไทย” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 - 21 กันยายนศกนี้ ณ มิวเซียมสยาม ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2225-2777 ต่อ 123
TRIPADVISOR SHOWCASES TRAVELLERS’ CHOICE MUSEUMS
Hellfire Pass Museum in Kanchanaburi Named Top Museum in Thailand and Fifth in Asia, According to Millions of Reviews and Opinions from TripAdvisor Travellers TripAdvisor™, the world’s largest travel site*, today announced its Travellers’ Choice™ awards for Museums around the globe. The top 25 in the world and dedicated lists for Asia, Europe, South America, South Pacific, the U.K., the U.S. and Thailand were identified. “Some of the world’s most significant cultural institutions are represented within the Travellers’ Choice Museums thanks to the feedback shared by millions of travellers around the world,” said Barbara Messing, chief marketing officer for TripAdvisor. “Featuring some of the world’s finest art, scientific discoveries and historical events, these world-class attractions offer both educational and enriching experiences.” Travellers’ Choice awards honour top travel spots worldwide based on the millions of valuable reviews and opinions from TripAdvisor travellers. Award winners were determined using an algorithm that took into account the quantity and quality of reviews for museums worldwide, gathered over a 12-month period. Hellfire Pass Museum in Kanchanaburi was named the top museum in Thailand and also made it to the Asia list, coming in at 5th place. “Overall, this is a highly recommended stop for anyone wanting to learn more about the death railway and to see up close the hardships that were faced by the (prisoners of war) building the track,” noted a TripAdvisor reviewer. Out of the ten museums recognised in Thailand, five are located in Bangkok, including Museum of Contemporary Art (MOCA), Erawan Museum, Siriraj Medical Museum, Queen Sirikit Museum of Textiles and Suan Pakkad Palace Museum, which placed second, fourth, seventh, eighth and tenth respectively. Chiangrai has the next most number of museums, with two winners amongst the top ten.Top 10 Travellers’ Choice Museums in Thailand:1. Hellfire Pass Museum, Kanchanaburi (678 reviews)2. Museum of Contemporary Art (MOCA), Bangkok (151 reviews)3. Museum of World Insects and Natural Wonders, Chiangmai (107 reviews)4. Erawan Museum, Bangkok (201 reviews)5. Hall of Opium Museum, Chiang Saen, Chiang Rai (236 reviews)6. Anek Kuson Sala (Viharnra Sien), Pattaya (74 reviews)7. Siriraj Medical Museum, Bangkok (159 reviews)8. Queen Sirikit Museum of Textiles, Bangkok (207 reviews)9. Black House - Baan Si Dum - Museo Baandum, Chiang Rai (296 reviews)10. Suan Pakkad Palace Museum, Bangkok (77 reviews)Top 10 Museums – Asia: 1. The Museum of Qin Terra-cotta Warriors and Horses, Xi-an, China (4,856 reviews)2. Tuol Sleng Genocide Museum, Phnom Penh, Cambodia (2,915 reviews)3. Hiroshima Peace Memorial Museum, Hiroshima, Japan (1,348 reviews)4. Vietnam Museum of Ethnology, Hanoi, Vietnam (1,743 reviews)5. Hellfire Pass Museum, Kanchanaburi, Thailand (678 reviews)6. Vietnamese Women's Museum, Hanoi, Vietnam (1,329 reviews)7. Shanghai Museum (Shanghai Bowuguan), Shanghai, China (1,363 reviews)8. Hong Kong Museum of History, Hong Kong, China (1,190 reviews)9. Asian Civilisations Museum, Singapore (848 reviews)10. Islamic Arts Museum, Kuala Lumpur, Malaysia (1,111 reviews)Top 10 Museums – World: 1. Art Institute of Chicago, Chicago, Illinois (6,472 reviews)2. National Museum of Anthropology (Museo Nacional de Antropologia), Mexico City, Mexico (3,866 reviews)3. State Hermitage Museum and Winter Palace, St. Petersburg, Russia (5,788 reviews)4. The Getty Center, Los Angeles, California (4,441 reviews)5. Galleria dell’Accademia/Statue of David, Florence, Italy (9,973 reviews)6. Musee d’Orsay, Paris, France (20,260 reviews)7. The Metropolitan Museum of Art, New York City, New York (14,882 reviews)8. The Acropolis Museum, Athens, Greece (6,546 reviews)9. Prado Museum, Madrid, Spain (11,935 reviews)10. Yad Vashem Holocaust Memorial, Jerusalem, Israel (2,546 reviews) For the complete list of the 509 winners from the 2014 Travellers’ Choice Museums, as well as reviews and candid traveller photos, go to:http://th.tripadvisor.com/TravellersChoice-Attractions-cMuseums. To see the best hotels for luxury, bargain and more, as honoured in TripAdvisor Travellers' Choice Awards for Hotels, go to: http://th.tripadvisor.com/TravellersChoice-Hotels.
