วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รีวิวที่เที่ยวมาแรงส์!!! “A Place We Stand Showcase @บางแสน” จ.ชลบุรี

วันนี้ขอแชร์รีวิวที่เที่ยวของบล็อกเกอร์ " 2 Madames " ที่ใกล้กรุงเทพฯกันค่ะ แต่ที่น่าสนใจและเป็นที่เที่ยวใหม่ล่าสุดตอนนี้ ก็ต้องเป็นหาดวอนนภา บางแสน โครงการ “A Place We Stand Showcase @บางแสน” ค่ะ เลยอยากแชร์สถานที่แห่งนี้กันค่ะ


ห้องสมุด “Live for Reading Room” “หายไป” คือให้แทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างกลมกลืน ที่ทุกคนสามารถมาหาความรู้ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ตลอดทั้งวัน







ศาลาอเนกประสงค์ “The Flow” ศาลาอเนกประสงค์ที่ให้ทุกความสุขมีพื้นที่ของตัวเอง แผ่นพื้นถูกพับยกขึ้นคล้ายกระดาษพับ เพื่อเปิดเป็นพื้นที่ไหลเลื่อนสำหรับกิจกรรมที่หลากหลาย ส่วนหลังคาใช้แผ่นโปร่งแสง และ แผ่นสมาร์ทบอร์ด ยูนิตย่อมๆ มาซ้อนกันเป็นชั้นๆ ให้บังเงากันเองและมีช่องว่างระหว่างแผ่นให้ลมพัดเอาความร้อนไหลระบายออกไปโดยเร็ว ทั้งยังได้แสงรำไรเป็นการให้ร่มเงาแบบเดียวกับร่มเงาของต้นไม้ใหญ่






สนามผู้ใหญ่เล่น “The Labyrinth” สนามเด็กเล่นที่ผู้ใหญ่ก็เล่นได้
คือแนวคิดในการออกแบบให้เด็กและผู้ใหญ่ได้ออกกำลังกายร่วมกัน พร้อมซึมซับบรรยากาศธรรมชาติในคราวเดียว โครงสร้างคอนกรีตจึงเน้นการใช้ ปูนโครงสร้างที่แข็งแกร่งของตราช้าง นำมาผสมสีแดงลงในเนื้อปูน และหล่อในที่ มั่นใจในความแข็งแรง ปลอดภัย ทางเดินและบันไดสร้างขึ้นมาเป็นโมดูลาร์ (Modular) เชื่อมต่อกัน ถ้าเดินครบ 1 รอบ จะเผาผลาญได้ 10 แคลอรี่ อาคารนี้จึงมีชื่อเล่นว่า “10 แคลอรี่ทาวเวอร์”





ที่มา : http://www.2madames.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99-la-torta-bangsaen-aquarium-a-place-we-stand-showcase/

ระหว่าง Bromo+Ijen กับ Rinjani+Bali ที่ไหนน่าไปกว่ากันครับ (อินโดนีเซีย)

มีงบประมาณไม่รวมตั๋วเครื่องบินอยู่ที่ 1 หมื่นนิดๆต่อคน อยากไปทั้งสองที่เลยแต่งบไม่เอื้ออำนวย จะไปกับเพื่อนอีก2คน เป็นคนลุยๆเที่ยวป่าเขาในเมืองไทยได้ อยากทราบว่าระหว่างสองที่นี้ ที่ไหนคุ้มค่าน่าไปกว่ากันครับ(หยุดยาวช่วงสงกรานต์) แก้ไขข้อความเมื่อ

ถ้าพูดถึงลำปางคุณจะนึกถึงอะไร?

