วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ไปเกาหลี อะไรที่ห้ามพลาด !

จขกท จะเดินทางไปเกาหลีช่วงหน้าหนาวเดือนมกราคม58 เป็นครั้งแรก
สอบถามแฟนๆเกาหลี หรือคนที่เคยไปเกาหลี มีอะไรที่ห้ามพลาด หรือต้องซื้อ ควรซื้อบ้างคะ ไปทั้งทีไม่อยากพลาด
ปล. ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป จขกท อยากได้เป็นลิสๆเลยอ่าค่า 55+

เครื่องสำอาง -  ตัวไหน ยี่ห้อไหนดี (สนใจแป้งพัฟ และลิปเป็นพิเศษ)
ของที่ระลึก -
ของใช้ -
อาหาร -
ขนม -
ฯลฯ

ชอบคุณล่วงหน้าค่ะ
นานาขอบคุณ

ข้อคิดที่ได้จากการเดินทาง

ผมได้ไปเจอกระทู้จากเวป Quora ที่มีคนถามว่า ตัวเค้าอยากจะออกเดินทางเพราะชีวิตช่วงนี้ไม่ค่อยดีและมีคนบอกว่าการเดินทางมันจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่เค้าก็ไม่กล้าลาออกจากงานเพื่อออกไปเที่ยวเพราะกลัวว่าจะไม่มีเงินใช้ เลยตั้งกระทู้ถามว่าจะเป็นอย่างไรถ้าออกจากงานไปท่องเที่ยว

มีคำตอบนึง ตอบได้ประทับใจมาก เป็นคำตอบของชาวอินเดียชื่อ Sunil Abhilash อ่านแล้วประทับใจเลยอยากแปลมาให้อ่านกัน แต่ก็ยาวหน่อยนะ (จะพยายามแปลให้ดีที่สุด)


ปัญหาเริ่มเมื่อคุณมองว่าการท่องเที่ยวคือความสนุกสานและการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา คุณควรจะมองว่ามันเป็นการลงทุนในชีวิต เชื่อเถอะ มันมีคุณค่ามากกว่าปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัยดังๆ อีกนะ ผมได้ลองทำมาแล้วและได้ให้ประสบการณ์ที่มีค่ามาก

ปัญหาใหญ่ที่คุณเจอคือ คุณจะได้เจออะไรที่คุ้มค่ากับการเดินทางอันยาวนานไหม? และในช่วงสิ้นวัน คุณก็พบว่าคุณได้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ, ได้ฟังเรื่องราวต่างๆ และได้เพื่อนใหม่ แต่มันคุ้มกับเวลาและเงินที่เสียไปหรือเปล่า?

การเดินทางให้คุณอย่างนึง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น การเดินทางให้มุมมองแก่คุณ มุมมองเกี่ยวกับชีวิต เป็นมือที่จะคอยนำทางคุณไปตลอดชีวิต

ก่อนที่ผมจะออกเดินทาง backpack อันยาวนาน ผมก็มีงานที่ดี มีครอบครัวที่มีความสุข และมีเพื่อนมากมาย ผมไม่มีอะไรที่ต้องบ่นเลย อย่างไรก็ตาม ผมมาตระหนักภายหลังว่าผมไม่มีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตเลย แล้วแง่มุมอะไรที่ผมได้จากการเดินทาง?

ครอบครัว: ผมออกเดินทาง backpack เป็นเวลา 5 เดือน อย่างน้อยทุกๆ เดือน ผมจะต้องนึกถึงบ้าน การรักษาคือหาอาหารอินเดียกินที่ร้านอาหารอินเดียและโทร video call หาครอบครัว ผมได้รู้ถึงความสำคัญของครอบครัวของผมและรากเหง้าของผมมากกว่าเดิม ผมรักมันมากกว่าเดิม

