วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สังขละบุรี ที่ที่หลายคนใฝ่ฝัน

สวัสดีจ้าทุกคน เราเป็นพวกบ้าเดินทางคนหนึ่งที่ชอบค้นหาอะไรใหม่ๆไปเรื่อย
หลายต่อหลายครั้งก่อนไปไหน จะต้องแวะมาอ่านรีวิวของเพื่อนๆมากมายกายกอง
จะได้พอมีแนวทางคร่าวๆในการเดินทาง
แต่ไม่เค้ยไม่เคยเอาเรื่องราวของตัวเองรีวิวสักครั้ง
เพราะขี้เกียจด้วยแหละ 555 ปกติเราจะมี personal page เอาไว้อัพรูปที่ตัวเองถ่ายเวลาไปไหนมาไหน (https://www.facebook.com/Talayandme)
ก็เลยไม่ชอบไปเขียนหลายๆที่ซ้ำ
แต่วันนี้รู้สึกอยู่ดีๆก็อยากลองเขียนสักเรื่อง
ก็เลยเลือกสังขละบุรีละกัน เพราะเป็นทริปแรกที่ไปแบบคนเดียว
ทริปแรกที่เพื่อนยัดกล้องฟิล์มรุ่นปู่ ราวกับรู้ว่าเรากำลังโกหกว่า เอ้ยไม่ได้ไปกะเพื่อน(โกหกเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง)
เราบ้าลุยทั้งๆที่รู้ตัวเองว่าเป็นคนขาดความระมัดระวัง
เพื่อนรอบข้างที่สนิทก็เลยชอบเป็นห่วง (แต่ปัจจุบันเริ่มชินกันละ)

เข้าเรื่องเลยละกันเนอะ ... เราเดินทางไปกาญโดยขึ้นรถจากสายใต้หมอชิตประมาณ 9.30
ถามว่าทำไมสายขนาดนี้ ก็เพราะว่าไม่ได้คิดว่าจะไปจริงๆนะซี้
แต่บังเอิญตื่นมา 8 โมงรู้สึกว่าจะล้มความตั้งใจหรอวะ ไม่แมนเลย (จริงๆสาวนะ)
ก็เลยเอาก็เอาวะ ไปดีกว่า ไปดูสิว่าจะเจออะไรข้างหน้าบ้าง
ไม่ต้องแพลนอะไรทั้งสิ้น เอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ขึ้นรถไปหมอชิต ซือตั๋วรถทั๋วแล้วก็ไปกันเลย...
รถที่นั่งไป โอ้แม่เจ้า!!! กินเวลาไป 4 ชั่วโมง กว่าจะถึงบขสกาญเกือบบ่าย
ถามว่ารถประจำเมืองที่ไปสังขละมีไม๊????
มีจ่ะ แต่ แต่ กว่ายูวววจะถึงสังขละอีก 6 ชมเลยนะจ๊ะ =..=
ศรีก็เลยตัดสินใจเดินทางโดยรถตู้เลยจ๊ะ สามชั่วโมงกว่าถึงเลย
วันนั้นก็เลยถึงสังขละประมาณสี่โมงเย็น และด้วยความที่ช่วงที่ไปเป็นเดือนพฤษภาคมและยิ่งเป็นวันธรรมดา ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
การหาที่พักจึงไม่ใช่เรืองยาก แต่ด้วยความเอ๋อและเพ้อเจ้อที่อยากนอนบนแพริมน้ำ
ก็เลยได้แพของซองกาเรียรีสอร์ท แพใหญ่มากๆ เอาเป็นว่ามี 3 ห้องนอน
เราได้นอนคนเดียวในราคา 400 บาท ถามว่าแพงไม แพงนะลูกกก เพราะที่พัก 150 ก็ยังมี
สิ้นเปลืองมาก แถมหลอนมากกกก เพราะมีแค่เราคนเดียวในค่ำคืนนั้นละ 555
แต่เอาเป็นว่าก็ผ่านมาได้ อากาศเย็นน่านอน บรรยากาศเนิบๆ สงบ
ถ้าใครต้องการที่พักสมองและที่พักใจ อยากไปอยู่ในโลกของตัวเองเราแนะนำแบบนี้เลย ^^

เราคงไม่ได้พูดเรื่องราวอะไรละเอียดมากมาย เพราะคิดว่าคนอื่นคงเล่ากันไปเยอะแยะมากมายแล้ว
วันนี้แค่อยากเอามาให้ทุกคนเห็นบรรยากาศของสังขละที่เป็น "วิถี" ปกตินอกฤดูท่องเที่ยวของที่นี่
เผื่อใครที่อยากไปในช่วงที่คนไม่เยอะนะจ๊ะ มาดูกันเลยยยย



ถ้าเลือกได้อยากอยู่ในที่แบบนี้ ที่ๆมีภูเขา มีน้ำ มีลมเย็นๆ มีบ้านเล็กๆ ไม่กี่หลัง ..
สถานที่นี้คือสังขละบุรี การมาถึงที่นี่ จะมาถึงได้ ต้องพกพาบัตรประชาชน เพราะต้องฝ่าด่านตรวจมากมาย จนแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียวละ ระหว่างทางจะผ่านทั้งอำเภอทองภาภูมิ เขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ที่น่าเดินป่าเป็นที่สุด และวิวสวยๆตอนขึ้นเขาคล้ายๆกับการขึ้นภูทับเบิก เมื่อมาถึงที่นี่ ฝั่งตรงข้ามเป็นเขตมอญ เราเองก็คงจะหาที่นี่ไม่เจอ ถ้าไม่ได้พี่วินมอเตอร์ไซด์มาส่ง เวลาที่ไปถึงตอนนั้นประมาณบ่ายสาม-สี่โมงได้ แต่โชคดีที่อากาศเป็นใจ เลยไม่ร้อนเท่าไหร่ แต่เหงื่อก็ออกอยู่ดีละ ก็ตัวคนเดียว มีแค่ใจที่กำลังถูกท้าทายอยู่ว่า การค้างคืนและเที่ยวที่นี่ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร




บางครั้งคนเราก็จดจำทุกภาพและความรู้สึก ทั้งๆที่ก็รู้ว่า ไม่มีวันกลับมาเป็นเช่นเดิม



บทความหนึ่งที่เขียนไว้แทนความคิดภาพนี้คือ
บางทีฉันก็แค่อยากนั่งมองท้องฟ้าไปสักพัก
ถามว่าคิดอะไร?
ถามว่าเป็นอะไร?
ถามว่าเป็นยังไงบ้าง?

ฉันไม่มีคำตอบสำหรับสิ่งเหล่านั้น
ฉันคงตอบได้แค่ว่า
ฉั น ส บ า ย ดี

ท้องฟ้าไม่เคยเหมือนเดิม
แค่อยากนั่งพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของมัน
ทำไมถึงไม่เหมือนเดิมนะ?
เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?
ลวดลายที่เธอวาดบนตัวแต่ละครั้ง
มันล้างออกไปได้อย่างไร?
เธอเก่งจัง...เคยเหนื่อยบ้างไม


ฉันไม่รู้คำตอบของเธอ
แต่ฉันรู้คำตอบของตัวชั้นเอง
ฉัน ไม่เคยเบื่อเธอเลย
ไม่ว่าเธอจะมองตัวเองอย่างไร
เธอจงรู้ไว้ว่า ฉันชื่นชมเธอเสมอ...

ฉันไม่สามารถตอบให้ตรงคำถามได้
ฉันคงเล่าได้เพียงแค่นี้
ว่าฉันคุยอะไรกับฟ้าไปบ้าง















รูปต่างๆพวกนี้ก็เป็นวิถีชีวิตปกติของคนที่นู้น ส่วนรูปบนนี่

ชอบเด็กสองคนนี้มาก ตอนเช้าวันนั้นเป็นวันศุกร์หรรษา เด็กมอญจะแต่งชุกประจำชาติเดินไปเดินมากันน่ารักมาก พอถึงหน้าโรงเรียนก็อยากจะเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก เห็นเด็กสองคนนี้เดินมาพอดี เลยเรียกมาเป็นนายแบบซะหน่อย น้องสองคนนี้ก็ว่าตามง่ายมาก แต่ดูท่าที่น้องสองคนนี้เก๊กสิ หน้านิ่งมาก ตัวยึดตรง ยิ่งกว่าถ่ายรูปบัตรประชาชน ไอ้เราก็ถ่ายไปหัวเราะไป แบบว่าน้องคะ ยิ้มก็ได้นะพี่ไม่ว่า ยิ้ม)