ทริปแอดไวเซอร์ ประกาศรางวัล Traveller’s Choice Awards สำหรับพิพิธภัณฑ์
นับล้านความคิดเห็นนักเดินทางทั่วโลก ขนานนาม พิพิธภัณฑ์ ช่องเขาขาด, กาญจนบุรี เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย และติดอันดับ 5 พิพิธภัณฑ์แนะนำในเอเชีย ทริปแอดไวเซอร์ เว็บไซด์ท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศรางวัลทราเวลเลอร์ส ช้อยส์ อวอร์ดส (Traveller's Choice Awards) สำหรับพิพิธภัณฑ์ โดยเผยพิพิธภัณฑ์ยอดนิยมสูงสุด 25 อันดับในโลก พร้อมจำแนกรายนามพิพิธภัณฑ์เด่นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เอเชีย ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียแปซิฟิก สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย บาร์บารา เมสซิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด ทริปแอดไวเซอร์ กล่าวว่า “ขอบคุณรีวิวนับล้านจากนักเดินทางทั่วโลกที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอของวัฒนธรรมที่โดดเด่นที่สุด ผ่าน รางวัลทราเวลเลอร์ส ช้อยส์ อวอร์ดส สำหรับพิพิธภัณฑ์ โดยบางแห่งนับเป็นงานศิลปะขนานเอก วิทยาการทางวิทยาศาสตร์ หรือสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นแหล่งส่งเสริมความรู้และเสริมสร้างประการณ์ชั้นเยี่ยม” รางวัลในการคัดสรรสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆทั่วโลกมาจากล้านความคิดเห็นที่มีคุณค่าและความคิดเห็นจากนักท่องเที่ยวบนทริปแอดไวเซอร์ โดยรางวัลผู้ชนะใช้การประมวลผลแบบอัลกอริทึม ซึ่งพิจารณปริมาณและคุณภาพของรีวิวสำหรับพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ ช่องเขาขาด, กาญจนบุรี ได้รับขนานนามเป็นอันดับหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยและติดอันดับที่ 5 พิพิธภํณฑ์ในเอเชีย โดย หนึ่งในรีวิวจากทริปแอดไวเซอร์ กล่าวไว้ว่า “ที่แห่งนี้เป็นที่แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรถไฟสายมรณะและเข้าใจถึงความยากลำบากของเชลยศึกในการสร้างทางรถไฟแห่งนี้” 10 อันดับ พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย มี 5 แห่งตั้งในกรุงเทพฯ ได้แก่ อันดับ 2 พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA), อันดับ 4 พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ, อันดับ 7 พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช, อันดับ 8 พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ อันดับ 10 พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ในเชียงราย ติดถึง 2 แห่ง ได้แก่ อันดับ 5 หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ และอันดับ 9 พิพิธภัณฑ์บ้านดำ10 อันดับ พิพิธภัณฑ์แนะนำในประเทศไทยจาก Traveller's Choice Awards1. พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด, กาญจนบุรี (678 รีวิว)2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA), กรุงเทพฯ (151 รีวิว)3. พิพิธภัณฑ์แมลงโลกและสิ่งมหัศจรรย์ธรรมชาติ, เชียงใหม่ (107 รีวิว)4. พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ, กรุงเทพฯ (201 รีวิว)5. หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ, เชียงแสน, เชียงราย (236 รีวิว)6. อเนกกุศลศาลา (วิหารเซียน), พัทยา (74 รีวิว)7. พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช, กรุงเทพฯ (159 รีวิว)8. พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, กรุงเทพฯ (207 รีวิว)9. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ, เชียงราย (296 รีวิว)10. พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด, กรุงเทพฯ (77 รีวิว)10 อันดับ พิพิธภัณฑ์แนะนำในเอเชีย จาก Traveller's Choice Awards 1. พิพิธภัณฑ์สุสานจิ๋นซี, เมืองซีอาน, ประเทศจีน (4,856 รีวิว)2. พิพิธภัณฑ์สังหารหมู่โตลเสลง, กรุงพนมเปญ, ประเทศกัมพูชา (2,915 รีวิว)3. พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า, เมืองฮิโรชิม่า, ประเทศญี่ปุ่น (1,348 รีวิว)4. พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาเวียดนาม, กรุงฮานอย, ประเทศเวียตนาม (1,743 รีวิว)5. พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด, กาญจนบุรี, ประเทศไทย (678 รีวิว)6. พิพิธภัณฑ์สตรีเวียดนาม, กรุงฮานอย, ประเทศเวียตนาม (1,329 รีวิว)7. พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้, กรุงเซี่ยงไฮ้, ประเทศจีน (1,363 รีวิว)8. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ฮ่องกง, ฮ่องกง, ประเทศจีน (1,190 รีวิว)9. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสิงคโปร์, สิงคโปร์ (848 รีวิว)10. พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม, กรุงกัวลาลัมเปอร์, ประเทศมาเลเซีย (1,111 รีวิว)10 อันดับ พิพิธภัณฑ์แนะนำระดับโลก จาก Traveller's Choice Awards 1. สถาบันศิลปะแห่งชิคาโก, เมืองชิคาโก, รัฐอิลลินอยส์ (6,472 รีวิว)2. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของมานุษยวิทยา, เมืองเม็กซิโกซิตี้, ประเทศเม็กซิโก (3,866 รีวิว)3. พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจและพระราชวังฤดูหนาว, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, ประเทศรัสเซีย (5,788 รีวิว)4. เดอะ เกตตี เซนเตอร์, ลอสแองเจลิส, แคลิฟอร์เนีย (4,441 รีวิว)5. หอศิลป์อะคาเดเมีย, ฟลอเรนซ์, ประเทศอิตาลี (9,973 รีวิว)6. พิพิธภัณฑ์ออร์แซ, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส (20,260 รีวิว)7. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน, นิวยอร์กซิตี้, นิวยอร์ก (14,882 รีวิว)8. พิพิธภัณฑ์อะโครโปลิส, เอเธนส์, ประเทศกรีซ (6,546 รีวิว)9. พิพิธภัณฑ์ปราโด้ กรุงมาดริด ประเทศสเปน (11,935 รีวิว)10. อนุสรณ์สถานฮอโลคอสท์ยาดวาเชม, กรุงเยรูซาเล็ม, ประเทศอิสราเอล (2,546 รีวิว) สามารถดูรายละเอียดพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลทราเวลเลอร์ส ช้อยส์ อวอร์ดส ทั้งหมด 509 แห่ง พร้อมรูปภาพจริงของนักท่องเที่ยวได้ที่ http://th.tripadvisor.com/TravellersChoice-Attractions-cMuseums พร้อมค้นหาโรงแรมที่ได้รับรางวัลยอดเยียมจากทราเวลเลอร์ส ช้อยส์ อวอร์ดส ได้เพิ่มเติมที่ http://th.tripadvisor.com/TravellersChoice-Hotels
Beluga celebrates the 20th anniversary of its first flight Flight hours per aircraft have since doubled and will do so again by 2017
With its maiden flight on September 13, 1994, the popular Beluga cargo aircraft, affectionately named after the white whale because of its remarkable shape, is celebrating this week twenty years of transporting Airbus component parts between Airbus’ European manufacturing sites. Since 1995, the fleet of five Beluga aircraft replaced the ageing Super Guppy transporters in order to supply the Airbus final assembly lines in Toulouse and Hamburg. Today, more than sixty flights are performed each week between eleven sites, carrying crucial parts for all of the Airbus programmes, including the A380*. The Beluga fleet is operated by Airbus Transport International (ATI), an Airbus subsidiary airline, and each Beluga crew is composed of a pilot, a co-pilot and a flight engineer. With the production start of the A350 XWB in 2012 and the production ramp-up on other Airbus programmes, the Beluga activities again will substantially increase over the next five years. In order to accompany this challenge, Airbus launched in 2011 the Fly 10 000 project. Flight crew numbers and flight hours have grown and loading procedures have been further optimized, with the opening of new integrated loading facilities in Hamburg and Bremen in Germany and Saint-Nazaire in France. Broughton, UK and Getafe, Spain will follow soon. Fly 10,000 should allow the Beluga fleet to double its activities by 2017 (from 5,000 to 10,000 flight hours). “The Beluga is an essential element of Airbus’ integrated logistics and production system. It is thanks to its reliability and engagement of the Beluga teams that we can fulfil our constant pursuit of efficiency”, said Günter Butschek, Airbus Chief Operating Officer. The Beluga is based on the twin-engine A300-600R, appreciated for its reliability and its cost-effectiveness. It is powered by General Electric CF6-80C2 engines. With its impressive dimensions (56 m long, 17 m high, a fuselage diameter of 7.71 m and a main-deck cargo volume of 1,400m3), the Beluga is the champion of its category (compared with the Antonov AN-124 or even the C-17). The Beluga can carry a maximum payload of 47 metric tonnes non-stop over a range of 1,660 km/900 nm. *only the Vertical Tailplane and tailcone, all other A380 components being transported through the “multimodal transport system (sea, river, road).