ความสัมพันธ์: เวลาที่คุณอยู่ห่างจากคนรอบๆ ตัวคุณจะทำให้คุณได้คิดถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ที่คุณมีในชีวิตของคุณ คุณจะเห็นว่าความสัมพันธ์แบบไหนจะทำให้คุณเติบโตขึ้นและความสัมพันธ์ไหนที่ไม่ช่วยให้คุณเติบโตขึ้นเลย

งาน: ผมมีชีวิตที่รีบเร่งก่อนที่จะลาออกจากงาน ผมทำงานที่ต้องรีบเร่งอยู่เสมอ 5 เดือนหลังจากเดินทางทำให้ผมมีคำถามกับตัวเองว่า "ผมมีความสุขอะไรกับสิ่งที่ทำไปทั้งหมด?" แม้ว่าผมจะไม่มีอะไรบ่นเกี่ยวกับงานของผมแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกระปี้กระเปร่าในตอนเช้า การขายไพ่เพื่อการดำรงชีวิตมันก็ทำให้มีความสุขแค่ในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากการเดินทาง ผมรู้ทิศทางที่ผมจะต้องไป แม้ว่าผมจะไม่รู้เลยว่าปลายทางมันจะเป็นอย่างไร ผมเห็นภาพลวงตาของความสะดวกสบายที่ผมเคยอยู่มาก่อน ผมกลับไปและเปิดธุรกิจ goMowgli Hop on Hop off Tour Bus เป็นธุรกิจบริการรถบัสให้แก่นักท่องเที่ยว backpack เจ้าแรกในอินเดีย (อันนี้เวบไซต์ของเค้า http://www.gomowgli.in/)

ปัญหาชีวิต: 95% ของผู้คนในช่วงอายุ 25-40 ปีที่ออกเดินทางท่องเที่ยว ได้เจอปัญหาบางอย่างในชีวิต(ในด้านครอบครัว, ความสัมพันธ์และงาน) การเดินทางช่วยให้คุณตระหนักว่าผู้คนรอบๆ ตัวคุณก็มีปัญหาเหมือนกัน คุณเรียนรู้ที่จะยอมรับว่าปัญหาเป็นส่วนนึงของชีวิต และส่วนดีก็คือคุณเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน

อคติ: การเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางในอินเดียทำให้คุณมีความคิดที่เป็นอคติมากมาย ในช่วงระหว่าง 4 เดือน ผมเล่นไพ่ตอนเย็นกับคู่รักชาวเกย์, แชร์ห้องร่วมกับคนหลายๆ เชื้อชาติและหลายศาสนา, ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกับคู่รักที่ผู้หญิงมีอายุเกือบเป็นสองเท่าของผู้ชาย, ได้ปีนเขาที่สวยที่สุดในโลกร่วมกับแกงค์ผู้หญิงอายุ 70+, พูดคุยเกี่ยวกับการเมืองโลกกับชาวเยอรมันอายุ 18 ปี และได้อธิบายถึงวิธีการเล่นคริกเก็ตนับจำนวนไม่ถ้วนให้แก่ชาวยุโรป ท้ายสุดผมได้พูดคุยกับผู้คนอย่างน้อย 40 ประเทศกันอย่างยาวนาน ไม่มีอะไรจะพูด ตอนนี้อคติผมหายไปแล้ว

ผู้คน: คุณสามารถไปเที่ยวที่ที่สวยที่สุดในโลกได้และคุณอาจจะลืมมันไปในอีกไม่กี่ปี แต่สิ่งที่คุณจะไม่มีวันลืมเลยคือผู้คนที่คุณเจอระหว่างทางและความสัมพันธ์ที่โยงคุณไว้ การเดินทางทำให้คุณตระหนักว่าพวกเราเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเชื้อชาติอะไร ผิวสีอะไร พูดภาษาอะไร หรืออยู่ประเทศอะไร มันสอนคุณว่าผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณสวยงามแค่ไหนและมันจะสะท้อนออกมาในการกระทำของคุณจากแง่มุมนี้ในชีวิตของคุณ