ถ้านึกถึงเมืองเขลางค์นคร คุณคิดถึงสิ่งใดมากที่สุดดอกไม้

ญี่ปุ่น…สองสามวัน… : วันที่ 14 : Kawaguchiko I : Fri 09/11/2012

ความเดิมตอนที่แล้ว บทนำ : http://pantip.com/topic/32826705 วันที่ 1 BKK to NRT : http://pantip.com/topic/32826954 วันที่ 2 Tokyo [Meiji Jingu - Sensoji - Ameyoko Street - Ikebukuro] : http://pantip.com/topic/32827023 วันที่ 3 Tokyo [Tsukiji market - Imperial palace - Sweet paradise - Tokyo tower] : http://pantip.com/topic/32827194 วันที่ 4 Tokyo Disneyland (Halloween) : http://pantip.com/topic/32829951 วันที่ 5 Tokyo DisneySea (Halloween) : http://pantip.com/topic/32830202 วันที่ 6 Kamakura : http://pantip.com/topic/32830935 วันที่ 7 Osaka : http://pantip.com/topic/32831281 วันที่ 8 Kobe : http://pantip.com/topic/32837843 วันที่ 9 Miyajima-Usuki : http://pantip.com/topic/32842244 วันที่ 10 Huis Ten Bosch : http://pantip.com/topic/32842767 วันที่ 11 Kyoto : http://pantip.com/topic/32847147 วันที่ 12 Obara : http://pantip.com/topic/32852066 วันที่ 13 Takayama : http://pantip.com/topic/32856420           วันนี้แผนตอนแรกคือจะไป Fuji High-Q แต่ด้วยความเหนื่อย ประกอบกับน้องสาวเริ่มป๊อด พอยู้ถามว่า “หรือจะไม่ไปแล้วตื่นสายหน่อยล่ะ” น้องสาวก็ตอบรับทันที และที่สำคัญคือน้องสาวอยากไป Lost&Found เพื่อเอาผ้าพันคอที่ลืมไว้บนรถไฟตอนที่นั่งจากโอซาก้าไปนาโกย่า(บอกว่าซื้อใหม่ไปเหอะ ลำบาก ก็ไม่เอา) ก่อนหน้านี้ได้ไปถาม Lost&Found ที่นาโกย่าแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บริการดีมาก ติดต่อมาที่โตเกียวซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถไฟวันนั้นให้ และพบว่ามีผ้าพันคออยู่จริง เขาจึงแจ้งทางโตเกียวไว้ แล้วจดเบอร์ของมาให้เพื่อความรวดเร็วและสะดวกสบาย แต่พอดีว่าเมื่อคืนเรามาถึงโตเกียวดึก แผนก Lost&Found ก็ปิดไปซะแล้ว           วันนี้เราจึงตื่นสายเล็กน้อย แพ็คกระเป๋าใบเล็กสำหรับนอน 1 คืน และฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่โรงแรม(เราจะกลับมานอนที่นี่ในคืนถัดไปค่ะ) หลังจากนั้นก็ไปที่สถานีโตเกียวเพื่อเอาผ้าพันคอคืน ท่ามกลางเสียงบ่นงึมงำของพี่สาวว่าเปลืองค่ารถและเวลามาเอา  ตอนอยู่ที่นาโกย่าคุณเจ้าหน้าที่บอกเราไว้แล้วว่าให้ไปตรงไหนขอโตเกียว แต่ตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร มาถึงสถานีเจอ Lost&Found ก็พุ่งเข้าไปเอาหมายเลขของยื่นให้ไป คุณลุงเจ้าหน้าที่เข้าไปหาอยู่แป๊บนึง ออกมาบอกว่าไม่ใช่ผ้าพันคอ แถมมีคนรับไปแล้วด้วย แถมคุณลุงก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ น้องสาวส่งภาษาญี่ปุ่นปนใบ้ทะเลาะกันอยู่นานมาก กว่าจะรู้ว่าสถานีโตเกียวมี Lost&Found 2 แห่ง ตรงนี้เป็นของรถที่วิ่งภายในโตเกียว เราต้องไปอีกที่ซึ่งเป็นของพวกชิงกันเซน ใครลืมไว้บนขบวนไหนก็ไปให้ถูกจุดด้วยนะจ๊ะ           หลังจากเดินหลงๆ อีกพักหนึ่งก็ไปถึง Lost&Found ที่ถูกต้องและได้ของคืนมาอย่างรวดเร็วและไม่มีปัญหา พอได้ผ้าพันคอคืนมาแล้วก็เกือบเที่ยง เราก็เลยไปหาอะไรกินกัน เดินๆ ผ่านเจอร้านขายออมเล็ต ก็เลยแวะเข้าไปกินสักหน่อย ซึ่งรสชาติอร่อยใช้ได้เลยค่ะ ซอสที่ราดมาก็เข้มข้นเข้ากับไข่ได้อย่างดี แต่ลืมดูชื่อร้านมาอีกแล้ว มัวแต่กินอย่างเอร็ดอร่อยซุป กับสลัดในชุด ตามมาด้วยจานหลัก จานนี้ราดซอสสองอย่าง จานนี้ใส่แฮมเบิร์ก           ไหนๆ วันนี้ก็ตัดโปรแกรมออกไปแล้ว กินเสร็จแล้วก็เลยแวะไปซื้อ JR East Pass เก็บไว้ก่อน(เราจะใช้ตอน 4 วันสุดท้าย) พร้อมกับขอให้เจ้าหน้าที่จองที่นั่งตามที่วางแผนไว้ให้เลยทีเดียว เจ้าหน้าที่คนนี้น่ารักคุยด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ไม่ถอนหายใจเหมือนคนที่แล้ว (แต่ความจริงญี่ปุ่นได้ขึ้นชื่อว่าบริการดี เจอเจ้าหน้าที่หน้าหงิกบ่อยๆ นี่คงซวยล่ะนะ) จองตั๋วทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อมาที่ Shinjuku เพื่อขึ้นรถ bus ไป kawaguchiko ไปถึงพอดีมีรอบรถกำลังจะออก เราก็ได้ตั๋วและขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ชื่อสินค้า:   ประเทศญี่ปุ่น คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

