วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ประสบการณ์เจอมิจฉาชีพตามสถานที่ท่องเที่ยว
ความจริงอยากตั้งเป็นกระทู้คำถามเหมือนกัน ว่าเพื่อนๆเคยเจอมิจฉาชีพกันบ้างหรือเปล่าเวลาไปเที่ยว
เพราะเราเพิ่งเจอมา ไม่ถึงกับสดๆร้อนแต่ก็สองสามเดือนได้ค่ะ
คือเราบังเอินได้ไปเป็นไกด์ให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น อารมณ์ประมาณลุงป้าวัยเกษียณน่ะคะ
บอกก่อนว่าไม่ใช่มืออาชีพ เพราะเรามีงานประจำอยู่แล้ว แค่มีเพื่อนแนะนำมาก็เลยมาลองดู
ประกอบกับเป็นคนชอบเที่ยว ก็เลยคิดว่า เออ มันคงสนุกดี
ดังน้นแพลนการเดินทางมันก็ง่ายๆค่ะ เน้นวัฒนธรรมไทยเป็นหลัก
ซึ่งก็หนีไม่พ้นวัดพระแก้ว
อันนี้ยอดฮิตสุดๆ เข้าไปนี่นึกว่าเป็นชนกลุ่มน้อย เจอแต่คนจีน คนฝรั่ง
ความจริงวัดพระแก้วเราเคยไปสมัยเด็กมากแล้ว แบบไปกับโรงเรียนอะไรพวกนี้
เพราะฉะนั้นเราจะไม่เคยไปเองค่ะ
สำหรับกลุ่มเราเป็นกลุ่มเล็กๆค่ะ มีคนญี่ปุ่นสองคนลุงป้า
และก็ไกด์คนไทยคือเรากับเพื่อนรวมทั้งหมด สี่คนค่ะ กลุ่มเล็กๆเลย
พวกเราเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งพาเรามาจอดแถวๆประตูก่อนถึงประตูทางเข้าค่ะ
พอลงรถมา เรากับเพื่อนซึ่งไม่ได้มาเป็นปีแล้ว ก็งงๆนิดหน่อยค่ะ
ว่าจะเข้าทางไหนนี้ บังเอินเห็นรถบัสพาทัวร์มาลงเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก็เลยคิดว่า
นั่นละ ทางเข้าแน่นอน ก็เลยพากันเดินจะไปที่ประตูทางเข้า
จู่ๆ ก็มีผู้ชายร่างท้วมๆคนนึง เดินมาขวางหน้าพวกเราเลย
แล้วนางก็บอกว่า "วันนี้วัดพระแก้วปิดครับ"
เรากับเพื่อนงี้งงกันเลย ห๊ะ มันเปิดทุกวันมิใช่หรือยูววว
ก็เลยถามไปว่า "ทำไมปิดละคะพี่"
"วันนี้วันพระก็เลยเปิดถึงแค่สิบเอ็ดโมง"
เหลือบดูนาฬิกา แหม อัลไลจะเป๊ะขนาดนี้ อีกครึ่งชั่วโมงสิบเอ็ดโมงพอดี
"แล้วเปิดอีกทีเมื่อไหร่อะพี่"
"บ่ายโมงนะน้อง วันนี้มีพิธี" พิธีอัลไลก็ไม่บอก แล้วนางก็เสริมต่อนะ
"ยังงัยมันก็เข้าไม่ได้ ไปเดินตลาดน้ำ(อะไรซักอย่างที่อยู่แถวนั้น เราจำไม่ได้)เล่นก่อนไม๊คับ เหมารถตสามล้อไปสี่สิบบาท"
นางพูดพร้อมชี้ชวนไปที่รถสามล้อซึ่งจอดรออยู่พอดีเลยยยย
ตอนนั้นเรากับเพื่อนก็งงๆอยู่ ลุงกับป้าก็มองหน้าเรากับเพื่อนประมานว่า เกิดอะไรขึ้นก๊ะ ฟังไม่รู้เรื่องนะก๊ะ อัลไลกันก๊ะ
เพื่อนเราก็เลยอธิบายคร่าวๆ ระหว่างนั้น นางก็เร่งให้เราตัดสินใจใหญ่เลยนะ
"ไปไม๊น้อง สี่สิบบาท"
เพื่อนเราก็ยังคงซื่อตามเรา "เดินไปไกลไม๊ค่ะพี่"