บทเรียนจาก Zen: การเรียนรู้เกี่ยวกับ Zenและศาสนาอื่นๆ ในทางตะวันออกคือการเดินทาง หลักคำสอนหลายๆ ข้อเจอได้จากข้างทาง เช่น

    1. คุณเรียนรู้ที่จะถ่อมตัว คุณตระหนักว่าคุณเป็นแค่จุดของคาร์บอนและน้ำที่เล็กและมีชีวิตที่สั้นนักในโลกอันกว้างใหญ่
    2. คุณเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในปัจจุบันและไม่ยึดติดกับอดีตหรือกังวลเกี่ยวกับอนาคต
    3. คุณเรียนรู้ศิลปะในการเดินเล่นและดอมดมดอกกุหลาบ คุณค่อยๆ เรียนรู้ที่จะอยู่ห่างจากชีวิตที่รีบเร่งที่คุณเคยชินกับมัน
    4. คุณเรียนรู้ที่จะขอบคุณ ครอบครัว, เพื่อนๆ, อดีตของคุณ, รากเหง้าของคุณ, ทุกๆ สิ่ง
    5. คุณเริ่มที่จะเข้าใจและยอมรับในตัวคุณ

อย่างไรก็ตามคุณต้องมีความคิดที่เปิดกว้างแต่สงสัยอยู่เสมอและดวงใจที่มุ่งมั่นเมื่อคุณเดินทาง ถอนสมอแล้วออกเดินทางเถอะเพื่อน ยิ้ม

http://www.quora.com/What-is-it-like-to-just-quit-your-job-get-a-backpack-and-travel-the-world/answer/Sunil-Abhilash?srid=tDwI&share=1

ท้ายนี้ผมขอยืมประโยคของรายการหนังพาไปมาปิดท้าย "จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม"

เที่ยวโตเกียว ตาม Tokyo Metro & Toei Subway Pass

หาข้อมูลในห้องนี้ตลอดการไปท่องเที่ยว จึงต้องตอบแทนสิ่งที่ได้ไป

ไปเที่ยวญี่ปุ่น มาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2547
โดยไปลงเครื่องที่ นาโกย่า - โอซาก้า - โตเกียว

แต่จะรีวิว เฉพาะส่วนการเดินทางท่องเที่ยว ตลอด 5 วันที่อยู่ที่โตเกียว 29 -30-31 ตุลาคม  1-2 พฤศจิกายน
โดยสิ่งที่ใช้ มี สองอย่าง คือ
ใบแผ่น Tokyo Metro Guide และ Tokyo Metro & Toei Subway Pass


ที่หาได้ ตามที่พักหรือ โหลดจาก เวบไซร์ของ Tokyo Metro ได้เลย ดังลิ้งด้านล่าง

http://www.tokyometro.jp/en/ride/guide/pdf/tokyo_metro_guide.pdf

โดยจะมีแผ่นที่จะแสดงการเดินทางต่างๆ ในโตเกียว และสถานที่ท่องเที่ยว ตามรถ  Metro




ขอโทษภาพประกอบแย่มาก แต่ขอให้เป็นแค่ไกด์ ใช้การใช้แค่นั้น

และสิ่งที่สำคัญในการเที่ยวในครั้งนี้


ข้อมูลของ pass นี้ ตามลิ้ง

http://www.tokyometro.jp/en/ticket/value/travel/index.html

โดยซื้อที่ สนามบินนาริตะ โดย 3 วัน จะ 1500 เยน และ 2 วัน 1200 เยน
(เพราะ pass นี้ทำให้ต้องบินจาก โอซาก้า มา โตเกียว เพื่อจะได้ซื้อ pass นี้ที่สนามบิน จริงๆ มีจำหน่ายตามเอเจ่น แต่ก็หมดปัญญาในการหา จริง อยากนั่ง ไนท์บัส มาจะได้ประหยัดค่าโรงแรมไป 1 คืน) ชื่อสินค้า:   Tokyo Metro & Toei Subway Pass คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แบคแพค โตเกียว 5 วัน ด้วยตัวเอง


