วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557
My 1st Trip in Rangoon #1: ย่างแรกที่ย่างกุ้ง
เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามทีมงานผลิตรายการโทรทัศน์ที่ผมทำงานอยู่
ไปถ่ายทำรายการที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
การไปทำงานครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางไปประเทศพม่าครั้งแรกในชีวิตผม
(เอาเข้าจริงชีวิตมันแทบไม่เคยออกนอกประเทศกะเขาหรอก)
จึงอยากแชร์ประสบการณ์ต่างๆ ที่ผมได้เรียนรู้จากการเดินทางครั้งนี้ครับ
เป็นการเขียนขึ้นมาจากความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะนักเดินทางมือสมัครเล่นที่ชั่วโมงบินยังต่ำติดดิน
หากผิดพลาดประการใดก็... หัวเราะเยาะตามสบายครับ (ฮา) ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มเดินทางกันเลยครับ#1: ย่างแรกที่ย่างกุ้ง
พอทราบว่าข่าวว่าทีมงานของเราจะไปถ่ายรายการที่ย่างกุ้ง ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวผมคือ
“ย่างกุ้งเหรอ เมืองนี้โดนสื่อนำเสนอจนปรุแล้ว มันจะเหลือประเด็นอะไรให้ถ่ายวะ”
ท่าจะคิดดังไปหน่อย หัวหน้าได้ยินเลยสั่งสอนผมว่า "ความคิดของเอ็งเป็นความคิดที่ตื้นเขินมาก
เพราะสถานที่เดียวกัน แต่ถ้ามองด้วยมุมมองต่างกัน ก็จะได้เนื้อหาที่ต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีกึ๋นพอที่จะมองมันออกหรือเปล่า"
ซึ่งตอนที่เขาพูด ผมยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ (สงสัยกึ๋นยังพัฒนาไม่พอ)
จนกระทั่งเท้าสัมผัสพื้นที่สนามบินย่างกุ้ง ถึงได้ประจักษ์แก่สายตาว่า
“นี่มันไม่เหมือนกันที่เราเคยเข้าใจเลยนี่หว่า”
ตลอดเส้นทางจากสนามบินเข้าตัวเมือง เราพบว่าที่นี่เจริญขึ้นผิดหูผิดตา
ถนนหนทาง สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมากครับ ทีมงานคนหนึ่งที่มากับเราด้วยบอกว่า
“นี่มันต่างจากที่ผมเคยมาครั้งล่าสุดไปเยอะเลยนะ”
“แล้วครั้งล่าสุดที่พี่มาคือเมื่อไหร่ครับ”
“ยี่สิบปีก่อน”
“…”
เอาเป็นว่าเปลี่ยนไปเยอะหลังจากเปิดประเทศแล้วกันเนาะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่เขากำลัง maintenance สิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ของเมืองอยู่
เราเลยได้เห็นเจดีย์หลายองค์อยู่ในสภาพซ่อมบำรุงแบบนี้
แม้แต่มหาเจดีย์ชเวดากองก็กำลังเข้าเฝือกอยู่เหมือนกัน
อีกสิ่งที่สังเกตได้คือ ถนนหนทางสะอาดมาก แทบไม่เจอขยะตกตามทางให้เห็นเป็นที่รำคาญตา
(แต่จะรำคาญตากับป้ายโฆษณาแทน นี่เป็นสิ่งที่มาพร้อมความเจริญ)
ทีแรกคิดว่าเมืองนี้มีความเข้มงวดเรื่องทิ้งขยะเหมือนสิงคโปร์
แต่พอเข้าไปในตัวเมืองเรื่อยๆ ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่
เขารักษาความสะอาดแค่ย่านอัพทาวน์เท่านั้นแหละ พอไปย่านดาวน์ทาวน์นี่ขยะตรึม[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ต้นไม้สูงใหญ่แบบนี้มีให้เห็นกันทั้งเมือง แต่ละต้นล้วนมีสุขภาพดี
แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ดูแล ณ จุดนี้บ้านเราเทียบไม่ได้เลยครับ
ไปที่ไหนก็เจอแต่ตึกแห้งแล้ง
อีกเรื่องที่ประทับใจคือ ย่างกุ้งเป็นอดีตเมืองหลวงที่มีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวเยอะมาก
เรียกว่าตึกครึ่งต้นไม้ค่อนเลยทีเดียว อยู่ที่นี่เราได้เห็นต้นไม้สูงเท่าตึกสามชั้นเป็นเรื่องปกติ
แสดงให้เห็นว่า คนที่นี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ตัดต้นไม้เด็ดขาด
แต่เลือกที่จะพัฒนาเมืองพร้อมกับการรักษาต้นไม้ ผลที่ได้คือเมืองที่ร่มรื่น ชื่นหูตา อากาศดี
ไม่จำเป็นต้องสร้างสวนสาธารณะแล้วบอกว่านี่เป็นปอดของเมืองนะ