รูปนี้ถ่ายเบลอ แต่มันมีเรื่องราวนะ ในเช้าของวันที่2 เราไปเดินเล่นฝั่งนั้นเช้าตรู่มาก
เดินๆถ่ายรูปไปก็หิว ก็เจอร้านนึงมีเด็กรุม เป็นร้านขายขนมอยู่ริมถนนไก้ลๆโรงเรียน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยเข้าไปดูสักหน่อยว่ามีอะไรขายบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกลูกอมหรือขนมบ้านเราเนี่ยแหละ แต่ไปสะดุดตรงถุงมาม่า เนื่องจากเช้านั้นตั้งแต่ตื่น ยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวมากกก เจอมาม่าเข้าเลยลองถามดู ถุงละ 2 บาทเท่านั้น ไอ้สีส้มๆนะ เส้นหมี่ ส่วนด้านขวาเป็นมาม่าปรุงเครื่องและผัก จริงๆแล้วอยากกินมาม่ามากกว่าแต่สาเหตุที่ซื้อมาสองแบบก็เพราะ ป้าแกบอกว่า"เนี่ยเส้นหมี่ไม่ปรุงจะได้เก็บไว้ได้นานๆ เวลาปรุงใส่ผักแล้วมันเน่าเร็ว" โอ๊ะ ไอ้เราก็ยังไม่อะไรเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ซื้อแล้วเนี่ยแหละ ไอ้มาม่าที่ปรุงแล้วเนี่ย กลิ่นแบบ...เออะ เอ๊ะใจคะ มันเน่าหรือเปล่าหว่า??? มันเปรี้ยวแบบ ไม่รู้ว่าเขากินกันแบบนี้ หรือ มันไก้ลจะเน่าแล้วจริงๆ แต่เราคิดว่ามันเน่าแล้วมากกว่า ดีนะซื้อเส้นหมี่สี่ส้มมาด้วย ป้าแกเพิ่งทำเลยอุ่นๆ อร่อยมาก ..



นี่คือหมู่บ้านจริงๆ สร้างไว้เป็นชั้นๆ ไล่ๆกันไป อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ลำน้ำ และ ไรมลพิษ ..



นี่คือรถโรงเรียน เด็กเต็มรถ ขณะนั้นเวลาประมาณ 7.30 น.
เมืองนี้มันน่ารักตรงที่เด็กเยอะสมคำร่ำลือที่เคยอ่านในรีวิวต่างๆ
แต่นั้นก็เป็นสีสันของเมืองนี้ ที่ดูท่าว่าหลังเลิกเรียน คงไร้ซึ่งความสงบไปสักพักจนกว่าเด็กๆจะกลับเข้าไปนอนในบ้านของัวเองกัน
การมีประชากรเด็กเยอะขนาดนี้ คงบ่งบอกได้ว่าเมืองนี้กำลังจะขยายตัวในอีกไม่ช้า ไม่เกิน 10 ปี คงมีแต่เด็กเหล่านี้ที่จะตอบได้ว่า พวกเขาจะปฏิบัติอย่างไรกับธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงให้พวกเขาเติบโต?ความเจริญจะเข้าไปทำให้อะไรๆถดถอยหรือดีขึ้น?อีกไม่นาน..











รูปนี้คงคุ้นเคยกันเนอะจุดจอดระหว่างไปทองผาภูมิ



สุดท้ายขออนุญาติแปะรูปเด็กน้อยที่น่ารักมากๆ

ไปละ มาให้ดูแค่นี้แหละ หวังว่าภาพถ่ายจะเล่าเรื่องราวแทนคำพูดต่างๆได้ดี ^^

สวัสดี
ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่เพจเรานะ : https://www.facebook.com/media/set/?set=a.252518121555180.1073741826.120246628115664&type=3


-TalayandMe- ชื่อสินค้า:   สังขละบุรี, กาญจนบุรี คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น