สวยติดตาที่ Hitachi Seaside Park

จริงๆ เราไปเที่ยวญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนกันยาที่ผ่านมาค่ะ ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นช่วงโลวซีซั่นเลยล่ะ เพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนฤดู จะร้อนก็ไม่ร้อน จะเย็นก็ไม่ถึงกับเย็นมาก และด้วยความอยากมานาน เลยทำให้ได้ไปเยี่ยมเยียน Hitachi Seaside Park ในช่วงนั้น เลยอยากมานำเหนอเพื่อนๆ ซะหน่อยค่ะ เพราะถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงที่บูมที่สุด แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังเลยนะ สำหรับใครที่อยากไป ลองเข้าไปแว้บๆ ดูข้อมูล ปฎิทินดอกไม้ของที่นี่กันได้ที่เว็บเค้าเลยค่ะ http://en.hitachikaihin.go.jp พูดเรื่องอากาศต่ออีกนิด สำหรับช่วงเกือบๆ ปลายกันยา ถือว่าใกล้เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ในแถบๆ โตเกียวและละแวกใกล้เคียง รวมถึงที่ Hitachi Park อากาศก็จะไม่ร้อนไม่หนาว ตอนเช้าแดดออกแต่มีลม พอตกเย็น อากาศจะสบายๆ เย็นนิดๆ เรียกได้ว่าเสื้อคลุมตัวเดียวเที่ยวได้ทั้งทริปค่ะ แต่เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนฤดู บางวันก็แอบมีฝนปรอยๆ บางวันฟ้าออกหม่นๆ บ้าง น่าเสียดายที่ดั๊นมาหม่นวันที่เราไปเที่ยวด้วยพอดีแหนะ มาต่อกันที่เรื่องของการเดินทางค่ะ จากโตเกียว สำหรับใครที่คิดว่าไปยาก ขอให้คิดใหม่เลยนะ เพราะง๊ายง่าย Hitachi Seaside Park นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ เหนือโตเกียวขึ้นไปทางขวา และถ้าเลือกเดินทางโดยรถไฟ สถานีที่ใกล้กับสวนที่สุดก็คือสถานี Katsuta นั่นเองค่ะ (*สวนปิดทุกวันจันทร์นะคะท่านผู้ชม) เนื่องจากว่าในทริปนี้เราซื้อ JR Kanto Pass 3 day pass ไว้ด้วย เลยสามารถเลือกใช้บริการรถขบวนที่ใช้เวลาน้อยที่สุด เร็วที่สุดได้ นั่นก็คือขบวน LTD. EXP SUPER HITACHI / FRESH HITASHI ซึ่งจะมีทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เริ่มต้นที่สถานี Ueno ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 80 นาที ซึ่งถ้าเลือกรถไฟขบวนอื่นที่ราคาถูกกว่า เราอาจจะต้องเสียเวลาเพิ่มอีกเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว ลองมาดูใน Hyperdia กัน สำหรับการจองรถไฟ ตอนเราไปคนใช้บริการค่อนข้างเยอะทั้งขาไปขากลับค่ะ ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชายเดินทางคนเดียว เพราะงั้นใครที่ไปกับเพื่อน แล้วอยากนั่งติดกัน แนะนำให้จองที่นั่งไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ หรือใครที่มี pass ต่างๆ อยู่ในมือ แต่ขี้เกียจต่อคิวจองตั๋ว รถไฟก็มีตู้ unreserved อยู่ค่ะ ชื่อสินค้า:   Hitachi Seaside Park คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว แก้ไขข้อความเมื่อ