เราไปเดือนตุลาคมที่ผ่านมานะ ขอมาย้อนท้าวความหน่อยละกัน
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเราพอจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เรื่องการเดินทางไม่มีปัญหามาก ใครที่ไม่ได้ภาษาไม่ต้องกังวลค่ะ ภาษาอังกฤษ ภาษาใบ้ไป เค้าเข้าใจ
วันแรกเดินทางคนเดียวไปจีนก่อน ทรานซิทที่นั่นออกเดินทาง  ถึงสุวรรณภูมิ 12.00 ก็ไปแลกเงิน
เรทตอนนั้น 3.0 แลกมาได้ 7 หมื่นกว่าเยน เสร็จรอเช็คอิน 16.50 น. นานค่อด

ถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้ตอน 21.00 น. ประมาณ 2 ทุ่มบ้านเรา เวลาที่จีนเร็วกว่า 1 ชม. นอนที่นั่น 1 คืนค่ะ เช้ามาลุยต่อ
16 ต.ค 57 ถึงญี่ปุ่นแร้ว หลงกันอารมณ์เสียนิดๆ ด้วยความที่เดินทางคนเดียวมาตั้งแต่แรก ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด เหนื่อยและเพลียมาก ที่จีนนอนไม่หลับเลย สรุปเป็นซอมบี้ ถึงญี่ปุ่น 12.55
ถึงนาริตะ เทอมินอล 2 หลงกะเพื่อนอยู่เทอมินอล1 กกว่าจะเจอกัน เราเดินถามประชาสัมพันธ์ญี่ปุ่นตลอด ว่าเช็คไฟท์ที่หลงให้ได้มั้ย ปรากฏลงคนละเทอมินอล เค้าก็เดินๆพามาชี้รถบัสจุดขึ้นไปเทอมินอล 1 คือมาส่งอะ น่ารักมาก คือ..เค้าเป็นมิตรมากช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่ชี้ๆๆว่าไปตรงโน้นเหมือนตอนอยู่จีน  บอกนั่งบัสอีก 10 นาทีนะคะ ตอนนั้น เหนื่อยล้า แถมหลงกันได้ออกจากสนามบินราวๆ บ่าย 3 ค่ำแล้ว อากาศตอนนั้น เย็นๆ สนามบินญี่ปุ่นบริการดีมากกกกที่สุดพอกับที่ไทย ให้การช่วยเหลือแทบจะจูงมือพาไป...



การเดินทางที่สะดวกทำไง?
เสร็จแล้วก็รีบไปจัดการชื้อตั๋วเพื่อเข้าโตเกียว ที่ JR EAST Travel Service Center จำราคาไม่ได้ น่าจะเกือบ 2 พันเยน ต่อคน มันเป็นทางเลือกเดียวตอนนั้นเพราะกลัวไม่ทันเวลาไปเที่ยวตามแพลน และที่สะดวกมากเห็นจะเป็น การ์ด SUICAเรามีอยู่แบ้วเลยให้เพื่อนทำใหม่ เสียประมาณ 500เยน จากนั้นก็ไปเติมเงิน ซึ่งขั้นตอนไม่ยุ่งยากอะไร
ข้อดีของการ์ด Suica
1. ที่ญี่ปุ่นเดินทางสะดวกสุดคือรถไฟ จำเป็นมีการ์ดนี้ เพียงแค่แตะไปที่แสงสีม่วง "ติ๊ดด" ประตูน้อยๆจะเปิดออกเดินผ่านได้แต่ถ้ามันสะดุด ร้องขึ้นมาเป็นสีแดงให้รีบเอาไปให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดเช็คเพราะบางคน"ตี๊ด" เพลิน แบบเราตังหมดจ้าาาา 5555 ก็เติมใหม่

