วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

เซตันร่วมกับองค์กรญี่ปุ่น จัดเทศกาลอาหารและการท่องเที่ยวในชูบุ 3 – 13 ต.ค. นี้ เป็นครั้งแรก


           ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ร่วมกับองค์กรต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่น จะจัด เทศกาลอาหารและการท่องเที่ยวในชูบุ (Chubu Food & Tourism Fair 2014) เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 3 - 13 ตุลาคม ศกนี้ ที่ลานจัดงานชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์อาหารสด อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตรจาก 5 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ นากาโนะ, กิฟุ, ชิซุโอะกะ, ไอจิ และมิเอะ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นเป็นพิเศษที่เรียกกันว่า “เส้นทางมังกร” (Dragon Route)“ชูบุ” เป็นพื้นที่ภาคกลางของประเทศ จังหวัดต่างๆ ในภูมิภาคนี้มีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ รวมถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แตกต่างกัน ความหลากหลายนี้ทำให้สามารถผลิตสินค้าทางการเกษตรที่สดใหม่และมีรสชาติอร่อยได้ตลอดปี อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารทะเล โดยมีทั้งจังหวัดชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นที่อากาศร้อนชื้นในฤดูร้อนและเย็นสบายในฤดูใบไม้ผลิ ตอนกลางเป็นดินแดนแห่งแนวเทือกเขาสูงอันเป็นที่ตั้งของ แจแปนแอลป์ แหล่งเล่นสกียอดนิยมแห่งหนึ่ง ตอนล่างเป็นจังหวัดชายฝั่งด้านมหาสมุทรแปซิฟิก มีอากาศอบอุ่น เป็นที่ตั้งของ ภูเขาไฟฟูจิ ที่สูงที่สุดและเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น ทั้งยังมีชื่อเสียงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศ และเป็นฐานการผลิตของธุรกิจมากมายที่มีอยู่ในประเทศไทย ทั้งรถยนต์ เครื่องจักรที่ใช้ในการแปรรูป เครื่องบิน ฯลฯ          อาหารขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดที่จัดมานำเสนอเพียงที่นี่ที่เดียวในมุมอร่อยแบบชูบุแท้ๆ ได้แก่ “อาหารสไตล์นาโงย่า” ที่โด่งดัง, “Hitsumabushi” เป็นอาหารที่สามารถทานได้ง่าย, “Iga Kuroge Wagyu” เนื้อวัวชั้นเลิศนุ่มละเอียด ความหวานอร่อยจะละลายในปากทันที, “Taiwan Ramen” ยอดนิยม, ปลาไท้ ที่เลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยด้วยวิธีเฉพาะเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด, ปลาทอด ด้วยน้ำมันรำข้าว ทำด้วยมือทีละชิ้นโดยไม่ใช้สารสังเคราะห์ใดๆ, “Oni Manjyu” ขนมท้องถิ่นของจังหวัดไอจิ รวมถึงของหวานและขนมนานาชนิด ผักผลไม้ต่างๆ ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ทั้งอาหารสดและอาหารแปรรูปส่งตรงจากชูบุ สาธิตการแล่ ปลามากุโระ โดยสามารถระบุส่วนที่ต้องการซื้อได้, สินค้าเอกลักษณ์ของ ชิซึโอกะ ที่เป็นแหล่งปลูกวาซาบิคุณภาพดีที่สุด และยังเป็นปลูกและดื่มชามากที่สุดในญี่ปุ่น มีทั้ง วาซาบิดอง โดดเด่นด้วยรสชาติและความหอมจากการหมักด้วยกากเหล้าสาเกนานนับปี และ ชาชั้นเลิศ ที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านชา ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือก แปรรูป และส่งออกจำหน่าย          เทศกาลอาหารและการท่องเที่ยวในชูบุนี้ จัดขึ้นเป็นพิเศษครั้งแรกในประเทศไทยเฉพาะที่อิเซตันเท่านั้น  

อยากจะไปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก ช่วยแนะนำให้หน่อยคะ

อยากไปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก มากๆๆ แต่ไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยคะทางภาคเหนือ เราอยู่ภูเก็ตก็จะไปลงเครื่องที่ดอนเมืองคะ จะไปกับเพื่อน 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่คะ ดูรีวิวในพันทิปมานานเลยอยากจะไปหาประสบการณ์ด้วยตัวเองบ้างคะ หลังจากเพิ่งเรียนจบคะ อยากจะไปขึ้นเขาลงห้วยบ้าง เพราะอยู่แต่ภูเก็ตก็ได้เที่ยวแต่ทะเลและเกาะต่างๆๆไปเที่ยวจนหมดแล้ว ขอแชร์ประสบการณ์ให้หน่อยนะคะ ขอบคุฯคะอมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17

ที่พัก เลค เฮฟเว่น กาญจนบุรี

สวัสดีค่ะ จะรบกวนขอคำแนะนำเกี่ยวกับที่พักที่เลค เฮฟเว่น ค่ะ ว่ามีที่พักชื่ออะไรบ้าง มีกี่ที่ พอดีเราหาในเว็บเจอแค่ไม่กี่ที่ หรือใครมีเคยไปมาแล้วสามารถแนะนำได้ค่ะ (พักประมาณ 10-15 คนค่ะ) อยากได้แบบหลังเดียวพักรวมกันค่ะ หรือถ้าแยกหลังขอประมาณหลังละ 8 คนค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

5 วัน 4 คืนกับ The Wizarding World of Harry Potter, Orlando USA ชีวิตมักเกิ้ลใน Hogsmeade และตรอก Diagon Alley