Best Western Embarks on the Road to Mandalay
Best Western International has embarked on the latest stage of its expansion in Myanmar, with the signing of its first ever hotel in Mandalay. Scheduled to open in the third quarter of 2015, the new midscale BEST WESTERN hotel will feature 108 comfortable rooms, all equipped with such international amenities as LCD TVs and complimentary Wi-Fi. The Mandalay launch will continue Best Western’s recent expansion in Myanmar, which commenced in 2013 with the opening of the BEST WESTERN Green Hill Hotel in Yangon. This opening made Best Western the first US-based hotel group to re-enter Myanmar since the country opened up to the international community. “Myanmar has made remarkable progress in recent years and Best Western is delighted to be able to continue our development in the country,” said Glenn de Souza, Best Western International’s Vice President of International Operations for Asia & Middle East. “Since launching last year, BEST WESTERN Green Hill Hotel has experienced strong demand from both international business and leisure travelers. We see huge potential in Myanmar and plan to develop a network of hotels across the country. The signing of our first hotel in Mandalay is a key step towards achieving this,” Mr. de Souza added. In addition to the midscale properties in Yangon and Mandalay, Best Western has previously announced plans to launch a luxury BEST WESTERN PREMIER hotel in Myanmar’s capital Nay Pyi Taw. And Mr. de Souza said he sees potential for all three of Best Western’s products – midscale BEST WESTERN, upscale BEST WESTERN PLUS and luxury BEST WESTERN PREMIER – in Myanmar. “At present Myanmar is experiencing a strong level of new hotel development, but much of this is concentrated in the higher ends of the market. With Best Western’s 70 years of experience in the international midscale sector, and a choice of products that can be tailored to different markets, we have the opportunity to create new demand and drive business across the country,” Mr. de Souza said. The new BEST WESTERN hotel in Mandalay will join the company’s existing portfolio of almost 200 hotels and resorts either operating or under development across Asia and the Middle East, including 86 in Southeast Asia.
พักผ่อนและช้อปปิ้งสุดเพลินกับดุสิต
ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในเครือโรงแรมชั้นนำของเอเชีย นำเสนอแพ็คเกจใหม่ล่าสุดตอบโจทย์เพื่อการพักผ่อนแบบคนมีสไตล์ ณ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิต “ฮอลิเดย์ ช้อปปิ้ง สเปเชี่ยล” แพ็คเกจสำหรับคนรักการช้อปปิ้ง ด้วยที่พักสุดหรูที่มาพร้อมอาหารเช้าแสนอร่อย และส่วนลด 20% สำหรับร้านอาหารและสปา นอกจากนี้แพ็คเกจยังมาพร้อมบัตรส่วนลด ณ ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมรายการ อาทิ - ส่วนลดที่คิงเพาเวอร์สาขากรุงเทพฯและพัทยา - ส่วนลดที่ห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์ สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอร์รี่ สยามพารากอน และเอ็มโพเรี่ยม - ส่วนลดที่คาแนลวิลเลจช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ที่ภูเก็ต - เดอะซิเคด้ามาร์เก็ต ที่หัวหิน หรือสำหรับท่านที่สนใจท่องเที่ยวในวันหยุดพักผ่อนแบบครอบครัว ดุสิตยังนำเสนอ แพ็คเกจ “แฟมิลี่ เก็จอเวย์” ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเอาใจทุกคนในครอบครัว อาทิ - ส่วนลด 50% เมื่อจองห้องพักห้องที่สองสำหรับเด็ก พร้อมอาหารเช้าสำหรับครอบครัวรวม 4 ท่าน - ส่วนลดพิเศษสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ ส่วนลด 20% สำหรับค่าเข้าชมบ้านตีลังกา ที่ภูเก็ต, ส่วนลด 10% สำหรับค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ภาพจิตรกรรม 3 มิติ ที่เมืองพัทยา และอื่นๆ อีกมากมาย สัมผัสประสบการณ์วันหยุดพักผ่อนที่เหนือระดับกับแพ็คเกจสุดคุ้ม ณ โรงแรมในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2557 สามารถดูรายละเอียดโรงแรมที่เข้าร่วมหรือสำรองห้องพักได้ที่ www.dusit.com/offers หรือโทร 02 636 3333.
Get More on Your Next Getaway with Dusit!
Enjoy exclusive discounts from partner retail and entertainment outlets at select hotels and resortsWith school holidays and the year-end shopping season soon approaching, Dusit offers guests even more with two packages whose standard inclusions are now enhanced with added extras! The Holiday Shopping Special package invites guests to stay, shop and save with breakfast for two, 20% off of Food and Beverage, 20% off of Spa and exclusive discounts at select retail and department stores. Based on the chosen hotel or resort, guests will receive a voucher pack upon check-in, outlining the special offers and promotional discounts from local retail outlets, including partners such as: - King Power’s Bangkok and Pattaya shopping complexes - The Mall Group’s Bangkok shopping malls, including Siam Center, Siam Discovery, Paragon and Emporium - Canal Village Shopping Centre in Phuket - Cicada Market in Hua Hin For those planning to travel with the whole family, the Family Getaways package has been updated so that kids stay and eat for free! In addition to this, select hotels and resorts offer guests discounted or complimentary entry tickets to local entertainment outlets. Some of these include: - Two complimentary tickets to either Yas WaterWorld or Ferrari World in Abu Dhabi - Four complimentary tickets to the Mind Museum in Manila - 20% off tickets to Baan Teelanka (Upside-down House) in Phuket - 10% off entry fee to Art in Sanctuary 3D museum in Pattaya These added extras are in addition to the standard Family Getaways package inclusions of 50% off the second room reserved for children, connecting rooms where available (or complimentary upgrade to Suite category), breakfast for family of four, soft drinks and fruit juices for children under 12 years of age at poolside and special turndown service with milk and cookies for kids. Holiday Shopping Special is valid now through 15 December 2014 whilst the Family Getaways promotion is ongoing. For more information and a complete list of participating hotels, resorts and partner retail and entertainment outlets, visit www.dusit.com/offers.
