วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

รีวิวเล็กๆแบบไม่มีภาพ กับ Jeju Air

รีวิวแบบไม่มีภาพ (เพราะลืมถ่าย) กับสายการบินโลว์คอสของเกาหลี Jeju Air ค่ะ ยิ้ม 1. ที่นั่งเป็นแบบ 3-3 กว้าง สบาย     เราเคยนั่งโลว์คอสมาหลายเจ้า Jin Air / Thai Airasia X / Airasia X และล่าสุดกับ Jeju Air ชอบที่นั่งของ Jeju มากที่สุด ด้านข้างก็กว้าง ด้านหน้าก็กว้าง เบาะหน้าไม่ได้เฉียดหัวเข่าเลย เราสูงไม่เกิน 160 ซม. นั่งไขว่ห้างได้สบายๆ ตอนนั่ง Thai X เหลือพื้นที่เข่านิดหน่อย แต่ด้านข้างคือพอดีตัวเป๊ะ (คราวก่อนได้นั่งข้างหนุ่มนักกล้าม 2 คน แน่นจนแทบพิงเบาะไม่ได้เลย) 2. เครื่องค่อนข้างเก่า     ตอนเครื่องขึ้น เสียงดังมากกกกกกกก ระหว่างทางก็ค่อนข้างดัง จนแอบลุ้นว่าจะถึงที่หมายโดยปลอดภัยรึเปล่า =_= แต่โดยรวมก็ปลอดภัยดี ช่องใส่เอกสารตรงเบาะนั่งมีสภาพผ่านการใช้งานมายาวนาน 3. ชั้นวางของเหนือศีรษะค่อนข้างเล็ก     ถ้าคุณคาดหวังว่าจะหิ้วของขึ้นเครื่องเยอะๆ หรือกระเป๋าไซส์ใหญ่หน่อย ระวังจะวางของด้านบนไม่ได้ ขนาดน่าจะพอๆกันกับ Thai X กระเป๋าเราเป็นแบบเป้สะพายหลังมีล้อลาก ของไม่ได้เต็มมากแต่ก็เกือบปิดไม่ได้ไปเหมือนกัน 4. ไม่มีอาหารบริการ มีน้ำดื่มเป็นแก้วให้ ตอนเค้าเดินแจกก็ขอได้ (ถ้าใครเคยได้รับอาหาร/ขนม แย้งได้นะคะ เราหลับๆตื่นๆ แต่ไม่มีทั้งขาไป-กลับ) 5. ห้ามพกน้ำดื่มทุกชนิดขึ้นเครื่อง (ไม่แน่ใจเรื่องขนม/อาหาร)     อันนี้เจอจากอินชอน-กรุงเทพ เค้าจะมีแอร์มาเดินตรวจตอนเราเข้าแถวขึ้นเครื่อง (แต่ไม่ถึงกับค้นกระเป๋านะคะ) ถ้าเจอหิ้ว/ถือขวดน้ำจะให้ทิ้งสถานเดียวค่ะ เราซื้อแบบขวดกลมๆขวดใหญ่มา กะว่าจะเอาขวดมาใช้ที่ไทย โดนสั่งให้ทิ้ง จะไปเทน้ำก็วิ่งไม่ทันแล้ว เลยจำใจทิ้งขวดไปอย่างเสียดายเงิน 30 บาท แต่ขาไปจากไทยไม่เจอตรวจขวดน้ำนะคะ ตอนนั้นมีของต่างชาติสองคน ซื้อน้ำผลไม้กับพวกช็อคโกแลต เค้าก็ยึดไปหมด สักพักคืนช็อคโกแลตมาให้แท่งนึง คนนั้นก็แบบ.. อืม ช็อคโกแลตก็ยังดีวะ 6. ต้องเช็ควันเดินทางให้ดีๆ     เนื่องจากไฟลท์แรกคือ 00.50 น. (ประมาณนี้ จำเวลาเป๊ะๆไม่ได้) ซึ่งนับเป็นวันใหม่แล้ว สมมติถ้าคุณจอง 00.50 น. ของวันที่ 26 ก.ย. คุณจะไปถึงช่วงเช้าของวันที่ 26 ก.ย. โดยออกเดินทางช่วงดึก (เลยเที่ยงคืน) ของวันที่ 25 ก.ย. (งงมั้ยคะ) ตรงนี้เราพลาดมาแล้วเพราะลืมเรื่องเวลาไป จ่ายค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนตั๋วไป 2250 บาท/เที่ยว  สบายแฮ! 7. พอจะเลื่อนตั๋วก็ต้องระวัง!     สำนักงานที่ไทยจะทำงานถึง 17.00 น. (และ 20.00 น. KST สำหรับที่เกาหลี) ตอนเราจองตั๋ว เราจองผ่านเว็บเอง จึงเข้าไปแก้ไขวันเดินทางเอง ทุกอย่างราบรื่นหมด ตัดเงินค่าเลื่อนไปเรียบร้อย แต่ในระบบยังแจ้งวันเวลาเดิมอยู่ e-ticket ใบใหม่ก็ไม่ส่งมาให้ มีแต่เมล์บอกว่า "ตัดเงินเรียบร้อยแล้ว" โอเค ซึ้ง!! วิ่งแป๊บ!!  