สวัสดีค่าาา วันนี้มาพาไปเที่ยวอีกแล้ว เรียกว่าเที่ยวทิ้งทวนก่อนกลับไทยเลยก็ได้ เนื่องจากเหลือเวลา อีกไม่ถึง 3 อาทิตย์ที่ออนจะอยู่เมกา และเตรียมบินกลับไทยหลังจากเรียนจบ ดังนั้นเรื่องเที่ยว นี่ขาดไม่ได้ เพราะไหนๆบินมาไกลถึงอเมริกา คนละซีกโลกแล้ว ก็ต้องเที่ยวให้คุ้ม คราวนี้ เป็นทริปที่ตื่นเต้นมากกก เรียกว่าตื่นเต้นน่าจะเกือบที่สุด (ตื่นเต้นพอๆกะตอนไป New York) เลย เพราะว่าทริปนี้เป็นทริป 5 วัน 4 คืน ที่จะได้ไปตะลุย The Wizarding World of Harry Potter ใน Universal Orlando รัฐ Florida นั่นเองค่ะ ที่ผ่านมา Universal Orlando ได้เปิดบริการ ในส่วน Hogmeade มาได้ซักพักแล้ว แต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้เปิด Diagon Alley หรือ ตรอกไดแอกอนใหม่ ทำให้มันบูมมากกกกก และออนต้องไปให้ได้ ออนเห็นคนไทยไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นกันมาเยอะ แต่ไม่ค่อยเห็นคนไทยมาที่ Orlando เท่าไหร่ แม้กระทั่งตอนไปเที่ยวก็ไม่เจอคนไทยเลย มีแต่ฝรั่ง ดังนั้นเลยจะมาเขียนให้อ่านกันค่ะ บอกไว้ เลยว่าบล็อกนี้จะยาวมาก เพราะอัดเต็มทั้งรูปและวีดีโอ คือมันประทับใจจริงๆ เลยอยากถ่ายทอด ประสบการณ์ความประทับใจ ความสนุกที่มีออกมาให้หมด คนอ่านจะได้เหมือนไปเที่ยวด้วยกัน มาเริ่มกันเลยดีกว่า แฟนออนซื้อเป็น Package รวมตั๋วเครื่องบิน-ที่พัก-ตั๋วเข้า-สิทธิพิเศษอื่นๆจากทางเว็บ ของเค้าโดยตรงค่ะ เพราะว่าลองเช็คกันมาทุกวิถีทางแล้ว ว่าจะมีทางอื่นถูกกว่ามั้ย สรุปว่า ไม่มี (ในกรณีที่จะเอาพวกสิทธิพิเศษให้ครบนะคะ ถ้าจะเอาแค่ตั๋วเครื่องบินกับที่พัก จองที่ อื่นมีถูกกว่าค่ะ) ซึ่งอันนี้คือแพ๊คเกจที่จองไป อันนี้เป็น Exclusive Vacation Package นะคะ เป็นทริปที่แพงที่สุดที่เคยไปเที่ยวกัน แต่เป็นทริปที่คุ้มมาก สำหรับทริป 5 วัน 4 คืน ราคาสำหรับ 2 คน อยู่ที่ ,500 (ประมาณ 80,000 บาท) และใน 5 วันนี้ ก็มี Pocket Money อีก 00 (30,000 กว่าบาท) สำหรับ 2 คน สำหรับการใช้จ่ายอะไรนอกเหนือจากนั้นเช่นอาหารเย็น หรือซื้อของที่ระลึกต่างๆ แพ๊คเกจที่จะไปมีรายละเอียดตามนี้ค่ะ - ตั๋วเครื่องบินไป-กลับแบบ Direct flight จาก LAX-MCO (บินตรงจาก LA ไปถึง Orlando) ครั้งนี้บิน Delta Airlines ค่ะ - ห้องพักที่โรงแรม 4 คืน ซึ่งโรงแรมที่เลือกคือ Loews Royal Pacific Resort เป็น Deluxe On-Site Hotel จะราคาสูงกว่าอีก 2 แบบ แต่จะใกล้กับสวนสนุกโดยตรง เดินทางสะดวก มี Water Taxi และ Shuttle Bus รับ-ส่งฟรี - ตั๋วเข้าสวนสนุกแบบ Park-to-Park เป็นเวลา 3 วัน คือเข้าได้ทั้ง Universal Studios และ The Island of Adventure (เพราะสวนสนุก 2 ที่นี้ติดกัน ถ้าซื้อตั๋วแบบเดียว จะเข้าได้ที่เดียว ถ้าเป็นแบบ Park-to-Park จะเข้า-ออกได้ 2 ที่) - อาหารเช้าที่ร้าน Leaky Cauldron หรือร้านหม้อใหญ่รั่ว 1 มื้อ (ต่อคน) - อาหารเช้าที่ร้าน Three Broomsticks หรือร้านไม้กวาด 3 อัน 1 มื้อ (ต่อคน) - Early Park Admission (สามารถเข้าไปเล่นสวนสนุกได้ก่อนเวลาที่สวนสนุกเปิดทำการ 1 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่เข้าไปเล่นได้คือตอน 7 โมงเช้า) - Express Pass (บัตรที่ทำให้ลัดคิวมาได้เร็ว ถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้ซื้อ Express Pass ก็จะต้องรอคิวนานหลายสิบนาที หรืออาจเป็นชั่วโมงๆ แต่ถ้ามี Express Pass จะมีเลน ของมันเอง ทำให้บางทีไม่ต้องรอเลย หรือรอมากสุดแค่ 15 นาที ใช้ได้กับเครื่องเล่นแทบ ทุกอัน ยกเว้นเครื่องเล่นใน The Wizarding World of Harry Potter อันที่เป็น Harry Potter and The Escape from Gringotts กับ Harry Potter and The Forbidden Journey นอกนั้นถ้าจำไม่ผิดใช้ได้หมดค่ะ) รู้สึกว่าออนได้ Express Pass เพราะว่าจองโรงแรมที่เป็น Deluxe On-Site ซึ่งราคาสูงกว่าอันอื่น ทำให้ได้อันนี้ ไม่งั้นต้องซื้อแยก ซึ่งราคาอยู่ที่คนละ ต่อคน ต่อวัน ดังนั้นถ้ามากัน 3 วัน 2 คน จะต้องซื้อแยกรวมเป็นเงิน 3 (ประมาณ​ 17,000 บาท) ดังนั้นบอกเลยคุ้มมากกกก ที่ได้ฟรีเป็นโบนัส - ได้ของที่ระลึกส่งมาถึงบ้านก่อนวันที่เดินทางประมาณ 3-4 อาทิตย์ ของที่ส่งมาจะมี พวกตั๋วเครื่องเล่น ตั๋วกินอาหารทั้งหลาย ตุ๊กตานกฮูก Hedwig และ Welcome Letter to Hogwarts เหมือนเวลาที่ Harry ได้รับจดหมายให้เข้าไปเรียน - อาหารกลางวัน 3 วัน คนละ 1 มื้อ โดยใน 1 มื้อจะมีอาหารหลัก เครื่องดื่ม และของหวาน ซึ่งสามารถใช้กับร้านที่ร่วมรายการได้ (และร้านหลายๆร้าน