++++ CR มามะมา พาไปเที่ยว North Kyushu ทริปตามหารถไฟท่องเที่ยวคิวชู Part 1++++

สวัสดีค่ะ ตื่นเต้นจัง..ไม่ได้โพสต์กระทู้นานแล้ว โพสต์ทีไรจะบอกว่าตื่นเต้นทุกทีสิน่า เพี้ยนเพลีย ทริปนี้เกิดจากสามีเราอ่านหนังสือ ทางรถไฟสายดาวตก ของคุณทรงกลด บางยี่ขัน บวกกับชอบรถไฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทริปนี้จึงบังเกิด เป็นการเซอร์ไพรส์ภรรยาเลยเพราะมารู้ก้อตอนจะจองตั๋วเครื่องบิน มิน่าขยั้นขะยอให้อ่านหนังสือเล่มนี้จั๊งงง บวกกับ Jetstar ออกโปรโมชั่นฟุกุโอกะ แต่เราไม่ทันได้จองช่วงโปรแรงๆ เลขจึงออกที่ ไป - กลับ ราคา 20,928 ต่อ 2 คนค่ะ ไปเช้าวันที่ 31 ตุลาคมที่ฟุกุโอกะ วันฮาโลวีนพอดี กลับวันที่ 4 พฤศจิกายนค่ะ ไปแค่ 5 วัน เที่ยวจริงๆ 4 วันเพราะวันที่ 5 บินกลับเช้าค่ะ ตอนแรกเราเฉยๆกับที่นี่ค่ะ อ่านบ้าง ไม่อ่านบ้าง ก้อแค่จดๆเรื่องช้อปปิ้งเท่านั้น โฮะๆๆ เจ้าคิกคัก แต่พอไปถึงจริงๆ กลับหลงรักและไม่อยากจะกลับเลยค่ะ โดยเฉพาะที่ ยุฟุอิน เมืองเล็กๆแต่น่ารัก อากาศดีมากๆ วันที่เราไป 8 องศาค่ะ ใบไม้เริ่มจะเปลี่ยนสี ส่วนอีกเมืองที่เคยมองผ่านก้อคือ เบปปุ ค่ะพอไปถึงกลับคิดว่าถ้ามีเวลาก้ออยากจะนอนค้างสักคืนเช่นกัน ดูเป็นเมืองเงียบๆ สงบๆ       แพลนเราเป็นดังนี้ค่ะ  Day 1 -- Hakata Dasaifu Hakata                                   Day 2 -- Kumamoto  Kumamoto Castle Mount Aso ถนนคนเดิน Shimotori                                     Day 3 -- Yufuin                                   Day 4 -- Beppu Hakata                                   Day 5 -- Bangkok สามีทำเป็น PDF ออกมาได้ดังนี้ค่ะ ซึ่งในแต่ละวัน จะมีรายละเอียดต่างๆทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ขึ้นอยู่กับเวลา และขบวนรถไฟเป็นหลักค่ะ รายละเอียดต่างๆนี้ ต้องขอบคุณกระทู้รีวิวในพันทิปทุกกระทู้ เพราะใช้เยอะมากๆ จำไม่ได้ว่าของใครบ้าง และเวบไซต์ทุกเวบที่ให้ข้อมูลรายละเอียด อมยิ้ม17 ทำกระทั่งการปรับแอร์ เพราะปีที่แล้วไปโตเกียว และแถบคันโต มีปัญหากับการปรับแอร์จนตึ 1 ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ ประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน หุหุ   มาดูกันนะคะว่าจะทำได้อย่างที่แพลนไว้อย่างสวยหรูหรือไม่??        มาเริ่มกันเลยค่ะ   Part 1 -- Hakata Dasaifu 31 ตุลาคม 2557 หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจในทริปนี้ค่ะ เราถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 5ทุ่มค่ะ นัดรับ pocket wifi ที่สนามบินสะดวกดี ของ bs mobile ค่ะ ค่าเช่าวันละ 200 บาท ไฟล์ทบินโชว์พอดี เข้าแถวรอกันตั้งแต่เจ็ทสตาร์ยังไม่เปิดเคาเตอร์ ดีที่เราทำเวบเช็คอินมาจากที่บ้านแล้วค่ะ มีช่องขวามือสุดสำหรับคนที่ทำ Internet check in สะดวกดีค่ะ ไม่ต้องรอคิวนาน วันนี้จะลองเข้าเล้าจ์ของคิงส์พาวเวอร์ค่ะ ไม่เคยได้ใช้สักที เดินไปทางเดิน A เกือบสุดเลยค่ะ อยู่ด้านซ้ายมือ มีที่ให้นั่งพักก้อดีเหมือนกันค่ะ ไฟล์ทดึกมากๆ ง่วงแล้วด้วย แต่อยู่บนเครื่องดันไม่หลับ มีขนม กับน้ำ และกาแฟค่ะ ได้ที่นั่ง แถวที่ 16 E กับ F ค่ะ ไม่ได้จองค่ะ ตอนทำเว็บเช็คอินสามารถเลือกได้โดยไม่เสียเงินค่ะ เราไม่ได้ซื้ออาหารขาไปค่ะ เพราะคิดว่าไม่น่าหิว ไปกินที่ญี่ปุ่นดีกว่า แต่แอบติดขนมปังไป 2 ชิ้นค่ะ เผื่อไว้ เครื่องบินไปได้ 5 ชม.เราถึงสนามบินฟุกุโอกะตามเวลาไม่ดีเลย์ค่ะ ไม่ต้องรอกระเป๋า เพราะขาไปไม่โหลดค่ะ รีบสุดๆ กลัวจอง Aso Boy กับ Yufuin no mori ไม่ได้ ผ่าน ตม.อย่างสะดวกสบาย ใจดีมากๆ เหลือบไปเห็นอีกแถว เป็นผู้หญิงโดนซักเยอะเลย ขอดูแพลนด้วย ว่าไปใหน อย่างไรบ้าง? แต่ก้อผ่านค่ะ อ่อออ เราโดนตรงศุลกากรถามว่าไปคุมาโมโต้ไปเที่ยวอะไรกัน? ก้อบอกไปว่า ไปปราสาท ขึ้นเขาอาโซะ เค้าก้อยิ้มๆ เจ็ทสตาร์อย่างเราไม่ได้เทียบงวงค่ะ รอรถบัสมารับ รถมารอ ประมาณ 5 คันได้ค่ะ นั่งรถแว๊บเดียว ถึงแล้วนะจ้ะ ออกมาด้านหน้า เห็นเคาเตอร์สีฟ้าขวามือมั้ยคะ เราจะซื้อพาส 1Day Trip Dasaifu ที่นี่ค่ะ เข้าแถวรอเลยค่ะ แถวยาวพอสมควร เราซื้อราคา 1,340เยนค่ะ จะรวมค่ารถไปถึงศาลเจ้าดาไซฟุค่ะ ใช้วันใหนก้อขูดได้เลยค่ะ เสร็จเรียบร้อยไปหนึ่งอย่าง ลากกระเป๋าออกมาด้านหน้าจะมีป้ายบอกอยู่แล้วว่าต้องนั่งบัสฟรีจากสนามบินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน รถรออยู่แล้วค่ะ คนไม่เยอะเท่าไหร่ มีที่นั่งเหลือ จัดการขูดบัตรใช้นั่งsubway ไปสถานีฮากาตะกันค่ะ มาถึงสถานีแค่ชั้นใต้ดินก้อมีร้านยูนิโคล่ให้ชะงักแล้วอ่ะ สวยจริงๆเสื้อผ้าหน้าหนาว หยุดดูนานไม่ได้เพราะคุณสามีเร่งสุดๆกลัวจองรถไฟไม่ได้ เพราะวันที่เราไปตรงกับวันหยุดยาวของคนญี่ปุ่น ซึ่งเค้าก้อเที่ยวเหมือนกัน มาถึงห้องขายตั๋ว JR Pass แถวยาวเหยียดเลยจ้า ใจเริ่มไม่ดีล่ะ เตรียม JR Pass ที่ซื้อมาจากที่ไทย พร้อมกับตารางที่เราทำไว้ ดีที่มีเจ้าหน้าที่คอยบอกอยู่ตลอดในแถวว่า ตอนนี้ขบวนใหนเต็มไปแล้วบ้าง แจ๊กพอตออกที่ขบวน Aso Boy รอบเช้าเต็ม เปลี่ยนแผนแรก ไปบ่ายก้อได้ อันนี้โอเค แจ๊กพอตต่อไป Yufuin nomori รอบ 10โมงเต็ม อ่ะไม่เป็นไร ตื่นแต่เช้า ไปรอบ 9โมงกว่าๆก้อได้ ระหว่างนั้น เข้าแถวไปเรื่อยๆ จนถึงคิวเรา เจอคุณน้องน่ารัก ออกตั๋วผิด ต้องออกใหม่ ระหว่างนั้นเอง แจ๊กพอตต่อไป ก้อตามมา ปรากฏว่าคราวนี้  Yufuin nomori ของเราเต็มถึงบ่าย2!! เม่าโกรธ คราวนี้เราเลยต้องออกมาจากแถว แล้ววางแผนใหม่หมดเลย เพราะมันจะกระทบถึงแผนการเที่ยวทั้งหมด รถไฟเต็ม ชีวิตเปลี่ยน!! จนท.จะให้ใบมาให้กรอกว่าไปขบวนใหน กี่โมง เขียน ขีด ฆ่า หลายรอบเลยค่ะ ต้องเปิดเวบ Hyperdia ควบคู่ดูขบวนอื่นๆไปด้วย ใช้เวลาอยู่กับการจองรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เม่าโศก แอบเคืองคุณน้องออกตั๋วให้ผิด ชีวิตเจ๊เปลี่ยนไปเร้ยยย หึหึ แต่ก้อไม่เป็นไรทำให้เรามีเวลาเที่ยวที่ฮากาตะครึ่งวันเช้า เราเสียเวลามาเยอะแล้วค่ะ รีบลากกระเป๋าไปเช็คอินน์โรงแรมก่อน จะได้ฝากกระเป๋าแล้วเที่ยวได้สบายๆหน่อย คืนแรกเรานอนกันที่ Toyoko Inn Ekimae 2 ค่ะ สถานีฮากาตะใหญ่โตมากๆ ห้างเพียบ เดินจนวันกลับยังไม่หมดเลยค่ะ ฝากกระเป๋า ทำเมมเบอร์ไว้ลดราคาเรียบร้อย ไปหาข้าวกินกันค่ะ ตั้งใจไว้คือ Ichiran Ramen สิ่งที่ได้คือ หลง หาร้านไม่เจอ เลยได้ร้านนี้แทนอยู่ชั้นใต้ดินของทางไป subway ค่ะ อร่อยดีแนะนำเลย สามีสั่งคัตซึด้งกับอุด้งร้อนค่ะ ของเราเป็นคัตซึด้ง อร่อยอ่ะ ราคาไม่แพงด้วยค่ะ ถ้วยละ 670เยน ชอบอ่ะ ค่าครองชีพถูกกว่าแถบโตเกียวเยอะเลย อิ่มท้องแล้วไปเที่ยวศาลเจ้าดาไซฟุกันค่ะ นั่ง subway ไปลงสถานี Tenjin คนเยอะเลย ขนาดยังไม่เลิกงานกัน ชื่อสินค้า:   North Kyushu Trip คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

รบกวนตรวจทริปเขาใหญ่ วังน้ำเขียวหน่อยคะ

ออกเดินทางช่วงปีใหม่ จากนครปฐมคะ วันแรกนะคะ ออกเดินทางตอนกลางคืนวันที่ 30 ธันวาคมคะ วันแรก ขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาเดียวดาย จุดชมวิว กม. 30 กม. 9 อ่างเก็บน้ำสายศร จากนั้นลงมา palio primo piazza the bloom by tv pool เดินทางไปวังน้ำเขียวต่อคะ ถึงที่พัก เย็นอาจชมพระอาทิตย์ตกที่ผาเก็บตะวัน หรือจะไปดูกระทิงที่เขาแผงม้าดีคะ วันที่สอง ชมดอกไม้ฟลอร่า พาร์ค ร้านกาแฟ a cup of love ไร่จิมทอมสันฟาร์ม ไร่องุ่นวิลเลจฟาร์ม ตบท้ายด้วยเย็นตามวันแรกว่าจะไปดูกระทิงหรือพระอาทิตย์ตกดี คืนนี้พักที่วังน้ำเขียวอีกคืนคะ วันที่สาม วันนี้วันกลับคะ จะเดินทางไปวัดโนนกุ่ม (สรพงษ์ ชาตรี) ภูกลางฟ้า ฟาร์มโชคชัย อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงคะ ปล. อยากไปวัดพระขาว วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม จะจัดลงวันไหนดีคะ อันนี้คือคล่าวๆ วานผู้รู้ช่วยตรวจอีกทีได้ไม่วนไปวนมา อิอิ ขอบคุณนะคะ 🙏🙏🙏

แชร์ประสบการ์ตะลอนเที่ยวญี่ปุ่น แบบBACKPACKเที่ยวเอง 16 วันจ้า [TOKYO KAWAGUCHIKO OSAKA KYOTO]

สวัสดีค่า เราอยากมาเล่าประสบการร์แบคแพคไปเที่ยวญีปุ่น 16 วัน แบบตะลุยด้วยตัวเองร้อยเปอร์เซนต์ครั้งแรก ถ้าพิมพ์ยาวไป อาจจะลงไปดูแค่รูปก็ได้นะคะ แหะๆ ภาพทั้งหมดถ่ายด้วยน้ำพักน้ำแรงการแบกเลนส์และขาตั้งกล้องตะลอนๆของคุณแฟนค่ะ เห็นช่วงนี้คนรู้จักไปกันเยอะมาก เลยเกิดอยากจะระลึกความหลัง และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่เตรียมตัวจะไปไม่มากก็น้อยนะคะ มีคนมาถามเราเกี่ยวกับการเดินทางเองค่อนข้างมากเหมือนกัน แล้วเราก็ชอบตอบคำถาม สนุกจริงๆ ^^ สมาชิกมีเรากะคุณแฟน รวม2คนค่า (เกินว่านี้มองไม่เห็นด้วยตา ..) เนื่องจากจองตั๋วล่วงหน้าค่อนข้างนาน จองเดือน มีนา ไป พค. เลยมีเวลาหาข้อมูลเยอะมาก พอได้ตั๋วแล้วก็รีบจองโรงแรม เราแนะนำพวกเว็บช่วยจองโรงแรมนะคะ เพราะเราจะหาตำแหน่งและรายละเอียดของโรงแรม รีวิวต่างๆ โดยเฉพาะความสะอาด,  ระยะทางจากรถไฟฟ้าถึงตัวโรงแรมได้สะดวกมากๆ และราคาก็ค่อนข้างดี ถ้าจองล่วงหน้านานหน่อย แนะนำเพื่อนๆว่า ศึกษาให้ดีก่อนจองโรงแรมนะคะ ง่ายๆคือ ที่โตเกียว จองที่เดียวไปเลยเอาให้ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากที่สุด ส่วนตัวเราคือเดินให้น้อยที่สุดถ้าไม่จำเป็นเพราะมันกินพลังงานมากๆ  อันนี้ปกติ และอย่าง โอซาก้า เกียวโต นาระ ฮิโรชิม่า แถบๆคันไซ ให้จองรร.ที่ใดที่หนึ่งไปเลย เพราะเรามีJR PASS นั่งชินคันเซนไปกลับได้สบายๆ จองหลายที่แบกสัมภาระเหนื่อย กว่าจะเชคอินเชคเอาท์ฝากกระเป๋าด้วย เมืองที่เราไปมี -โตเกียว -คาวากูชิโกะ(ฟูจิ) -โอซาก้า -เกียวโต เราจะแปะแพลนเราให้ดูเลยนะคะ แต่พอไปถึงก็มีปรับๆบ้างแต่ถือว่าน้อยมาก เพราะเราก็เอาแพลนมาให้คนในpantip ช่วยตรวจเหมือนกัน เอิ้ก.. เริ่มกันเลยๆๆ Good Bye Bangkok.. วันแรกไปถึงโตเกียวค่าาา ในที่สุดก็ถึงสนามบินนาริตะ..ก่อนอื่นเลย เราก็หาข้อมูลไว้แล้วว่าเราจะอยู่โตเกียวแค่คืนนึงแล้วคืนถัดไปเราจะไปพักคาวากูชิโกะเลย เดินทางย้ายที่พักค่อนข้างมาก ทำให้เราคิดว่ากระเป๋าใบเท่าบ้านไม่น่าจะสามารถจะเดินทางขึ้นรถไฟต่อรถบัสได้อย่างสะดวก เราจึงตัดสินใจว่าจะส่งกระเป๋าใหญ่ไปโอซาก้าเลย แล้วเก็บเสื้อผ้าบางส่วนไว้ในเป้เพื่อเที่ยวใน 2 วันแรก เราจึงต้องคัดสิ่งที่จำเป็นจริงๆไว้ในเป้ติดตัว แล้วส่งกระเป๋าไปโรงแรมที่โอซาก้าก่อนเลย ด้วยบริการ YAMATO แมวดำ คิดราคาตามขนาดกระเป๋าจ้า จะมีเคาท์เตอร์รับฝากอยู่ที่สนามบินเลย เนื่องด้วยความบ้านนอก พอถึงสนามบิน อากาศมันก็อบๆอ้าว พอประมาน เรามีเช็คอุณภูมิไปนะ แต่ก็กึ่งๆ 10ปลายๆ 20ต้นๆ คิดว่าไม่หนาวหรอก โยนเสื้อหนาวทั้งหมด ลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ส่งไปโอซก้าเลยจ้าา... แล้วก็ไปซื้อตั๋วรถไฟของ SKY LINE เข้าเมืองโตกียว ไปพักคืนแรกที่อิเขะบุคุโระ ตื่นเต้นจิงๆ บอกพนักงานเลยนะคะว่าเราจะไปที่ไหน พนักงานจะยื่นตั๋วให้เรา2ใบ ใบใหญ่ๆสำหรับนั่งเข้าเมือง ใบเล็กคือเราต้องเปลี่ยนสายนั่งต่อไปสถานีอิเขบุคุโระ ซึ่งตอนเข้าต้องเสียบบัตรพร้อมกันไปเลยนะคะ ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้เหยียบพื้นดินญี่ปุ่นเลยนะคะ มีรถไฟต่ออกไปอย่างสะดวกสบาย ทำให้ยังไม่ได้เผชิญอากาศที่แท้จริง เมื่อได้สัมผัสอากาศเมืองถึงสถานีอิเขะบุคุโระแล้วนั้น ก้ โอ้ว ..หนาว คือหนาวแบบทนได้ แต่ก็หนาว... จากนั้นก็เชคอินที่โรงแรม อันนี้พักคืนเดียวนะคะ แล้วก็ออกไปตามลายแทงแรก .. ราเมงในตำนาน เดินหาด้วยGPSจากApps Google นี่แหละค่ะ แนะนำว่า ถ้าใช้เก่งๆแล้วมันมีประโยนช์มากๆๆเลยนะคะ ถึงจะงงๆบ้างแต่ถ้าไม่มีนี่อดกินชัว.. และะที่นี่ก็อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ คือตามสเตปญี่ปุ่นคือต้องต่อแถวเลยค่ะ  อร่อยจนถึงผักเครื่องเคียง เอาจริงๆเป็นคนชอบกินราเมงมาก ยังไม่เจอที่ไทยอร่อยเท่านี้เลย เฉียดๆอย่างมาก..ไม่เชื่อขอท้าให้ไปลองจริงๆจากใจ หลังจากนั้นกลับโรงแรม ห้องเล็กแต่โชคดีพอเหมาะกับสัดส่วนตัวเอง 555 ห้องน้ำเปิดไปตกใจ ไหนโถส้วม หาไปหามา อ้อ อ่างน้ำเลื่อนได้มันครอบอยู่ สมมติเราจะอาบน้ำก็เลื่อนมาครอบโถส้วมไว้ พอจะใช้ก็ลากออกมา..ทุกอณูมีค่าจริงๆ (ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ ลืมมม แงงง)  และสติดับวูบไปตั้งแต่สองทุ่มเพราะว่าไม่ได้นอนบนเครื่องเลย นอนไม่หลับ เราบินถึงตอนบ่าย2 แหะๆ กว่าจะเข้าเมืองก็4 โมงเย็นแล้ว (เอาเวลาคืนแรกของช้านคืนมาา) จบวันแรกไปแบบเบาๆพองาม เพราะสติหายไปเร็วมากเลยค่ะ แก้ไขข้อความเมื่อ