วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

พาไปร้านพ่อค้าขายหมูปิ้ง ที่ชินจูกุ แหล่งกินดื่มของชาวเมืองโตเกียว

ใครๆ ที่ไปโตเกียว ก็คงจะไม่พลาดที่จะไปเที่ยวที่ย่าน ชินจูกุ ครั้งนี้ เป็นครั้งที่  3 ของฉันแล้วที่มาโตเกียว และก็นับไม่ถ้วนที่จะแวะมาหาอะไรกินแถวย่านชินจูกุ และทุกครั้งที่มาก็จะต้องมากินหมูปิ้งแถวนี้ทุกครั้ง ฉันไม่ได้ชอบกินเหล้า ไม่ได้ชอบดื่มเบียร์ แต่ถ้าจะลองกินดื่มอย่างคนญี่ปุ่นหลังเลิกงานดูซะบ้าง ก็อดไม่ได้ที่จะสั่งเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ มาลองร่ำสุรา และสนุกสนานกับการนั่งดูพ่อค้าปิ้งหมู และได้ความรู้สึกที่แตกต่างในการนั่งดื่มนั่งกิน เพราะการนั่งเบียดๆ ใกล้ชิดกับคนไม่รู้จัก ก็เป็นความแปลกใหม่ ที่นักเดินทางอย่างฉัน มีเหรอ จะไม่ลอง... กระทู้นี้ทำต่อจากกระทู้ ฟ้าสีเพลิง ณ กรุงโตเกียว http://pantip.com/topic/32612390 การเดินทางมาที่ชินจูกุ สถานีรถไฟที่นี่กว้างใหญ่ เดินกันเมื่อยแน่ หากไม่รู้ทิศทาง หรือเดินหลงถ้าไม่รู้จะออก Exit ไหน ในที่นี้ ฉันขอพุ่งตรงไปส่ง คุณๆ ออกไปหาของกินที่เกริ่นมาตั้งแต่ต้น ในที่นี้ ขอเล่าแค่ การเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ... ไม่ว่าคุณจะมาจากส่วนไหนของโตเกียว ก็ต้องหาทางที่จะต้องต่อรถไฟใต้ดินเพียง 3 ขบวนนี้ คือ สาย Marunouchi Line, Shinjuku Line, Oedo Line ส่วนฉัน เดินทางมาจากที่พักจาก Tokyo Sky Tree ขอแนะนำการเดินทางที่สะดวกและง่าย คือ นั่งรถไฟใต้ดินสาย Asakusa จากสถานี Oshiage (Skytree) คือ A20 เพื่อไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี A15 คือสาย Shinjuku S09 ไปยัง S01 สถานีชินจูกุ ตามแผนผังในรูปคือ นั่งจาก A20 --- A15/S09--- S01 แล้วออกทาง Exit B14 เห็นภาพนี้ ก็คือ ออกไป Exit B14 ผ่านห้างออกไปสู่ถนนได้เลยค่ะ ออกจากตึก แล้วเดินเลี้ยวขวา ให้มาถึงตรงนี้ค่ะ (ภาพที่เห็นสีเหลืองๆ คือร้านที่ขายตั๋วหลายๆ อย่าง ในราคาที่ถูกกว่าปกติ เช่น ตั๋ว Disney แต่มีหลายร่าน อาจลองถามๆ ดู เจอร้านไหนให้ราคาถูกกว่า ก็ซื้อร้านนั้นได้ แต่การที่เราจะซื้อตั๋ว Disney ก็ควรดูฟ้า ดูฝนก่อนจะดีกว่า เผื่อซื้อวันนี้ เพื่อไปพรุ่งนี้แล้วเจอฝนตก คงไม่สนุกแน่ สำหรับฉัน ในฤดูกาลนี้ ไปซื้อที่ Disney ตอนเช้าเลย หากตื่นมาแล้วพบว่า ฟ้าเป็นใจ) จริงๆ แล้ว ทางเข้าบริเวณปิ้งย่าง มี 2-3 ทาง แต่จะขอบอกทางนี้ละกันค่ะ เพราะถ่ายรูปมาแค่นี้ ก่อนจะมาสุดทางสามแยก ก็มองไปทางซ้ายก่อน เป็นตรอกเล็กๆ ข้างๆ ร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง จะเข้าตรงทางนั้นก็ได้ แต่ถ้าเลยมาถึงตรงภาพนี้ ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้ค่ะ เข้าได้เหมือนกัน กึ่งๆ ได้เรียกน้ำย่อยไปในตัว เพราะจะเดินผ่านร้านอาหารหลายๆ แบบ เป็นอาหารตาไปก่อน เดินเลี้ยวซ้ายมาแล้ว