ที่ไม่ใช่พวกร้าน fine-dining ก็จะร่วมรายการด้วย) อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ที่ได้จากการจอง Deluxe On-Site Hotel อีกเช่นกันค่ะ - Airport Pick-Up ที่จะมารับจากแอร์พอร์ตไปส่งที่โรงแรม และจากโรงแรมมาส่งที่แอร์พอร์ต ราคาถ้าจำไม่ผิดคนละ (รวมในที่จ่ายไปตอนแรก) ที่เหลือเราก็ให้ทิปเค้าประมาณ - —————————————————————-- ตลอด 3 วันที่ไปเล่น ออนเข้าๆออกๆทั้งในส่วนของ Universal Studio, The Island of Adventure, Hogsmeade และ Diagon Alley แต่ของเล่าเฉพาะในส่วนของ Hogsmeade และ Diagon Alley นะคะ เพราะไม่งั้นจะยาวมาก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยทำไมชุดไม่ซ้ำกัน เพราะถ่ายคนละวันค่ะ เตรียมตัวขึ้นเครื่อง พาสปอร์ต และสัมภาระพร้อม ออนถือพาสปอร์ตของไทย พร้อมกับวีซ่านักเรียนนะคะ ส่วนพี่โต้ถือสัญชาติอเมริกันค่ะ มาถึงแล้วววววว วันแรกด้วยความตื่นเต้น กลัวใช้สิทธิ์ไม่คุ้ม เลยมา Early-Admission ตื่น 6 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัว และใช้บริการ Water Taxi (เปิดให้บริการตอน 6.15) มาถึงทางเข้าตอน 7 โมงเช้าค่ะ เหตุผลที่มาเช้าเพราะวันแรกไม่รู้ว่าคนจะเยอะมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นเลยแพลนว่าจะไปเล่น เครื่องเล่นใน The Wizarding World of Harry Potter 2 อัน ที่ไม่สามารถใช้ Fast Pass ได้ก่อน แล้ว หลังจากนั้นก็ไปกินอาหารเช้าที่ได้จองไว้ เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะเห็น King’s Cross Station ซึ่งจะเป็นจุดที่เราต้องไปชานชลาที่ 9 3/4 เพื่อจะไป Hogsmeade (ลืมบอกว่าเรานั่งรถไฟ Hogwarts Express จาก Diagon Alley ไป Hogsmeade ได้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องถือบัตร Park-to-Park ticket เพราะว่าท้ัง 2 ที่อยู่คนละส่วน กัน ถ้าซื้อบัตรแบบเดียว จะเข้าไม่ได้ค่ะ) แต่ยังไม่ได้ขึ้นเลย เพราะว่ารถไฟเปิดให้บริการตอน 9 โมง เช้า ดังนั้นจะขอไปตะลุย Diagon Alley ก่อน มาถึงแล้วววว ตรอกไดแอกอน เข้ามาจะเห็นร้าน Weasley’s Wizard Wheezes ร้านขายของเล่นของตลกๆและแปลกๆของ Fred and George Weasley หรือพี่ชายของ Ron นั่นเอง เดินตรงเข้ามาก็จะเห็น Gringotts Bank หรือธนาคารกริงกอตส์ ที่มีมังกรยักษ์เฝ้าอยู่แบบนี้ แต่สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการซื้อ ButterBeer กินนั่นเอง คือมาแล้ว ไม่ลองไม่ได้ ButterBeer จะมีทั้งหมด 3 แบบค่ะ 1. แบบเย็นธรรมดา (Cold) ราคา .50 2. แบบเย็นแช่แข็ง (Frozen) ราคา .50 3. แบบใส่แอลกอฮอลล์ ในมือที่ถืออยู่คือแบบเย็นธรรมดากับแช่แข็ง หลังจากลองกินแล้ว รู้สึกว่า แบบเย็นธรรมดาอร่อยกว่า รสชาตนุ่มๆ ละมุนๆมากกว่า แบบแช่แข็งมันหวานแปลกๆ ส่วนรสชาติที่หลายๆคนอยากรู้ว่าเป็นยังไง ใส่เบียร์กับเนยลงไปจริงๆรึเปล่า .. บอกได้เลยว่าเปล่าค่ะ..เป็นอารมณ์แบบ Butterscotch หวานๆผสมครีมโซดา และโปะด้วยฟอง ที่น่าจะทำมาจากนมผสมคาราเมลอะไรแบบนี้ คือหว๊านนน หวานนน กินมากๆอาจเป็นเบาหวานได้ แต่เนื่องจากเป็นคนชอบกินอะไรหวานๆอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับออนไม่ถือว่าเลี่ยนไป แต่ถ้าใครไม่ชอบกินหวาน.. แค่ 1 แก้วก็อาจจะ เกินคำว่าเลี่ยนค่ะ ราคาถ้าใส่แก้วธรรมดาแบบนี้ จะอยู่ที่ .50 ถ้าจำไม่ผิดนะคะ เพราะอันนี้ออน ใช้สิทธิ์จาก Free Meal ของออน ดังนั้นออนเลยไม่ได้เสียเงินค่ะ มาถึงแล้วกับร้านไม้กายสิทธิ์ชื่อดังกับ Ollivander’s นั่นเอง การเข้าร้านนี้เค้าจะพาเข้าไปเป็นกรุ๊ปเล็กๆ ประมาณ 10-15 คนไม่เกิน และสุ่มเลือกออกมา 1 คน อารมณ์แบบ The chosen one ที่จะได้มาลองเสกคาถาต่างๆ เหมือนตอนที่ Harry ไปลองครั้งแรก และบังเอิ๊ญญญญ บังเอิญ… เค้าเลือกออน !!! ช็อกมากกกก ดีใจมาก ไม่เคยคิดว่าจะถูกเลือก เค้าจะให้เราเดินไปข้างหน้าตรงโต๊ะ พร้อมกับ หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา 1 อัน พร้อมกับเสกคาถา ของก็จะขยับแรงๆกุกกักๆ แล้วเค้าก็จะหยุดคาถา หลังจากนั้นก็ลองอันที่ 2 ก็ขยับกุกกักๆเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ใช่ จนพอจับอันที่ 3 ก็จะมีเพลง พร้อม แสงไฟลงมา อารมณ์แบบแสงจากสวรรค์ อารมณ์แบบ “อันนี้แหละ ใช่เลย” เสร็จแล้วก็เค้า จะบอกว่า “The wand chooses wizard…it’s not clear why” ชื่อสินค้า:   The Wizard World of Harry Potter , Orlando คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