สยามเวลเนสกรุ๊ป ลุยหัวหิน เปิด “Let’s Relax Spa” เน้นบริการระดับพรีเมี่ยม
สยามเวลเนสกรุ๊ป เดินหน้ารุกธุรกิจสปาต่อเนื่อง เน้นเจาะตลาดตามเมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก ล่าสุด เปิดตัว Let’s Relax Spa สาขาหัวหิน ภายใต้แนวคิดเรทโทร ชิค (Retro Chic) ในบรรยากาศแบบบ้านพักตากอากาศของหัวหินวันวาน เน้นบริการระดับพรีเมี่ยมในราคาย่อมเยา นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ผู้ประกอบการสปาชั้นนำครบวงจร บริหารงานโดยผู้บริหารคนไทยได้รับการยอบรับอย่างสูงในระดับสากล กล่าวว่า สำหรับ Let’s Relax Spa ถือเป็นเดย์สปาที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ในเรื่องการบริการระดับมืออาชีพจากเทอราพิสต์ ที่มีความชำนาญในเรื่องของศาสตร์การนวดเป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้บริการมายาวนานกว่า 15 ปี ปัจจุบัน Let’s Relax ถือเป็นสปาที่ราคาย่อมเยา เมื่อเทียบกับการบริการระดับพรีเมี่ยม ล่าสุด บริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพของหัวหินที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาพักผ่อนตลอดทั้งปี ประกอบกับพื้นที่ของศูนย์การค้าหัวหิน มาร์เก็ต วิลเลจ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหัวหิน รอบล้อมไปด้วยเเหล่งท่องเที่ยว เเละโรงเเรมชั้นนำ มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย ผ่านทำเลที่ตั้งที่เข้าถึงง่ายจากถนนเพชรเกษม (ใกล้ซอยหัวหิน 88/1) และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันจึงเป็นโอกาสที่ดีในการบริการของ Let’s Relax จะตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี นายประเสริฐ จิราวรรณสถิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Let’s Relax สาขาหัวหิน ได้รับการตกแต่งให้ออกมาภายใต้แนวคิด “เรทโทร ชิค” (Retro Chic) เพื่อให้กลมกลืน และมีกลิ่นอายของบ้านพักตากอากาศหัวหินวันวานด้วยสีพาสเทล สีฟ้าอ่อนสลับกับน้ำเงินเข้ม ตกแต่งด้วยการนำเสนอเอกลักษณ์ของหัวหิน อาทิ ลายฉลุ, โต๊ะลายไม้, กระเบื้องลายวินเทจ ฯลฯ โดยสาขาหัวหินนี้มีห้องบริการมากกว่า 15 ห้อง ครอบคลุมกว่า 700 ตารางเมตร บนชั้น 2 เเละ 3 โซนอี ของศูนย์การค้าหัวหิน มาร์เก็ต วิลเลจ นอกจากนี้ทาง Let’s Relax ยังมีเมนูสปาที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อการบำบัดโดยเฉพาะเป็นการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาตะวันออกและตะวันตก หรือแม้แต่การนำเทคโนโลยีสปาที่ทันสมัยมาผสมผสานหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นสปาระดับพรีเมี่ยม ที่ให้ความผ่อนคลายสูงสุดต่อผู้ใช้บริการ นำเสนอออกมาเป็นการบำบัดที่หลากหลายไม่เหมือนใคร เช่น การนวดด้วยหินภูเขาไฟและน้ำมันหอมระเหย ที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ทรีทเม้นต์ของที่นี่ รวมทั้งการนวด ในรูปแบบต่างๆ อาทิ นวดเท้า นวดไทย นวดหน้า พอกผิว ขัดผิว เป็นต้น “บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในเรื่องคุณภาพ และการให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับมืออาชีพ เพื่อมุ่งเน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดกับการบริการระดับมืออาชีพ ในการผ่อนคลายและคืนความสมดุลสู่ร่างกายกับการดูแลอย่างเป็นกันเอง ด้วยรูปแบบและอุปกรณ์ที่ทันสมัย มั่นใจว่าจะได้รับการยอมรับ และไว้วางใจจากผู้ใช้บริการอย่างดีเช่นเคย ซึ่งปัจจุบัน Let’s Relax Spa เปิดบริการ 9 สาขาทั่วประเทศ ประกอบด้วย เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต กรุงเทพฯ สมุย และหัวหิน” คุณวิบูลย์ กล่าวเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการยังสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สปา และไลฟ์สไตล์จากธรรมชาติที่มีคุณภาพจากการผสมสูตรและเลือกสรรของแพทย์ และเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งเทอราพีสผู้มีประสบการณ์ ยาวนาน อาทิ น้ำมันนวด สครับขัดผิว Diffuser Kit เป็นต้น ที่ Blooming Shop เพื่อใช้เองหรือเป็นของขวัญให้สำหรับคนที่คุณรักได้ทุกสาขาของ Let’s Relax Spa
ภาพข่าว: พัฒนามาตรฐานโฮมสเตย์ไทย
นายภาษิต พุ่มชูศรี รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ที่ 4 จากขวา) เป็นประธานงานแถลงข่าว "กิจกรรมส่งเสริม และพัฒนาโฮมสเตย์ไทยเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางการท่องเที่ยว" โดยมี นายวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย (ที่ 3 จากขวา) นางสุภาภรณ์ ปราชญ์อำไพ อุปนายกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (ที่ 5 จากขวา) และตัวแทนผู้ประกอบการโฮมสเตย์ไทย ร่วมงาน ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ
OZO brings fun times to Pattaya with special opening rates from 1,100 THB ++ per night
Thailand’s second OZO property has landed in the bustling seaside town of Pattaya. Developed by Boutique Group of Companies and located within walking distance of the city’s attractions and beaches, OZO Pattaya is ideal for travellers seeking connectivity combined with a great night’s sleep. OZO Pattaya’s ‘Snooze Zone’ includes 164 sleep inducing guestrooms, comprising ‘Sleep Rooms’, ‘Dream Rooms’ and ‘OZO Suites’. Each room boasts superb bedding, climate control for the optimum sleep temperature and black out curtains so guests can hit the ‘Snooze’ button and sleep off a night out on the tiles. To help make each stay fuss free, the hotel is equipped with up to date amenities to keep guests connected. Each of the smartly designed rooms are fitted with multimedia connectivity panels with HDMI, USB and audio ports and with free Wi-Fi internet throughout, updating a status or posting a selfie is just a click away. In the common areas, chatty team members provide useful insights into the destination and interactive lecterns at the ‘Spot’, OZO’s take on a hotel lobby, give guests all the area info they need to inspire their stay. Whether it’s sampling Thai cuisines from far flung corners of Thailand at the Pattaya Floating Market, exploring the beautifully landscaped gardens of the Nong Nooch tropical garden and cultural village or braving the shark tank at Underwater World Pattaya, guests are spoiled for choice. After a restful night, a healthy breakfast and espresso jolt at ‘EAT’, the hotel’s all day dining restaurant, will invigorate the mornings. For those in a rush, ‘EAT2GO’ the grab and go service is a fast option for breakfast or snacks on the run. After busy days exploring the local sights, guests can lounge and enjoy some down time at ‘Splash’, the rooftop swimming pool or head to the gym, ‘Tone’ to burn off those extra holiday induced calories. Visitors can enjoy a special opening rate from 1,100 THB++ per night, exclusive of breakfast, service charge and local taxes, for stays between 15 September and 24 December, 2014. Subject to availability, terms and conditions apply. To make reservation please visit our website www.ozohotels.com/Pattaya or call +66(0) 38 103 777.