ขอโทษครับที่นี่ทุกส่วนของเมืองทำหน้าที่แทนปอดได้หมด คลอโรฟิลด์เต็มเมืองล่ะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถึงจะมีต้นไม้เพียบ แต่แดดที่นี่ก็แรงสุดๆ พวกผู้หญิงเวลาออกมาข้างนอกก็ต้องซันบล็อกกันสุดฤทธิ์
ทั้งทาทะนาคา และใช้ร่มกันแดด สาวๆ ที่นี่ถือร่มคู่กับกระเป๋าถือทั้งเมืองครับ
ในกรณีที่มากับแฟนสองคน ถ้าแฟนคนนั้นเป็นสุภาพบุรุษเขาก็จะถือร่มให้สาวครับ น่ารักดี
มีคำแนะนำสำหรับนักเดินทางที่จะมาเยือนประเทศพม่าว่า “อย่าเชื่อคู่มือให้มันมากนัก”
เพราะทุกอย่างที่นี่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ข้อมูลที่คุณเห็นในไกด์บุค หรือเว็บไซต์ท่องเที่ยว
อาจไม่อัพเดทตรงตามความเป็นจริง โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าที่พัก ค่าโดยสาร
ค่าผ่านทาง ผ่านประตู สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด จึงควรใส่ใจเรื่องการจัดสรรงบประมาณท่องเที่ยวให้ดี
เผื่อเงินไว้บ้างเผื่อเรทราคาไม่เป็นอย่างที่คิด (ส่วนผมลอยตัว เพราะค่าใช้จ่ายบริษัทออกให้หมด )[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โฉมหน้าของคนขับรถ + ไกด์ของเราในทริปนี้ครับ
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องระวังคือ ในคู่มือและเว็บไซต์หลายแห่ง จะสร้างภาพให้ดีเกินจริง
โดยเฉพาะการจองตั๋วโรงแรมที่รูปโปรโมทโรงแรมอาจจะอาศัยมุมกล้อง การแต่งภาพ
ทำให้ภาพโรงแรมที่ไปพักดูดี น่าพักผ่อนหย่อนใจสุดๆ โรงแรมที่เราจองก็เหมือนกันครับ
พอลงจากรถเดินไปที่ล้อบบี้ เราก็เข้าใจเลยว่า... ‘ภาพนี้ตกแต่งเพื่อการโฆษณาเท่านั้น’ ไม่ได้ใช้กับโฆษณาอาหารอย่างเดียว...
สภาพโรงแรมนี่อย่างเถื่อน แถมสภาพภายนอกก็จอแจ ดูอะไรมันวุ่นวายตลอด
คนเดินพลุกพล่าน ได้ยินเสียงแตรรถดังทุกสามวินาที จอดรถก็ลำบาก
โชคร้ายที่มีปัญหาด้านระบบกับเว็บไซต์ที่ใช้จองโรงแรม ทำให้ข้อมูลการจองของเราโดนแคนเซิล
แต่พอมาคิดดูอีกที เราน่าจะโชคดีมากกว่า ที่ไม่ต้องนอนโรงแรมที่โทรมพอๆ กับตึกอายุร้อยปีในย่านดาวน์ทาวน์
โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงใกล้ๆ จะ High season ที่ยังนักท่องเที่ยวไม่มากนัก เราจึงสามารถหาโรงแรมใหม่ได้ไม่ยากเท่าไหร่
หาอยู่สองสามที่ในที่สุดก็เจอที่พักที่เราคิดว่าน่าจะโอเค...
พูดถึงการหาที่พัก โจทย์ที่พวกเรากำหนดไว้ในการเลือกที่พักทุกครั้งคือ เน้น ‘สะดวก’ มากกว่า ‘สบาย’
เพราะพวกเราไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ แต่เป็นทีมงานผลิตรายการโทรทัศน์ มาทำงาน ไม่ได้มาเที่ยว
การพักโรงแรมห้าดาวที่สุขสบายจึงเป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยเกินเหตุ ขอแค่มีที่นอน มีที่อาบน้ำ
สามารถผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการออกกองแต่ละวันได้ก็พอ
ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเดินทางสะดวก คนขับรถสามารถมารับเราและพาไปยังที่ต่างๆ
ตามแผนที่กำหนดได้อย่างง่ายดาย ไม่เสียเวลามากนัก เพราะพม่าช่วง Rush hour นี่รถติดมาก
ซึ่งโรงแรมที่เราเลือกพักก็ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้พอสมควร เฉพาะเรื่องสะดวกนะ แต่เรื่องสบายนี่ละไว้ฐานที่เข้าใจแล้วกัน
(อยากสบายก็ไปพักโรงแรมห้าดาวสิแก...)
หลังจากพักผ่อนกันพอสมควรแล้ว หลังมื้อเที่ยง เราก็เริ่มต้นการทำงานกันเลยครับ
จุดหมายแรกของเราวันนี้คือ ท่าเรือปันโซตัน ท่าเรือที่จะพาเราข้ามฟากมุ่งสู่เมืองดาลา
แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งในกระทู้หน้า วันพรุ่งนี้นะครับ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาดูนะครับ
เครดิตภาพและบทความจาก https://www.facebook.com/Companiontv
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น