2.เวลาขึ้นรถบัส ไม่ต้องจ่ายด้วยเงินก็ได้ แค่ "ติ๊ด" ก็ขึ้นไปนั่งสวยๆได้ แต่ถ้าตังค์ในการ์ดหมดสามารถจ่ายเงินสดได้ค่ะ

3. เวลาซื้อของตามที่ต่างๆ เช่นแฟมิรี่มาร์ท ที่ญี่ปุ่นจะเยอะมาก ก็เอาsuica ไป "ตี๊ด" สะดวกเกิ้น แต่จะเพลินจนไม่รู้ว่าตังค์หมด  หรือตามร้านค้าต่างๆ เช่นร้าน เครื่องสำอางค์ ที่นั่นเยอะเป็นดอกเห็ด มครไปโตเกียว กระเป๋าแฟ่บมิรู้ตัว suica การ์ดใช้จ่ายได้เฉพาะร้านที่รับรองการ์ดนี้


*ภาพบางส่วนจากอินเตอร์เนตค่ะ

ถึงโรงแรมเก็บกระเป๋า
เช็คอินเข้าพักที่ AGORA PLACE ASAKUSA
เพิ่มเติม http://agoraplace-asakusa.com/index.html
โรงแรมหรูแต่แคบตามค่าครองชีพนั่นแล..ชักโครกน่ารักสบายตูด5555 โรงแรมอยู่ย่านอะสะคุสะสามารถเดินเท้าไปวัดอะสะคุสะ และละแวกนั้นได้ ใกล้ Tokyo sky tree เดี๋ยวจะเล่าการเดินทางไปให้ฟังภาพต่อไปจ้า
ค่าที่พักแล้วแต่วันตามนี้นะ
วันที่16 : 4,450¥ พ.        วันที่ 17: 4,450¥ พฤ.       วันที่ 18: 6,000¥ ศ.       วันที่ 19: 3,950¥ ส.      วันที่ 20: 3,950¥ อ.

แปลกที่ ส.,อ. ทำไมถูกกว่าวันธรรมดา???

*ภาพบางส่วนจากอินเตอร์เนตค่ะ

16.10.57
ถึงวัดอะสะคุสะแว้ว ด้านหน้าก็แชะ!! ใครก็ต้องมาป่ะ แต่คนเยอะวุ่นมาก เดินเท้าจากโรงแรมมา ประมาณ 15-20 นาที ด้านหน้ายังไม่เท่าไหร่ด้านในเพลินกว่า ด้านในเข้าไปอีกยิ่งศักดิ์สิทธิ์


เซียมซีๆ เป็นระเบียบสวยงามม


ที่บอกว่าเพลินคือ มันมีของขายตลอดทางเดินเข้าศาลเจ้า ของราคาพอดีไม่ถูกไม่แพงมากราคาท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นของกินพื้นเมือง ของกินมีชื่อ และพวกเครื่องรางต่างๆ


มองจากวัดอะสะคุสะ เห็น tokyo Sky Tree สวยมากกกกกกก อดใจไม่ไหว แม้จะง่วง ก็ต้องไป การเดินทาง สามารถเดินเท้าได้ ใช้เวลาอาจจะ 30 นาทีโดยประมาณ เราไม่แนะนำ  ปวดติงค่ะตอนนั้นหาบัสไม่ได้ค่ำแระ ขี้เกียจรอ เลยนั่งแทกซี่ไป ขึ้นชื่อว่าแทกซี่ญี่ปุ่นแพงโหด จากจุดที่ขึ้นแทกซี่ไปไม่ไกลนะแต่รถติดเบาๆนิดๆ ใช้เวลา 10-15 นาที ฟาดไป เกือบ1,000 ¥


มาถึงแล้ว จากจุดนี้ที่มองขึ้นไป สูงและสวยมาก ของจริง ไม่ต้องบรรยายเลย สวยเหลือเกินค่าไฟแพงมั้ยนะ555เสร็จก็เข้าไปด้านใน อารมณ์เหมือนหอศิล ผสม โรงหนัง แต่หรู มาก