โอโซ่ นำความสุขสู่เมืองพัทยา กับโปรโมชั่นเปิดตัวสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียง 1,100 บาท ++
โอโซ่ แบรนด์โรงแรมภายใต้เครือออนิกซ์ฯ เปิดให้บริการแล้วเป็นแห่งที่สองในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “โอโซ่ พัทยา” โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยา ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และชายหาดอันสวยงาม ซึ่งพัฒนาโดยกลุ่มบริษัทบูติค (Boutique Group of Companies) พร้อมต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีและขณะเดียวกันก็ต้องการสถานที่พักผ่อนที่สะดวกสบาย โอโซ่ พัทยา เรียกส่วนของห้องพักทั้งหมดว่า ‘สนูซ โซน’ ประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 164 ห้อง รวมถึง’ห้อง สลีป’ ‘ห้องดรีม’ และ’ห้อง โอโซ่ สวีท’ ห้องพักแต่ละห้องได้รับการออกแบบที่ชาญฉลาด เพื่อการนอนหลับที่สบายที่สุด ประกอบด้วยเตียงและเครื่องนอนที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ห้องที่ปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ และผ้าม่านที่สามารถปิดแสงที่เล็ดลอดเข้ามาได้อย่างสนิท ให้คุณไม่พลาดการอัพเดพข่าวสารข้อมูลใหม่ๆ กับภายนอกระหว่างการเข้าพัก โดยห้องพักทุกห้องได้ออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอันทันสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย ที่มีช่องต่อแบบ HDMI USB และช่องต่อออดิโอ พร้อมอภินันทนาการอินเตอร์เน็ตแบบไวไฟ เพื่อให้แขกที่เข้าพักสามารถอัพเดทสเตตัส หรือ โพสต์รูปได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสได้อย่างฉับไวระหว่างการเข้าพัก ทางโรงแรมได้จัดให้มีพนักงานให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวหรือจะเลือกค้นหาข้อมูลด้วยตนเองผ่านทาง ‘สปอต’ จอข้อมูลอัจฉริยะที่ตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้ เพื่อให้แขกทราบถึงข้อมูลที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจระหว่างการเข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างหลากหลายอาหารจากทั่วประเทศไทยที่ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา ตามหาความสวยงามของสวนสวยที่สวนนงนุช หรือว่ายน้ำกับฉลามที่อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา หลังจากการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มยามค่ำคืน สดชื่นรับวันใหม่ด้วยบริการเมนูอาหารเช้าเพื่อสุขภาพและกาแฟเอสเปรสโซรสเข้มที่ ‘อีท’ (Eat) ห้องอาหารภายในโรงแรมที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 6.30 น. ถึง 23.00 น. และสำหรับแขกที่เร่งรีบสามารถรับบริการอาหารเช้าแบบเร่งด่วนได้ที่ ‘อีททูโก‘ (EAT2GO) อีกหนึ่งตัวเลือกของอาหารเช้าหรืออาหารว่างแบบง่ายๆ สะดวก และรวดเร็ว ภายหลังจากการสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่มาทั้งวัน แขกสามารถพักผ่อนและเพลิดเพลินกับ ‘สแปลช’ (Splash) สระว่ายน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณดาดฟ้า หรือเลือกเผาผลาญแคลลอรี่ในวันหยุดพิเศษนี้ที่ ‘โทน’ (Tone) ห้องออกกำลังกายภายในโรงแรม พิเศษ! สำหรับผู้ทีเข้าพักในช่วงเปิดตัวโรงแรม เริ่มต้นเพียง 1,100 บาท++ (ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้า ค่าบริการ และภาษีท้องถิ่น) สำหรับการเข้าพักระหว่างวันที่ 15 กันยายน – 24 ธันวาคม 2557 (ห้องพักมีจำนวนจำกัด และตามเงื่อนไขที่กำหนด) สำรองห้องพักหรือดูข้อมูลของโรงแรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ www.ozohotels.com/Pattaya หรือโทร. 038-103-777
นักท่องเที่ยวยังน้อย อสังหาริมทรัพย์โรงแรมยังชลอตัว
การถดถอยของจำนวนนักท่องเที่ยวยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลต่อมูลค่าและรายได้ของอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ประเภทโรงแรมในอนาคต จากผลการรวบรวมข้อมูลล่าสุดของกรมการท่องเที่ยวพบว่า ในรอบ 8 เดือนของปี 2557 (มกราคม - สิงหาคม) มีนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย15.7 ล้านคน เทียบกับปีที่แล้วที่มี 17.6 ล้านคน แล้วลดลง 11% แสดงว่าสถานการณ์ค่อนข้างเสื่อมทรุดลงในปี 2557 นี้ และหากสถานการณ์ยังถดถอยเช่นนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2557 น่าจะมีจำนวนประมาณ 23.7 ล้านคนในปี 2556 ตัวเลขนักท่องเที่ยวระบุว่ามีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในไทย 26,735,583 คน สามารถทำรายได้เข้าประเทศถึง 1,171,651.42 ล้านบาท หรือหัวละ 43,824 บาท หากนักท่องเที่ยวปี 2557 หายไป 2.2 ล้านคน ก็เท่ากับเงินหดหายไป 96,412 ล้านบาท ดังนั้นธุรกิจโรงแรมจึงมีความเสี่ยงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ การอำนวยสินเชื่อให้กับธุรกิจโรงแรมจึงต้องวิเคราะห์ในรายละเอียดเป็นพิเศษ ถึงสัญญาติของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวหรือไม่ในพื้นที่ดังกล่าว สำหรับข้อมูลในรอบ 8 เดือนของปี 2557 นี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มหลักยังเป็นประเทืศในเอเซียตะวันออก ซึ่งมีมาเยือนถึง 8.9 ล้านคน หรือ57% ของนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยทั้งหมด โดยกลุ่มประเทศที่มาเยือนสูงสุดก็คืออาเซียน 4.2 ล้านคน (27% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด) และถ้านับเป็นประเทศแล้ว จีนนับเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากที่สุดถึง 2.7 ล้านคน (17%) กลุ่มประเทศที่มีผู้มาเยือนรองลงมาก็คือยุโรป โดยมีมาถึง 4.1ล้านคน (26%) โดยในจำนวนนี้รัสเซียมากที่สุดถึง 1.1 ล้านคน (7% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด) สำหรับทวีปอเมริกา มีนักท่องเที่ยวมาไทยน้อยคือเพียง 5% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ในจำนวนนี้สหรัฐอเมริกาเป็นกลุ่มใหญ่สุดถึง 3% ประเทศในเอเซียใต้ก็มาเยือนไทยเพียง 5% โดย 4% เป็นนักท่องเที่ยวจากอินเดีย สำหรับในทวีปอื่น ๆ มีมาเยือนน้อยมาก ยกเว้นออสเตรเลียที่มาเยือนไทยถึง 555,769 คนในปี 2557 หรือ 3.5%ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด โดยเปรียบเทียบแล้วในปี 2557 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยลดลง ทั้งนี้ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวลดลงมากที่สุด ได้แก่ อันดับ 1 ซาอุดิอารเบีย มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 8,745 คน หรือลดลง -42.2% อันดับ 2 ฮ่องกง มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 273,628 คน หรือลดลง -33.9% อันดับ 3 บรูไน มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 6,044 คน หรือลดลง -33.0% อันดับ 4 ไต้หวัน มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 239,153 คน หรือลดลง -30.6% อันดับ 5 คูเวต มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 38,796 คน หรือลดลง -23.2% อันดับ 6 มาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 1,538,821 คน หรือลดลง -21.4% อันดับ 7 ญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 807,909 คน หรือลดลง -20.6% อันดับ 8 เวียดนาม มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 416,180 คน หรือลดลง -19.2% อันดับ 9 สิงคโปร์ มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 467,653 คน หรือลดลง -19.2% อันดับ 10 จีน มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 2,670,858 คน หรือลดลง -18.9% ส่วนประเทศที่เข้ามาไทยเพิ่มขึ้น อาจเป็นประเทศที่ไม่มีผลต่อรายได้มากนักเช่น ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ หรือประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อย ได้แก่ อันดับ 1 บราซิล มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 28,141 คน หรือเพิ่มขึ้น 26.3% อันดับ 2 ลาว มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 748,105 คน หรือเพิ่มขึ้น 12.9% อันดับ 3 เมียนมาร์ มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 125,321 คน หรือเพิ่มขึ้น 11.1% อันดับ 4 กัมพูชา มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 354,266 คน หรือเพิ่มขึ้น 9.6% อันดับ 5 อาร์เจนตินา มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 16,070 คน หรือเพิ่มขึ้น 7.3% อันดับ 6 อียิปต์ มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 17,489 คน หรือเพิ่มขึ้น 7.2% อันดับ 7 อิตาลี มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 145,456 คน หรือเพิ่มขึ้น 6.6% อันดับ 9 ฝรั่งเศส มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 441,332 คน หรือเพิ่มขึ้น 5.8% อันดับ 9 ฟินแลนด์ มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 92,220 คน หรือเพิ่มขึ้น 6.6% อันดับ 10 รัสเซีย มีนักท่องเที่ยวเข้าใทยในปี 2557 จำนวน 1,088,065 คน หรือเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อพิจารณาถึงมาตรการทางการกระตุ้นการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวจีน ปรากฎว่าในเดือนสิงหาคม นักท่องเที่ยวจีนยังหดตัวกว่าในเดือนเดียวกันของปี 2556 ถึง 5% คือเข้ามา 452,086 คน จากปีก่อน 476,765 คน อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวก็เริ่มเข้ามามากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าจำนวนคนจีนเข้ามาท่องเที่ยวในเดือนสิงหาคม 2557 จะน้อยกว่าปี 2556 แต่โดยสัดส่วนเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ๆ ก็เพิ่มขึ้นตามลำดับเดือน พ.ศ.2557 พ.ศ.2556 % เปลี่ยนแปลง พฤษภาคม 288,006 383,292 -24.86 มิถุนายน 216,934 370,064 -41.38 กรกฎาคม 342,547 458,683 -25.32 สิงหาคม 452,086 476,765 -5.18 นักท่องเที่ยวจีนอาจมาเที่ยวในภาคเหนือของไทย เช่น เชียงใหม่มากเป็นพิเศษ แต่สำหรับภาคอื่น ๆ อาจได้อานิสงส์น้อยกว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนก็ยังน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีรายได้สูงกว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวหลักทางชายฝั่งทะเล ก็คงยังไม่ฟื้นคืนได้รวดเร็วนัก
AirAsia Launches New Direct Flights Krabi-Guangzhou Connects Southern Thailand to a Shopping and Dining Paradise Affirms Status as Airline with Most China Destinations, Seeks to Stimulate Year End Tourism
AirAsia reasserts its status as the airline with the most complete network in China with the launch of new route “Krabi-Guangzhou”, connecting China’s economic hub with the Andaman Sea’s most popular tourist attraction with daily direct flights being offered at a special promotional fare starting from 1,690THB one way (inclusive of airport tax and fees). Bookings are available from today to 21 September, 2014 for travel from 6 November 2014 to 24 October 2015 at www.airasia.com and all AirAsia ticketing channels. Mr. Tassapon Bijleveld, CEO of Thai AirAsia, stated that China remains a main target for the airline. Presently, AirAsia offers a total of 13 routes to 10 destinations in the country, all at the lowest fares, flying not only from Don Mueang Airport but also Phuket and Chiang Mai. All of the offerings have been well received by Chinese travelers visiting Thailand and have prompted AirAsia to expand the network to include even more provinces in Thailand. Krabi was found to be another destination popular among Chinese travelers after figures indicated that visitors from China were the second most frequent fliers on AirAsia’s Don Mueang-Krabi route after local Thais. AirAsia is confident that the opening of the Krabi-Guangzhou route will prove an attractive and convenient option. “China is an important market for AirAsia. Load factor from the country in the first 8 months of 2014 averaged 80%. We plan to step up market stimulation during the third and fourth quarters to attract travelers during the yearend holiday season, which will also see a visa waiver for Chinese travelers. We are confident our load factor during the end of the year will reach even higher and that our new route addition, between an economic center in China and Thailand’s south, will stimulate circulation”. To mark the launch of the “Krabi-Guangzhou” route, AirAsia is offering special promotional fares starting from 1,690THB one way (inclusive of airport tax and fees). Bookings are available from today to 21 September, 2014 for travel between 6 November, 2014 and 24 October, 2015. Bookings in Thailand can be done through any of AirAsia’s ticketing channels, which include at www.airasia.com, through the Call Center 02-515-9999, at airport ticketing counters, AirAsia ticket agents and Counter Service outlets. Guangzhou is the capital of Guangdong province and an economic center for South China. It is often referred to as the southern gate of China and has a history of over 2,800 years. The city served as a start point for the Silk Road’s sea route and was the first free trading port for the West in China. The capital is renowned for its cuisine as well as its shopping with a variety of restaurants and eateries offering a myriad of Chinese cuisine and Western dishes. A common saying goes “Guangzhou has everything that flies, except airplanes, and offers dishes of anything with legs, except chairs”. It is also called a “shopper’s paradise” with ample shopping venues that range from walking streets to well-priced department stores that play host to world class brands. AirAsia is currently the low fare airline with the most flights to China offering a total 13 routes to 10 destinations, namely; from Bangkok (Don Mueang) to Macau 4 times daily, Hong Kong 3 times daily, Chongqing and Wuhan twice daily, Guangzhou, Shenzen, Kunming and Changsha once daily and from Chiang Mai to Macau, Hong Kong and Hangzhou once daily as well as from Phuket to Hong Kong once daily. Its latest addition, Krabi to Guangzhou, will begin operation this 6 November, 2014.
แอร์เอเชียเปิดเส้นทางบินตรง กระบี่-กวางโจว เชื่อมภาคใต้ของไทย สู่ สวรรค์นักช้อป ดินแดนนักชิม ตอกย้ำบินตรงสู่จีนมากที่สุด หวังกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวไทยช่วงปลายปี
สายการบินแอร์เอเชีย ตอกย้ำความเป็นผู้นำสายการบินราคาประหยัดครอบคลุมสู่เมืองจีนมากที่สุด พร้อมเปิดเส้นทางบินใหม่ กระบี่-กวางโจว เชื่อมเมืองเศรษฐกิจจีนสู่เมืองท่องเที่ยวแห่งทะเลอันดามัน บินตรงทุกวัน กับโปรโมชั่นเปิดตัวสุดคุ้ม เริ่มต้นเพียง 1690 บาทต่อเที่ยว (ราคานี้รวมค่าภาษีสนามบินแล้ว) เริ่มสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ – 21 กันยายน 2557 เพื่อเดินทางตั้งแต่ 6 พฤศจิกายน 2557 – 24 ตุลาคม 2558 จองด่วนที่ www.airasia.com และทุกช่องทางการจำหน่าย นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ประเทศจีนยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญของแอร์เอเชียในการขยายเส้นทางบิน ปัจจุบันเรามีเส้นทางบินสู่จีนทั้งสิ้น 10 ปลายทาง 13 เส้นทาง เป็นสายการบินราคาประหยัดที่บินสู่จีนมากที่สุด เราไม่เพียงบินจากฐานปฏิบัติการดอนเมือง แต่ยังมีเส้นทางบินจากภูเก็ตและเชียงใหม่ ซึ่งก็ล้วนได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทย เราจึงมองเห็นโอกาสในการขยายเส้นทางเพิ่มเติมสู่จังหวัดอื่นของประเทศไทยด้วย กระบี่เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยม เส้นทางดอนเมือง-กระบี่มีผู้โดยสารจีนเดินทางมากเป็นอันดับสองรองจากนักท่องเที่ยวไทย เราจึงเล็งเห็นศักยภาพที่จะเปิดเส้นทาง กระบี่-กวางโจว เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางให้สะดวกยิ่งขึ้น “เส้นทางจีนถือเป็นตลาดสำคัญของแอร์เอเชีย อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ใน 8 เดือนแรกของปี 2557 เฉลี่ยสูงมากถึงร้อยละ 80% เรามีแผนจะเร่งกระตุ้นตลาดในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 เพื่อต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาช่วงปลายปี ประกอบกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าไทยให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เราคาดว่าตัวเลขโหลดแฟกเตอร์ช่วงปลายปีจะเพิ่มขึ้นได้ การเปิดเส้นทางบินใหม่นี้จะช่วยกระตุ้นความต้องการเดินทางให้มากขึ้น เพราะกวางโจวก็เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจีนตอนใต้และมีประชาชนที่มีกำลังจับจ่ายสูง”เนื่องในโอกาสเปิดเส้นทางบินใหม่ “กระบี่-กวางโจว” แอร์เอเชียมีโปรโมชั่นราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 1690 บาทต่อเที่ยว (ราคานี้รวมค่าภาษีสนามบินแล้ว) พร้อมเปิดสำรองที่นั่งแล้วตั้งแต่วันนี้ – 21 กันยายน 2557 เพื่อเดินทางตั้งแต่ 6 พฤศจิกายน 2557 – 24 ตุลาคม 2558 พิเศษสุดสำหรับการจองในประเทศไทย สามารถสำรองที่นั่งโปรโมชั่นได้ทุกช่องทางการจำหน่าย ทั้ง www.airasia.com คอลเซ็นเตอร์ 02-515-9999เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สนามบิน ตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารแอร์เอเชีย และที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขา กวางโจว เป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตง เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภาคใต้ของจีน จนได้รับการขนานนามว่า ประตูด้านใต้ของประเทศจีน มีประวัติศาสตร์ ยาวนานกว่า 2,800 ปี เป็นจุดเริ่มของเส้นทางสายไหมทางทะเลในครั้งอดีตและยังเคยเป็นเมืองท่าเสรีแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดต้อนรับชาวตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขาย กวางโจวเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักชิมและนักชอป มีร้านอาหารและภัตตาคารมากมาย มีอาหารทุกชนิดให้ลิ้มลองทั้งของจีนและต่างประเทศ จนมีคำกล่าวว่า “ชาวกวางโจวกินทุกสิ่งที่มีปีกบนท้องฟ้าทั้งหมด ยกเว้นเครื่องบิน กินสิ่งที่มีขาทั้งหมด ยกเว้นเก้าอี้” ขณะเดียวกันกวางโจวยังเป็น “สวรรค์แห่งการซื้อของ” มีแหล่งชอปปิ้งมากมาย ตั้งแต่ถนนคนเดิน ห้างสรรพสินค้าขายส่งราคาประหยัด ไปจนถึงสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังระดับโลก ปัจจุบันแอร์เอเชีย เป็นสายการบินราคาประหยัดที่บินตรงสู่จีนมากที่สุด โดยมีบินตรงจากไทยสู่จีน 13เส้นทาง ใน 10 ปลายทาง ได้แก่ บินตรงจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่ มาเก๊า 4 เที่ยวบินต่อวัน ฮ่องกง 3 เที่ยวบินต่อวัน ฉงชิ่งและอู่ฮั่น 2 เที่ยวบินต่อวัน กวางโจว เซินเจิน ซีอาน คุนหมิง และฉางซา 1 เที่ยวบินต่อวัน บินตรงจากเชียงใหม่ สู่ มาเก๊า ฮ่องกง และหางโจว 1 เที่ยวบินต่อวัน และจากภูเก็ตสู่ฮ่องกง 1 เที่ยวบินต่อวัน และเส้นทางล่าสุด จากกระบี่สู่กวางโจว จะเริ่มให้บริการเที่ยวบินแรกในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557
ขอเชิญเที่ยวงานสุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOP ภาคเหนือตอนล่าง 1 สู่เมืองล้านนา จัดโดย (ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์)
ขอเชิญเที่ยวงานสุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOP ภาคเหนือตอนล่าง 1 สู่เมืองล้านนา จัดโดย (ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์) ภายในงานพบกับการออกร้านแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP/SMEs ที่มีชื่อเสียงหลากหลาย และในงานพบกับมินิคอนเสิรต์ อริส อาร์สยาม และโอ๊ต อาร์สยาม เพียง 5 วันเท่านั้น 18-22 กันยายน ศกนี้ ณ ลานรถม้า ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลำปาง
Emirates Touches Down in Chicago Airline commences flights to its ninth gateway in the U.S.