"ก็ไกลนะ ประมาณครึ่งชั่วโมง นั่งรถไปเร็วกว่านะ"
ตอนนั้นเรากับเพื่อนก็แบบ เอางัยดี
ระหว่างนั้นเราก็เหลือบมองเข้าไปในประตูวัด ซึ่งไม่ใช่ทางเข้านะค่ะ
ก็เห็นคนเดินกันเต็มไปหมดนะ ก็เลยเริ่มเอะใจละ
"ตกลงวัดปิดกี่โมงพี่"
"สิบเอ็ดโมงครึ่ง" แน่ะ เลื่อนเวลาเสย -*-
"แล้วทำไมข้างในคนเต็มเลยอะ"
"อันนั้นเค้ามากับทัวร์ เค้าของไว้แล้ว" หราาาายะ
ระหว่างที่นางก็ยืนกันทางเราไว้ ส่วนเพื่อนเราก็คุยกับลุงและป้าอยู่
เราเลยตัดสินใจเดินไปหาพี่ทหารที่ยืนเฝ้าหน้าประตู เพื่อความชัวร์ พี่เค้าต้องฟันธงให้เราได้อย่างแน่นอน
"พี่ค่ะ วัดปิดหรือเปล่าค่ะ"
พี่ทหารตอบมาสามคำอย่างเสียงดังฟังชัดสุดๆ
"ไม่ ปิด ครับ"
-*- ดีออก....
แล้วเราก็เดินไปหาเพื่อนบอกให้พาคนญี่ปุ่นไปกันเถอะ ไม่ต้องสนทนาแล้ว
ส่วนอีพี่คนนั้นคงรู้แล้วว่าหลอกเราไม่ได้ ก็เลยถอยทัพไป
เราเองก็ไม่ได้สนทนาอะไรกับนางอีก เพราะอยากพาคนญี่ปุ่นเดินออกจากปริเวณนั้นเร็วที่สุด
สรุปตอนนั้น เราเลยเข้าใจแล้วละว่าคนพวกนั้นเป็นพวกมิจฉาชีพ หลอกเอาเงินนักท่องเที่ยวจากการพานั่งสามล้อไปตลาดที่ไกลจากวัด
โดยตลาดดังกล่างเป็นแค่ตลาดธรรมดาเฉยๆ ไม่ใช่ตลาดน้ำอัลไลเลยยย
-*-
และคนพวกนี้จะใช้การ "เร่งให้รีบตัดสินใจ"
โดยจะถามเราเร็วมาก แล้วจะถามย้ำตลอดด้วยท่าทางเร่งรีบ
แล้วเราก็จะงงๆลนๆ รีบๆตัดสินใจ
เพราะงั้นอยากให้ทุกคนระวังกันด้วยนะคะ
วันนั้นหลังจากเดินมาถึงทางเข้า เราเดินไปบอกพี่ทหารที่ยืนอยู่หน้าประตูว่าเนี่ย เราเจอมิจฉาชีพแบบนี้
ถ้าเค้าไปหลอกต่างชาติอะ แต่คงเพราะเราถามผิดคนมั้งค่ะ พี่เค้าตอบมาแค่ว่า
"คงทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะจะจับได้ก็ต่อเมื่อเดินไปเจอเท่านั้น ต้องให้ผู้เกี่ยวข้องมาจัดการเอง"
เราก็แบบ เฮ้ย มันยืนอยู่ตรงนั้นงัยพี่ นู๋พาเดินไปดูเหง้าหน้ามันเอาแม๊ะ -*-
ก็แอบเคืองพี่ทหารเค้าเล็กน้อย แต่พอเข้ามาในวัดเราก็ไม่ได้เดนไปบอกเจ้าหน้าที่ในวัดโดยตรงนะคะ
ยอมรับว่าก็งงๆอยู่ ลืมไปเลยว่าควรบอกเจ้าหน้าที่ -*-เสียดายเหมือนกัน
ขอย้ำอีกทีค่ะ ให้ระวังดีๆ
เรื่องพวกนี้แหละ ที่ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว
ใครมีเพื่อนไม่ว่าจะชาติไหนก็บอกต่อกันด้วยนะคะ
เค้าจะได้ระวังเนื้อระวังตัว
หรือใครมีเรื่องอยากแชร์ก็เต็มที่เลยค่ะ
ถือว่าเราสู่กันฟังเป็นอุธรหรณ์ค่ะ
ไปละคะ บั๊ย แก้ไขข้อความเมื่อ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น