ก็จะผ่านร้านต่างๆ แบบนี้ อย่าพึ่งแวะค่ะ เพราะร้านเป้าหมาย ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไป ซึ่งก็เป็นตรอกเล็กๆ เดินทะลุหากันได้ เดินไปจะเห็นตรอก ซอกซอย เดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกค่ะ ร้านที่จะแนะนำ คือร้านนี้ค่ะ ร้านนี้คนจะเยอะ ถ้าไปช่วง 6 โมงเย็น ถึง 2 ทุ่ม อาจต้องรอคิว ซึ่งขณะที่รอคิวอยู่ ก็สังเกตและแอบได้ถ่ายรูปมาประมาณนี้ค่ะ ภายในร้านจะเหมือนลูกค้านั่งล้อมวงเป็นรูปตัว U พ่อค้าปิ้งหมูและอื่นๆ ก็จะอยู่ตรงกลาง ซึ่งก็จะมีผู้ช่วยผู้เสริฟ อีก 2-3 คน ส่งเครื่องดื่ม ทำผัดโซบะ ตักเนื้อเปื่อย ส่วนพ่อค้าปิ้งหมู จะมีคนเดียว เดี๋ยวลงภาพถัดไปค่ะ รูปด้านบน จะเป็นเมนูต่างๆ ที่จริงฉันอ่านไม่ออกหรอก แต่จะให้เห็นภาพคนนั่งด้านใน คือ อยู่ชิดๆ กัน อบอุ่นดีค่ะ เก้าอี้เบียดกันชิด คนกินเสร็จแล้ว ตอนจะลุกออกมา ก็จะค่อยๆ ขยับเก้าอี้ เพื่อให้คนต่อคิว ค่อยๆ เข้าไปตามจำนวนเก้าอี้ที่ว่าง ไม่ว่าจะอยู่ลึกเข้าไปด้านในเท่าไหร่ ทุกคนต่างรู้หน้าที่ว่าต้องขยับเข้าไปอีกนิด ชิดๆ ในเข้าไปอีกหน่อย ฮ่าๆ สำหรับฉัน ภาษาญี่ปุ่น ทั้งพูด อ่าน และ เขียน ไม่ได้สักคำ ก็อาศัย ดูจานคนอื่นแล้วสั่งค่ะ หรือไม่ก็ ดูที่พ่อค้าปิ้งอยู่ ว่ามีอะไร ก็จะชี้ตามนั้น หรือบางครั้ง ก็เจอคนญี่ปุ่นนั่งใกล้ๆ ที่พอพูดอังกฤษได้ เค้าก็จะช่วยสั่งให้ค่ะ พูดเลย คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ น่ารักค่ะ ชอบช่วยเหลือ Service Mind สูงมากค่ะ ตอนนี้ ฉันได้เข้าไปนั่งแล้ว ได้ที่ตรงหัวมุมโต๊ะ ที่เหมือนตัว U เค้าจะเอาผ้าเย็นมาให้ แล้วก็จะถามว่าจะดื่มอะไร ฉันก็เหมือนเดิม ชี้ๆ เอาตามลูกค้าที่อยู่ใกล้ๆ คือไม่ต้องคิดมาก ฉันถือว่า ไหนๆ จะลองกินเหมือนคนญี่ปุ่นกินดื่มแล้ว ฉันก็จัดไปค่ะ ตามธรรมเนียมก็จะต้องสั่งเครื่องดื่มก่อน เคยเข้าไปอีกร้านหนึ่ง ไม่อยากสั่งเครื่องดื่มต่างๆ จะสั่งแต่น้ำเปล่า เค้าไม่ให้ คราวนี้เลยคิดว่า ต้องสั่งเครื่องดื่มอะไรสักอย่าง ก็เลยสั่งตามคนข้างๆ คือมันง่ายดี ได้ลองดื่มอะไรที่ไม่เคยดื่ม อร่อยไม่อร่อย ค่อยว่ากัน ทำตัวง่ายๆ อร่อยก็สั่งเพิ่ม ไม่อร่อยก็ขอน้ำเปล่าได้ ลองสั่งหมูปิ้ง มากินดูก่อนสักไม้ เค้าก็ไม่ว่า ระหว่างรอ ฉันก็สังเกต อาหารจานต่างๆ และขอถ่ายรูปบ้าง เผื่อจะเอามารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกันค่ะ สั่งอะไรปิ้ง ก็จะเริ่มปิ้งกันสดๆ ตรงนั้นค่ะ แม้จะควันโขมง แต่ Hood ที่ดูดควันก็ทำงานได้ดีใช้ได้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเหม็นควันเลย มีแต่กลิ่นหอมๆ ของเนื้อสัตว์มาแตะจมูกตลอดเวลา ทำให้อยากลองชิมอันนั้นอันนี้ เช่น ใส้ย่าง ลิ้นย่าง และอื่นๆ อีก นอกจากเมนูหมูปิ้งแล้ว ยังมีพวก เนื้อหมูดิบๆ ปรุงรส ลิ้นดิบๆ หรือเนื้อหมูต้มเปื่อย กับหมูบดปรุงรสห่อต้นอะไรสักอย่างน่าจะเป็นข่าอ่อน ตามรูปค่ะ ฉันไม่ได้สั่งทุกอย่างที่ถ่ายรูปมานี่หรอกนะ แต่ขอเค้าถ่ายรูปค่ะ เผื่อใครอยากลองชิมอะไรแปลกๆ บ้าง เมนูนี้ เต้าหู้ปิ้ง ปรุงรสแล้วโรยด้วยต้นหอม อร่อยดี ส่วนเมนูนี้ ขอแนะนำค่ะ ยากิโซบะ ของร้านนี้หอมควันไฟ มีเนื้อหมูผัดมาพร้อมกับโรยแผ่นปลาแห้ง ที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กๆ อยู่บนเส้นบะหมี่ เนื่องจากโรยมาตอนผัดเสร็จใหม่ๆ เส้นยังร้อนๆ อยู่ ดูแล้วแปลกดี และมันก็อร่อยใช้ได้เลย ฉันกลับไปอีกรอบเพื่อจะกินเมนูจานนี้โดยเฉพาะ ป้ายไม้ด้านบน หลังพ่อค้าหมูปิ้ง เป็นป้ายเมนูต่างๆ ซึ่งจะถูกกลับด้าน แสดงว่า หมดแล้ว จริงๆ ป้ายเหล่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์กับฉันเนื่องจากอ่านไม่ออก แต่ก็อยากรู้ เลยถามๆ เค้ามาค่ะ ว่าไอ้ป้ายไม้พวกนั้นคืออะไร สามีภรรยา ชาวญี่ปุ่น นั่งข้างๆ ทำงานโรงแรม พูดอังกฤษได้ ก็เมตตาอธิบาย ให้ฉันฟังอย่างไม่รู้สึกรำคาญ กับคำถาม what why how ของฉันราวกับจะเอาไปทำวิทยานิพนธ์ด้านร้านกินดื่มยังไงยังงั้น สิ่งที่ฉันถามเขาอีกอย่างก็คือ คุณมากินอะไรแบบนี้บ่อยมั้ย เขาตอบว่า ก็ประมาณเดือนละครั้ง เวลาอยากออกมาหาอะไรดื่มกัน แล้วก็จะต่อด้วยการไปดูหนัง แม้เขาจะมีลูก 2 คน แต่ลูกๆ ก็โตพอที่จะดูแลตัวเอง หาอะไรกินเองอยู่ที่บ้านได้แล้ว ปล่อยให้พ่อแม่ ออกมาพักผ่อนตามประสา สามีภรรยาที่อยากออกมาหาความสำราญแบบไม่มีลูกๆ อยู่ด้วยบ้างเป็นบางโอกาส ระหว่างกินดื่ม ก็นั่งสังเกตว่า คนญี่ปุ่น จะนั่งคุยกันไป กินดื่มกันไปอย่างมีอรรถรสมาก และเมื่อกินดื่มเสร็จ ก็จะไม่นั่งโอ้เอ้ เพราะจะได้เปิดโอกาสให้ลูกค้าคนอื่นๆ ได้เข้ามานั่งบ้าง หรือบางทีถ้าพ่อค้าเห็นว่า จานอาหารหรือเครื่องดื่มตรงหน้าเราเริ่มหมดแล้ว เค้าจะถามว่า เอาอะไรอีกมั้ย เหมือนถามเป็นนัยๆ ว่า จะเช็คบิลละยัง ถ้าไม่สั่งอะไรแล้ว ซึ่งปกติคนไปกินอะไรในญี่ปุ่น ก็จะชินกับเหตุการณ์แบบนี้ กับร้านที่มีคนรอคิวเยอะๆ ทุกคนก็คงต้องมีมารยาท ถ้าอยากนั่งนานๆ ก็กินช้าๆ ค่อยๆ เคี้ยว ค่อยๆ ดื่ม ไปละกัน อิอิ ส่วนราคาแต่ละเมนู ก็จะเริ่มที่ 180, 310, 450 เยน เป็นต้น ในตรอกเล็กๆ แถวนั้น ใช่ว่าจะมีแต่หมูปิ้ง ฉันยังได้ค้นพบ ราเมนมังสวิรัตเทมปุระราคาถูกอีกด้วย ชามละ 350 เยนค่ะ นอกจากร้านที่แนะนำมาแล้ว ทั้งตรอกนี้ ก็จะมีของปิ้งเป็นไม้ๆ แบบนี้อีกหลายร้าน เดินผ่านก็แชะภาพมาให้ดูสักหน่อย ที่ทำให้อร่อยมากขึ้นก็เห็นจะเป็นพวกสีเขียวที่เสียบอยู่ระหว่างหมู เช่น ต้นกระเทียม หรือ พริกเขียวนั่นแหละค่ะ ฉันชิมอยู่ 2-3 ร้าน ก็พบว่าแต่ละร้านก็จะมีของเด่น หรืออาหารจานเด่นของเค้า รายการกินรอบต่อไป ยังคงจะต่อด้วย การไปกินเนื้อ มัตสึซาเกะ แถวชินจูกุอีก แม้จะไปคนละวันกับวันนี้ แต่ก็จะขอรีวิวก่อน เพราะสำหรับฉัน เรื่องหาของกินอร่อย มันเรื่องใหญ่ ฮ่าๆ แก้ไขข้อความเมื่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น