Emirates, a global connector of people, places and economies, has commenced a daily nonstop passenger service to Chicago’s O’Hare International Airport. Onboard the inaugural flight was a joint VIP delegation from the U.S. and Dubai as well as international media. The inaugural flight carried passengers from more than 20 different countries to Chicago, demonstrating just how Emirates connects people across the globe. “The Chicago route extends our passenger network to America’s third-largest city and complements our existing dedicated freighter service that operates to O’Hare,” said Adel Al Redha, Emirates Executive Vice President and Chief Operations Officer. “The launch of this route, will allow us to offer Emirates’ unique product and award-winning service to passengers flying to and from the Midwest to our home in Dubai or onwards to more than 140 global destinations including the Far East, Africa and India.” “Launching Chicago-Dubai nonstop passenger service is another important step in establishing Chicago as one of the top tourism destinations in the world and achieving our goal of hosting 55 million visitors by 2020,” said Chicago Mayor Rahm Emanuel. “Increased connectivity with Dubai will expose more international guests to the world-class hospitality, shopping districts, cultural attractions and architectural achievements that make Chicago one of the greatest cities in the world.” “Increasing access to other parts of the world creates opportunities for travellers and businesses,” Illinois Governor Pat Quinn said. “2013 was a record year for tourism in Illinois, and this new nonstop flight will build on the advances we have made. It will also help Illinois stay competitive in the global economy and give our businesses new opportunities to expand their markets and create jobs.” “Chicago has long been famous for Thai people due to its world class reputation for architecture, arts, music and business. It is a major US city and adding Chicago to our American destinations will strengthen our position in the US market and offer our Thai passengers more convenient travel options and improved connections to many key destinations across our global network, also passengers can connect to other US point through Chicago airport via our US carrier partners.” said Jabr Al-Azeeby, Emirates' Manager for Thailand & Indochina. A route for business and leisure The new service will operate as flight EK235, departing from Dubai International airport at 9:45 a.m. and arriving at O’Hare at 3:25 p.m. The return flight, EK236, will depart O’Hare at 8:35 p.m. and arrive in Dubai at 7:10 p.m. the next day. The route will be served by the U.S.-built Boeing 777-200LR aircraft powered by GE90 engines. In addition to passenger service, the Chicago-Dubai flight will carry up to 17 tons of cargo per flight and increase trade links between the two cities. Emirates began operating cargo service to Chicago in 2013. Currently, Emirates SkyCargo flies a twice-weekly, dedicated freight service out of O’Hare that carried nearly 12,000 tons of cargo last year. “This connection will deepen the ties between two of the world’s busiest airports in terms of commercial travel, with a combined traffic flow approximately 133 million passengers in 2013,” said Chicago Department of Aviation Commissioner Rosemarie S. Andolino. “We look forward to building on O’Hare’s successful relationship with Emirates and know that many international travelers will take advantage of this new route.” Emirates began passenger services to the U.S. in 2004 with services to New York. The airline has steadily added more U.S. routes over the past decade. Chicago is the ninth U.S. gateway to join the Emirates network, following the launch of the Boston service in March. In the past decade, Emirates has flown more than 9 million people to and from the U.S. and is the airline which carries the most amount of passengers between the U.S. and Middle East. To cater to that demand, Emirates is upsizing services on its Dallas, San Francisco and Houston routes to its iconic double-decker A380 aircraft in late 2014.Chicago is home to 2.7 million residents. The broader Chicago metropolitan area has the third-largest gross domestic product in the United States and is home to approximately 400 corporate headquarters including Fortune 500 companies such as McDonald’s Corp., Walgreen Co., Abbott Laboratories and Boeing Co. – the world’s largest aerospace company. Emirates is the largest operator of Boeing 777 aircraft in the world, with a fleet of 128 passenger aircraft and 11 freighters. The airline is a launch customer of Boeing’s new 777X. In November 2013, Emirates placed the largest single order in commercial aviation history for 150 777X aircraft valued at billion. Based on the U.S. Department of Commerce’s aerospace export multiplier, this order will support more than 400,000 jobs in the United States. Connecting cultural and commercial hubs In addition to being one of America’s most important economic engines, Chicago is famous for its cuisine, arts and entertainment, professional sports, neo-classical architecture and iconic tourist destinations that host more than 48 million visitors each year. From deep dish pizza and hot dogs with eclectic condiments to the city’s 25 Michelin Star restaurants, Chicago is one of America’s rising culinary capitals and will host the prestigious 2015 James Beard Awards. Chicago’s professional sports teams routinely rank at the top of all American franchises in terms of attendance and financial value. Chicago is the birthplace of urban blues and house music, and has produced homegrown stars such as Buddy Guy, Wilco, Chaka Khan, Eddie Vedder, Billy Corgan of the Smashing Pumpkins and the late Frankie Knuckles, godfather of Chicago’s house music. Chicago is also considered to be America’s urban architectural jewel. Its famous neoclassical architecture dates back to the city’s redesign following the Great Chicago Fire of 1871. Chicago’s Sears Tower – now called the Willis Tower – stood as the tallest building in the world for 25 years following its construction in 1973. Dubai’s Burj Khalifa currently holds the title at more than 160 stories (828m). Dubai is the largest financial hub in the Middle East and offers excellent convention and exhibition facilities, leisure attractions and shopping options. With more than 55,000 hotel rooms, Dubai is a top travel destination for work and pleasure. Emirates’ global hub in Terminal 3 Dubai International (DXB) provides passengers with seamless connectivity in state-of-the-art surroundings. The Chicago-Dubai flight will offer convenient connections to other destinations throughout the Middle East, Africa, India, the Far East and beyond. Whilst aboard the 14-hour, 40-minute flight, passengers can enjoy Emirates’ renowned service provided by a multilingual crew from more than 120 countries, gourmet on-board dining and inflight entertainment system – ice Digital Widescreen – with more than 1,800 channels of movies, TV programs, music and podcasts. Ice has just been voted the world’s best inflight entertainment system for the tenth year in a row by Skytrax, the world’s largest airline passenger satisfaction survey of more than 18 million passengers worldwide. The aircraft features a three-cabin configuration with eight private First Class suites, 42 Business Class lie-flat beds and 216 Economy Class seats. Tickets are now available for sale on www.emirates.com or through preferred travel agents.