สถานที่พักผ่อน ใกล้กรุงเทพฯ

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวพันทิปกันครับ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่แห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการระแวกบางปูครับ สถานที่แห่งนี้ในความรู้สึกจะมีลักษณะคล้ายรีสอร์ท หรือบังกะโลส่วนตัวสักหน่อย การตกแต่งให้ความรู้สึกคล้ายกับอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งของประเทศกรีก และสถานที่แห่งนี้คือ 180 บางปูบีชเฮาส์ครับ                 180 บางปู บีชเฮาส์ เป็นบ้านพักตากอากาศครับจุดเด่นของที่นี่คือบรรยากาศครับ สถานที่แห่งนี้ถูกออกแบบตกแต่งให้มีความ Relax สูง สงบ ร่มรื่นอยู่ในทัศนียภาพที่สวยงาม มองออกไปจะเห็นนกนางนวลบินวนโฉบไปโฉบมาอยู่ไกล ๆ เหมาะแก่การพักสมอง กาย – ใจ จากความวุ่นวายได้ดีครับ                  ส่วนข้อเสียก็จะเป็นเรื่องการเดินทางต้องอาศัยรถส่วนตัวครับ เนื่องจากไม่มีรถโดยสารขนส่งมวลชน ในด้านอาหารการกินก็ค่อนข้างลำบาก ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้สงบมากจึ่งไร้ซึ่งห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าขาย ส่งผลให้อาจเป็นอันตรายสำหรับสาว ๆ ที่เดินทางลำพังบริเวณนี้ในยามวิกาล                 ถ้าหากใครได้มีโอกาสผ่านมาที่จังหวัดสมุทรปราการ ลองแวะมาพักผ่อน ทิ้งกาย – ใจ ไปกับทัศนียภาพแห่งนี้กันดูนะครับ 180 บางปู บีชเฮาส์ Credit ภาพ :     http://www.180bangpu.com/gallery                  https://www.facebook.com/180Bangpu ชื่อสินค้า:   180bangpu คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว