วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Review : Work and Travel in 2012 ... การเผชิญโลกของสาวตัวกลมมมครั้งแรก!!!! [2]

และแล้วเราก็มาถึงช่วงประสบการณ์เริ่มงานกันซักทีนะค่ะ หากใครเพิ่งมาและอยู่ๆมาอ่านตอนนี้ กลับไปอ่านตอนแรกได้เลยย ตามลิ้งค์นี้เล๊ยยยยยยยยย!!!http://pantip.com/topic/32692205 เรามาเริ่มประสบการณ์กันเลยดีกว่า Let's GOOOOO!!! ***************************************************************************************************************การมีนายจ้างที่ดี มันก็ดีไปทุกวัน หลังจากที่เจอปีเตอร์แล้ว เรารู้สึกเลยว่านายจ้างของเราคนนี้มี energy สูงมาก เป็นคนตลกทีเดียว อารมณ์ดี ไม่ค่อยจะชอบอยู่นิ่งเท่าไหร่ เพราะดูจากการพูดคุยระหว่างขับรถกลับเมืองที่เราต้องทำงานนั้น เอ่อ.. จริงๆแล้วเราได้แต่นั่งยิ้มอ่ะนะ ถามคำ ตอบคำ มีแต่เพื่อนเราคุยกับเค้าเท่านั้น จนแกหันมาถามว่าทำไมไม่ยอมคุยกะแก (ตอนนี้เพื่อนเราเงียบค่ะ มันกำลังดูว่าเราจะยอมพูดมั้ย?) เราก็ไม่ยอมพูดค่ะ ได้แต่ยิ้มอีกรอบ ปีเตอร์แกเลยเตือนมาเบาๆว่า ถ้าเราไม่ยอมพูด ใครจะเข้าใจ ผิด ถูกก็ขอให้พูด พูดเท่านั้นจะไร้ปัญหา แล้วแกก็ทำมือเหมือนให้ขยับปาก เราเลยต้องยอมรับและตอบกลับไปว่า "OK" เท่านั้นเลยจริงๆ แล้วแกก็คุยเกี่ยวกับร้านแกค่ะ แกมี MOTEL ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารของแก ชื่อ Ocean pins และนั่นจะเป็นที่พักของเราค่ะ ปีเตอร์กับภรรยาของเค้ามีร้านอาหารที่ทำด้วยกัน 2 ร้านค่ะ คือร้าน Van Rensselaer's และ Catch of the day ซึ่งสองร้านนี้ห่างกันแค่ Motel คั่นกลางแค่ที่เดียวเท่านั้น ร้านแรกแกเปิดมานานแล้วค่ะ ซึ่งมีชื่อเสียงเลยทีเดียวในแถบนั้น และหลังจากนั้นแกเลยขยายร้านโดยเปิดร้านที่ 2 แยกออกมา โดยให้ภรรยาแกดูแลร้านแรกเป็นหลัก และปีเตอร์จะดูแลร้านสองเป็นหลัก แต่ช่วงไหนร้าน Vr's คนเยอะ ปีเตอร์จะเข้าไปช่วยบ้างค่ะ พอคุยกันได้เรื่อยๆ จนใกล้ถึงเมืองที่เราต้องมาทำงานแล้วค่ะ ปีเตอร์เลยแวะเมืองใกล้ๆให้เราได้ซื้อของใช้ส่วนตัวกันก่อน อาหารขนมบ้างส่วนค่ะ เมือง Orleans เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่เกือบท้ายๆของแผ่นดินที่ยื่นออกจากตัวรัฐ MA ในส่วนของ Cape Cod bay ค่ะ เพราะแถบนี้จะทำประมงกันส่วนใหญ่เนื่องจากติดกับมหาสมุทรแอตแลนติคค่ะ และสิ่งที่ขึ้นชื่อของอ่าวนี้คือ Lobster ค่ะ กุ้งยักษ์นี่เอง เรามีปัญหาเกี่ยวกับเจ้านี้ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกตอนนึงนะค่ะ ที่เมืองนี้จะมีห้างอยู่แค่ T.J. Maxx และ Super Stop&Shop ค่ะ ปีเตอร์จอดพักให้เราทำการซื้อของ และแนะนำว่าที่นี้มีอะไรอร่อยและดีต่อสุขภาพบ้าง เลยทำให้รู้ว่า ตอนนี้แกกำลังควบคุมน้ำหนักตามหมอสั่งอยู่ ฮ่าๆๆ ... หลังจากที่เราจจ่ายเงินกันเสร็จ ปีเตอร์ก็ขับพาเราเข้าสู่เมืองเป้าหมายแล้วล่ะค่ะ เมือง South WellFleet ที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี้เป็นเวลา 2 เดือนนิดๆก่อนจะกลับไทยไปฝึกงานต่อ รอปีเตอร์เติมน้ำมันค่ะ พอเข้าสู่เส้นทางที่เราจะไปที่ร้าน Vr's นั้น ระหว่างทางปีเตอร์จะแนะนำว่าที่นี้คืออะไร มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง โดยหลักๆที่เราเห็นตามระหว่างทางนั้นส่วนมากจะเป็นร้านอาหารและ MOTEL แต่จะมีที่น่าบันเทิงใจหน่อยก็คือ มีโรงหนังที่สามารถขับรถเข้าไปดูได้ชื่อThe Wellfleet Drive-in and Cinemas Complex แต่ก็สามารถดูแบบในโรงได้เช่นกันนะ อีกหนึ่งความภูมิใจที่ผ่อนคลายของเค้าคือ Marconi Beach นั่นเอง ซึ่งหาดนี้มันไม่ไกลจากที่พักเราด้วย ถ้าเกิดปั่นจักรยานนั้นจะใช้เวลา เกือบๆครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้นะ ไม่นานเราก็เริ่มเห็นป้ายที่พักและที่พักเราแล้วค่ะ ปีเตอร์บอกว่า ร้านอาหารก็แค่เดินไปสามนาทีก็ถึงแล้ว ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ว่าค่ะ ใกล้มากจริงๆ ร้าน Vr's ตั้งเยื้องเลยแยกไฟแดง Marconi Beach ไปคืบเดียวค่ะ ร้านอาหารเป็นร้านขนาดกลางไม่ใหญ่มาก ถ้าเทียบกับร้าน Catch of the day หลังจากปีเตอร์เลี้ยวเข้าจอดที่ร้าน Vr's แล้ว เค้าบอกว่าให้ไปเจอภรรยาเค้าก่อนเพราะเธออยากเจอเราสองคนว่าเป็นยังไง และถามเหมือนที่แกถาม ซึ่งถ้าตามความรู้สึก แกคงอยากจะสัมภาษณ์เราแบบ Face to Face นะ ปีเตอร์ให้เราสองคนยืนรอแกก่อนแล้วค่อยเข้าไปพร้อมกันเพราะแกต้องถือของที่แกซื้อมาเข้าร้าน เรามองไปรอบๆร้านแล้วรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในแบบครอบครัวและเป็นกันเองอย่างบอกไม่ถูก ปีเตอร์เดินนำเราเข้าไปในร้าน ก่อนจะให้เราทั้งคู่ไปนั่งที่โต๊ะติดกับ เคาท์เตอร์บาร์ ไม่นานปีเตอร์ก็มาพร้อมกับภรรยาของเค้า แถมเจ้าหมาตัวยักษ์เดินตามมาด้วยไม่ห่างตัว เธอแนะนำตัวเองด้วยความเป็นกันเอง แกชื่อ Diane และแนะนำหมาของแกต่อ เราจำชื่อมันไม่ได้ แต่มันเป็นหมาตัวโตที่น่ารักนะ ไม่ดุ ไดแอนบอกว่ามันไม่สบาย มันเลยเงียบๆช่วงนี้ จากนั้นได้แอนน์ก็เริ่มบอกเกี่ยวกับสเขปงานว่าต้องทำอะไรบ้างไว้คร่าวๆและอีกหนึ่งสิ่งคือ ร้านนี้เปิดให้บริการวันที่ 12 เมษา ซึ่งเราทั้งคู่มาก่อนร้านจะเปิด เลยต้องช่วยกันทำความสะอาดร้านและเตรียมความพร้อมให้บริการ แกบอกว่า หลังจากเสร็จงานตรงนี้นั้นจะพาไปเลี้ยงต้อนรับที่ร้านอาหารไทย เพื่อนของแกที่อยู่เมืองใกล้เคียงกันซึ่งก็คือเมือง Eastham แต่ในวันนั้นแกแค่ให้เรานั่งกินน้ำ เล่นกับหมาแล้วให้เรากลับที่พักเพื่อไปพักผ่อนก่อนจะถึงเวลานัดกันตอนเย็น ป้ายร้านเรา ใหญ่พอมั้ย? 5555 สังเกตุป้ายสีฟ้าๆ ตรงเสาไฟ มันอยู่ตรงแยกไฟแดงที่ติดกับร้าน Vr's