โทรเข้าบริษัท ปิดทำการแล้ว ให้โทรไปที่สนามบิน ... โอ้โห คุณคะ เกือบ 60 สาย ไม่มีคนรับค่ะ  (โทรตั้งแต่ห้าโมงกว่าจนสามสี่ทุ่ม) ให้เพื่อนที่เกาหลีติดต่อสำนักงานเกาหลี ก็ปิด 18.00 น. (เวลาไทย) สรุปคือติดต่อใครไม่ได้เลย     รุ่งเช้า รีบโทรหาบริษัทที่ไทย เจ้าหน้าที่แจ้งว่า "ผู้โดยสาร no show นะคะ ไม่มีบุ๊คกิ้งแล้วค่ะ" ..... "ถ้าผู้โดยสารทำรายการผ่านอินเตอร์เน็ต ต้องติดต่อสำนักงานเกาหลีอย่างเดียวค่ะ สำนักงานไทยเข้าไปดูรายละเอียดไม่ได้" ..... นึกสภาพตัวเองพูดอังกฤษได้งูๆปลาๆ พูดเกาหลีไม่ได้เลย จะให้โทรไปยอโบเซโยอะไรกับใคร  เข้าไปเช็คตั๋วในเที่ยวบินที่เราจะไปก็ sold out เรียบร้อย  สุดท้ายให้เพื่อนที่เกาหลีโทรไปถามสำนักงานเกาหลีให้ เค้าบอกว่าขอเวลาตรวจสอบ หายไปเกือบ 2 ชม. เพื่อนส่งข้อความมาบอกว่า "เค้าบอกว่าระบบผิดพลาด จะส่ง e-ticket ใบใหม่ให้ภายใน 30 นาที"       สรุปคือ ถ้าคุณพลาดจากการเช็คเวลาในข้อ 6 สิ่งเดียวที่ต้องทำ คือ รีบติดต่อสำนักงานไทยในเวลาทำการ คือไม่เกิน 17.00 น. เท่านั้น ถ้าคุณทำรายการอะไรด้วยตนเองแล้วระบบขัดข้อง ถ้าคุณไม่มีคนรู้จักอยู่ที่เกาหลี อาจจะต้องมีการโทรข้ามประเทศกันเกิดขึ้น เพราะสำนักงานไทยจะช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย ทุกคำถามจะได้รับคำตอบว่า "ให้ติดต่อสำนักงานเกาหลีค่ะ" 8. จองตั๋วแยกถูกกว่าตั๋วไป-กลับ     เราจองตั๋วแยก ได้ราคารวมแล้ว (ไม่รวมค่าเลื่อน) ประมาณ 11,800 บาท ในขณะที่ไฟลท์เดียวกันแต่เป็นแบบไป-กลับ ค่าตั๋วประมาณ 12,500 บาท (จำตัวเลขทั้งสองราคาไม่ได้เป๊ะๆ แต่ประมาณนี้ค่ะ) ต่างกันประมาณ 700-800 บาท  สำหรับเราถือว่าเยอะ เงินจำนวนนี้เราเอาไปโปะค่าที่พักได้เลย (2 คืน = 750 บาท)  อีกอย่าง  เราอ่านเจอในเว็บบอกว่า ถ้าซื้อตั๋วไป-กลับ แล้วขาไปผู้โดยสารเป็น no show เค้าจะยกเลิกขากลับของเราด้วย โชคดีที่เราจองแยกไป ไม่งั้นได้วุ่นวายทั้งขาไป-ขากลับ 9. พนักงานทั้งภาคพื้นและบนเครื่อง บริการดี ยิ้มแย้ม     เราเจอผู้โดยสารเกาหลีสลับที่นั่ง (ของเราเป็นริมหน้าต่าง)  ก็เรียกพนักงานมาคุยให้  ตอนแรกเค้านึกว่าเรายกกระเป๋าไม่ไหว เลยถามว่าจะให้ช่วยยกกระเป๋าเหรอ  เราก็โนๆ  เราโดนสลับที่นั่ง  ก็เอาบอร์ดดิ้งพาสให้เค้าดู  บอกเค้าว่าช่วยเจรจาให้หน่อย เราไม่อยากนั่งริมทางเดิน เค้าก็ช่วยคุยให้  คุยเสร็จก็มาอำนวยความสะดวกต่อเพราะคนอื่นๆติดกันยาวเลย  พอเคลียร์คนเสร็จก็มาช่วยยกกระเป๋าวางด้านบนให้  เสียดายเราได้แต่ Thank you ไปคำเดียว มัวแต่อารมณ์เสียเพราะโดนยึดน้ำไปแล้ว ยังมาเจอสลับที่นั่งอีก หงุดหงิดเลย 10. การนั่งไฟลท์ที่ 2 (จะถึงเกาหลีประมาณ 09.00 น.) เป็นอะไรที่ทรมานมาก      อากาศร้อนมากค่ะ!! เคยเจอ Jin Air ที่แอร์ไม่ค่อยเย็นมาแล้ว มาเจอ Jeju Air ชนะเลิศค่ะ =_= คืออากาศข้างนอกมันร้อนมากๆอยู่แล้วเพราะบินอยู่ตอน 9 โมง แอร์ข้างในดันไม่เย็นอีก ถามว่าร้อนขนาดไหน เราเอาผ้าเช็ดหน้าหมาดๆอิงไว้ตรงริมหน้าต่าง ผ้าเกือบแห้งเลยค่ะ T^T ร้อนมากจริงๆ โดยรวม เราค่อนข้างพอใจ คุณภาพเหมาะสมกับราคา (11,800 บาท น้ำหนักสัมภาระ 15 กก. ขึ้นเครื่องได้อีก 7 กก. ไม่มีอาหารบริการ)  ติดอยู่อย่างเดียวคือเรื่องน้ำดื่ม บนเครื่องขายแต่พวกชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ไม่มีน้ำเปล่าขาย แต่ก็ห้ามเอาน้ำเปล่าขึ้นไป =_= จบการรีวิว(หรือบ่น?)แล้วค่า ^^ ใครมีคำถามสอบถามได้น้า ถ้าตอบได้จะได้แบ่งปันข้อมูลกันค่ะ ^^ ชื่อสินค้า:   JEJU air korean cheap flight คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น