อยากขึ้นไปข้างบน เรื่องมันมีอยู่ว่า มิได้เช็คค่าตั๋ว ก็ฟาดไปคนละ 2,060¥ แพงพอสมควร จุดเค้าท์เตอร์จะมีโปรชัวร์ให้เลือกเค้าจะถามว่าคุณต้องการการแนะนำเป็นภาษาอะไร มีจีน อังกฤษ ญี่ปุ่น อ่าว...ไม่มีไทย แป่ววว


ขึ้นมาแล้ว จากจุดสูงสุด จะบอกตอนขึ้น นึกว่าจรวด พุ่งปรี้ดดด ลิฟต์อ่ะ ที่รู้ เพราะในลิฟต์จะมีจอบอกความสูงและความเร็ว คือ...มองตัวเลขไม่ทันมันไวมาก ไม่ถึง1 นาทีจากดินสู่ฟ้า ประมาณนั้นเลย สุโค่ย!!! และความคุ้มค่าคือ เดินรอบเป็นวงกล้มด้านบน จะเห็นเมืองทั้งเมือง อลังการงานสร้าง หวาดเสียวมากของจริง เห็นโตเกียวทาวเวอร์เค้ามั้ยนั่นไงๆ!!!  แนะนำ: ให้ไปกับแฟนนะ ได้อารมณ์โรแมนติกเบาๆ ฟินขนาด ดูวิวยามค่ำคืน



เช้ามาลุยต่อวันนี้แพลนหลักๆคือ Ueno ก็เดินไปขึ้นรถไฟ เอาจริงๆเริ่มไม่ดูแผนที่ละให้คนที่มาด้วยดูแทน  หน้าที่เราคือ ช้อปค่าจำชื่อย่านไม่ได้มันละแวกที่พักเดินไปเรื่อย


เช้าๆ ยังไม่มีคน ชิวมากอากาศเย็นสบายย


มาถึงสวนสาธารณ ที่ใหญ่สุดๆนั่นคือ Ueno สตาบัคเยอะมากมองไปทางไหนมีแต่ตาบัค ถูกด้วยที่ญี่ปุ่น ชอบอุเอะโนะมากตั้งใจมาดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่....อากาศมันไม่ใช่น่ะสิ พลาดไปนิด เลยเห็นเขียวๆไปก่อน เอิ้กๆ


แว๊บมาศาลเจ้า ญี่ปุ่นศาลเจ้าอลังมาก มีเยอะ เค้าห้ามถ่ายรูป5555  แอบๆ


เป็นขั้นเป็นตอนก็ทำไป แต่ใจอธิฐานตลอด


เพลินเกินห้ามใจเวลาเหลือเยอะ มานี่เร้ยยย ช้อปกระจาย ของถูกมากกก


เย็นย่ำค่ำแล้ว ไม่มีแพลน เหลือเวลา ดันบอกเราไปโตเกียวทาวเวอร์กัน ห๊ะ!!! นี่มันแพลนวันที่ 3 ชั้น กะแต่งตัวสวยๆป่ะวะ โอยยยยย อดสวย คือจุดประสงค์การมาโตเกียวรอบนี้คือ Tokyo tower อือ อ ไปมันทั้งที่เจ็บๆเท้านี่แหละ
โอเครอรถไฟไปโตเกียวทาวเวอร


บนรถไฟตอนเย็นค่อนข้างแออัด ในภาพไม่เท่าไหร่มีฉากนึงที่เราโดนเบียด มิดหายไปเลย55555 จิเบียดกันทำไมนักหนาจนประตูจะปิดไม่ได้แล้วนึกภาพ เตี้ยไง โหนไม่ถึง  ดีตรงโดนเบียด เลยปล่อยฟรีสไตล์ เบียดกุมาก็เอนตามไรงี้555


ลงจากรถไฟ เดินออกมาหน่อยจากสถานี เห็นแล้ววววยังๆสร้างแลนด์มาร์คมิได้ต้องถึงที่ก่อน ตอนนั้นใจชื้นมาก คือจุดประสงค์การมา ฝันมันอยู่ตรงหน้า เจ็บเท้ามากที่สุดในโลก ติงจะแตกเป็นไงเพิ่งเข้าใจ ก็เดินมุ่งเข้าไปเรื่อยๆ สวยเหลือเกิน....


ถึงจุดใต้สุดของโตเกียวทาวเวอร์ ตอนนั้นหมดแรง นั่งลงตรงนั้นเลย อยากนอนอยู่ตรงนั้นเลย เวอร์หลาย มันฟินมาก




เช้ามา ลุยต่อ วันนี้ ย่านวัยรุ่น ย่านดังทุกย่านเลย



เค้ามีเทศกาลงานรวมตัวไรไม่รู้ วัยรุ่นเยอะมาก แต่ไม่มีอารมณ์ถ่ายละ ปวดเท้า ได้แต่เก็บบรรยากาศด้วยความรู้สึกเอา555



จากมุมบน คนกำลังจะข้ามถนน เอาจริงๆหลังจากถ่ายภาพออกมาคนเยอะมาก
แต่ไม่มีการเดินชนกันแม้แต่นิด และหายวับไปกับตาเหลือแต่ถนนให้รถวิ่ง เจ๋งเว่อร์


ระหว่างเดินในย่านเก็บบรรยากาศ ครั้งนี้มาครบทุกย่านตามแแพลน


เวลาเหลือ ค่ำแล้วก็เดินออกมาที่สถานีชิบูย่า หรือชินจูกุจำไม่ได้ นึกไม่ออกจะไปไหน เปิดแผนที่มีศาลเจ้าใกล้ๆ โอเคเดินต่อ ไม่คิดว่าจะเป็นศาลเจ้าเมจิที่สุดของศาลเจ้าในความรู้สึก เห็นในเนต และไม่ได้อยู่ในแพลน เอาเข้าจริงประทับใจจนพูดไม่ออก ใหญ่และเงียบสงบ สวยงามมาก





พิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่น เดินาวนไปมาหลายคู่ ศักดิ์สิทธิ์มากๆ




ขอพรที่คาดไม่ถึงว่าจะได้มาเมจิ ขอทีเดียวรวดเลย ตอนนี้สมหวังดั้วะ!!!



ไปอีก ไปต่อ จะไปกินซ่าละค่า เดินอย่างเดียว



วันนี้เช้าออกมาวัดอะสะคุสะอีกครั้งเพราะตอนมาตอนแรกมากลางคืน อยากดูกลางวัน ก็กลางวันมาก แดดจ้า โคดร้อน วันนี้ร้อนสุดแล้ว ขอพรโยนเหรียญอีก แต่ห้ามถ่ายรูป อด



แล้วก็ไปย่านละลายทรัพย์ Ginza ทุกแบรนจบที่นี่ คนที่มาเดินกินซ่า คนญี่ปุ่นนี่ สวยๆหล่อๆ รถสปอร์ตทั้งนั้น แอร๊ย ยังกะออกมาจากในจอ นึกว่าดาราแต่ละคนจัดเต็มมาก
เช้ามาขึ้นเครื่อง กลับไทยแต่ไปต่อที่จีนเหมือนเดิม วุ่นมากกระเป๋าเกือบหาย ถึงไทย ตี 3 วันที่ 21 นอนยาวววววจ้า
**ใครจะไปแบบแบคแพค แนะนำว่า อย่าแต่งตัวสวยอะไรเว่อร์ รองเท้าแนะนำผ้าใบค่ะ ขนาดผ้าใบยังเดินจนเท้าจะแตก เพราะเดินตลอด
** หากคอมเม้นรบกวนแบบสุภาพนะคะ** ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น โตเกียว คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