เลยค้าาา บรรยากาศอีกฝั่งของร้านค่ะ Mrs. Diane Elizabeth Hall Welcome Drink ด้วยน้ำส้มค่ะ อร่อย =)    หลังจากแยกจากไดแอนนั้น ปีเตอร์ก็ขับรถพาเรามาที่พักเพื่อที่จะได้เอากระเป๋าเดินทางลง เพราะความคิดเรา ถ้าจะให้แบกมาเอง หลังเดาะกันพอดี .. ปีเตอร์ช่วยเอากระเป๋าลงให้ก่อนจะให้กุญแจที่พักพร้อมกับการ์ดสมาชิกของ Super Stop&Shop มาให้ แล้วแกก็ย้ำอีกทีเรื่องนัดตอนเย็นก่อนจะขับรถออกไปโดยทิ้งให้เราอยู่หน้าห้องพัก ห้องพักของเราจะอยู่ริมสุดของที่พักและจะติดกับห้องซักล้างซึ่งมันเป็น Basement ต้องเดินลงไปข้างล่างถ้าอยากจะซักเสื้อผ้า และมีโทรศัพท์ไว้ให้ มันก็อยู่รวมกันที่ห้องนี้ทั้งหมด เรากับเพื่อนพากันลากกระเป๋าเข้าเก็บในห้องพักทันทีที่ไขกุญแจเสร็จ ห้องก็เหมือนพวกรีสอร์ททั่วๆไปของตามพวกถิ่นท่องเที่ยว ซึ่งโดยรวมแล้วถามว่าชอบมั้ย? มันอยู่ได้ ไม่เดือดร้อน ก็ดี ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยด้วย ห้องพักมีเครื่องอำนวยความสะดวกเกือบครบนะ ถ้าไม่เน้นพวกทำอาหาร เพราะที่นี้มีตู้เย็น เตาไมโครเวฟ ทีวี จาน ช้อนส้อม แก้วน้ำให้พร้อมแถมน้ำอีก 4 ขวดในตู้เย็นด้วย ... ในตอนแรกที่เห็นเตียง เราแทบอยากจะจมลงไปกับเตียงเลย มันเพลียร่างนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยทำอะไรก็เหอะ ตอนแรกตกลงกันว่าจะจัดของ ไปๆมาๆ พากันหลับไม่รู้เรื่องเลยค่ะ หน้าห้องพักเราค่ะ หลายเลข 6 เดินออกไปก็ถนนใหญ่แล้ว ข้างๆริมรั้วนั้นก็จะเป็นบ้านพักของเชฟค่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานขนาดไหน มารู้ตัวอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอกค่ะ ทำให้ได้รู้เลยว่า นี่มันกลางคืนแล้ว เราเดินลงจากเตียงด้วยความงัวเงียไปเปิดประตู สิ่งที่เห็นคือปีเตอร์ก้มลงมามองหน้าแล้วถามว่า ยังจำนัดของเราได้มั้ย? ตอนนั้นสติฉันยังกลับมาไม่ครบร้อยหรอกค่ะ สักแต่ว่าจะไปนอนต่อ เลยตอบแกไปว่า ลืม! ปีเตอร์ขมวดคิ้วแล้วถามกลับว่าไปไหวมั้ย? หรืออยากนอนพักต่อ ไอ้เราก็มองหน้าแกสลับกับหันไปดูเพื่อนที่นอนมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและคงยังไม่รู้เรื่องว่านายจ้างมาตามไปกินข้าว ... และเราก็หันกลับมาตอบอปีเตอร์อีกครั้งว่า ขอนอนต่อแล้วกัน รู้สึกยังเพลียอยู่ เขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะบอกให้เราปิดประตูล็อกกลอนแล้วขับรถออกไป ... ตอนนั้นเรารู้สึกแย่นะ แต่ด้วยความที่อยากนอนมันมากกว่า เลยต้องเชื่อฟังคำพูดผู้ใหญ่ทันที ปิดประตู ล็อกกลอน แล้วเดินกลับมานอนที่เตียงแบบเดิม!! *************************************************************************************************************** ชื่อสินค้า:   Work and Travel คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น