วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิมานบนสวรรค์ "ดอยหลวงเชียงดาว" จะไม่ไปแค่ครั้งเดียว . . .

"ดอยหลวงเชียงดาว" แค่ชื่อก็ชวนให้หลงใหล อยากให้ไปแล้วละค่ะ
เราใช้เวลาตัดสินใจไม่นานที่จะไปเดินทางไปดอยหลวงเชียงดาว การเดินทางครั้งนี้ เป็นการเดินทางที่ให้อะไรกับเรามากมาย …
มิตรภาพ … ชีวิตที่เรียบง่าย … อากาศบริสุทธิ์ … ความอดทน …และ ความทรงจำที่ดี
"ดอยหลวงเชียงดาว" สวย จนเราแทบอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนั้น
ต่อไปนี้จะเป็นบันทึกการเดินทางของเราจากกรุงเทพฯ สู่ดอยหลวงเชียงดาว ค่ะ ^^

ปล.รูปในกระทู้นี้อาจจะไม่สวยงามมากนักเพราะเราใช้กล้องโทรศัพท์ซัมซุง Note3 ถ่ายค่ะ ไม่ใช่กล้องแพงอะไร
จะมีบางรูปที่พี่ๆในทริปถ่ายให้ (รูปที่มีเรา) ก็อาจจะเป็นกล้องโปรบ้าง กล้องเราบ้างจ้าา



ล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯ 20:30 น. ประมาณ 05:30 น. ก็ถึงตลาดแวะซื้อของเพื่อจะนำไปทำกินกันบนดอยหลวงเชียงดาวค่ะ
เราแวะที่เขื่อนแม่งัดเพื่อกินข้าวเช้า ล้างหน้า แปรง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ฯ (ตัวเรานั้นไม่ได้อาบ แฮ่ๆ)
เราต้องนั่งรถ 4x4 ขึ้นไปก่อนประมาณ 1 ชม. ครึ่ง ถึงจะเริ่มเดินได้

เส้นทางที่เราจะเดินก็คือ เด่นหญ้าขัด เส้นทางนี้จะไม่ชันมาก วิวสวยตลอดเส้นทาง มีดอกไม้สวยๆด้วย แต่แอบไกล 8.5 กิโล ค่ะ




ได้เวลาแล้วววว เราเริ่มออกเดินเวลา 11:10 น. ค่ะ ตามทางก็จะได้เห็นวิวสวยๆ ดอกไม้ที่ไม่เคยเห็น …



ดอกเทียนนกแก้ว


ฟองหินเหลือง


บัวตองสีเหลืองสดสวยมากกก









เมื่อเราเดินมาถึงสามแยกก็คือเตรียมตัวเหนื่อยได้เลยเพราะทางจะชันมากกก ลื่นด้วยยย แต่วิวสวยๆก็ช่วยให้ความเหนื่อยหายไป...


ระหว่างทางเดินไปอ่างสลุงค่ะ ก็จะเป็นประมาณนี้ …







ในที่สุดเราก็เดินมาถึงอ่างสลุงเวลา 16:00 น. ใช้เวลาเดิน 5 ชั่วโมงจ้า
ที่นี่เป็นที่พักของเราค่ะ ลูกหาบกางเต็นท์ให้เสร็จแล้วเรียบร้อย ดูนู่นๆๆ ยอดดอยหลวงเชียงดาวอยู่ด้านหลังเรานี่เองงง!!


เราไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ถ้าอยากติดต่อกับใครก็ต้องเดินขึ้นดอยไปนะค่ะ ตอนแรกเราก็จะขึ้นแต่พอคิดอีกทีเก็บแรงไว้พรุ่งนี้ดีกว่า แฮ่ๆ

มาดูโซนสุขากันเถอะค่ะ เราค่อนข้างรู้สึกแย่นิดๆกับห้องน้ำบนดอย 55555 ขุดหลุมอย่างง่ายๆ เอาไม้พาด เอาไม้ปิด แบบนี้ค่ะ


แต่เรามีอุปกรณ์เสริมค่ะ แท่นแท่นแท๊นนนนน ถุงปัสสาวะ เอาไว้ทำธุระในเต็นท์ยามวิกาล เนื่องจากเป็นคนฉิ่งฉ่องบ่อยมากกๆ


สิ่งที่เราไม่คิดว่าจะได้กินบนดอยหลวงเชียงดาวก็คือนี่เลย ไอศกรีมฟรุ๊ตทาเล่ รสเสาวรส !!!!!!! ที่เราไม่เคยคิดจะซื้อกินเลยตอนอยู่ข้างล่าง มันเป็นไอศกรีมที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลยละค่ะ ^^



ถ่ายคู่กับยอดดอยหลวงเชียงดาวหน่อยย อิอิ

แผนกครัวกำลังเตรียมทำอาหารมื้อเย็นแล้วค่ะ คุณลุงลูกหาบในตำนานมาช่วยหุงข้าวด้วย...




อาหารแต่อย่างนี่ เกินความคาดหมายจริงๆค่ะ ไม่คิดว่าจะได้กินแบบนี้ ฟินกันไปตามๆกันเลย ฮี่ๆ

เราเข้านอนไวมากน่าจะประมาณ 2 ทุ่มได้ เพลีย เหนื่อยจากการเดินวันนี้เลยหลับไวมากๆ (ปกตินอนตี1++ นะเนี่ยยย)

เราตื่นประมาณตี 4 ครึ่ง เตรียมตัวขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ……
ลังเลกันอยู่นานจะขึ้นไม่ขึ้นดี ลุ้นว่าเช้านี้จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นไหมนะ
เพราะหมอกลงหนามากๆ และและเราก็ตัดสินใจไปค่ะ ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร
เราใช้เวลาเดินขึ้นไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงยอดกิ่วลมเหนือ ใส่เสื้อกันฝนมาด้วยเพราะเดี๋ยวเสื้อผ้าจะเปียก (น้ำค้างติดอยู่ที่ใบไม้) ไฟฉายคนละอัน เพราะมืดอยู่ค่ะ
ทางขึ้นชันค่ะ แล้วเป็นหินปูนแหลมๆ ต้องระวังนิดนึง










แล้วฟ้าก็เป็นใจ ให้เราเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ….. โครตรู้สึกดีเลยจริงๆนะ ทั้งทะเลหมอกที่ดูนุ่มนิ่ม แล้วก็แสงของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ

เรากินโอวัลติน ขนมปัง กันบนนี้ คุณลุงลูกหาบในตำนานตามมาต้มน้ำให้ด้วยน่ารักมากเลย ^^


ดอกอะไรก็ไม่รู้ อยู่กันเยอะสวยดี ^^





จากนั้นเราก็เดินไปสู่ยอดกิ่วลมใต้ เพื่อดูดอกไม้สวยๆกันจ้าาาาา เดินประมาณ 20-30 นาที



แชะแชะกับคุณลุงลูกหาบในตำนาน !!


ดอก for get me not อย่าลืมฉัน ….. ขึ้นอยู่ริมผาเลย ตอนไปถ่ายก็เสียวๆอยู่เหมือนกัน - -



























บนยอดกิ่วลมใต้มีดอกไม้สวยๆเยอะเลย ต่างก็แข่งกันออกดอกบานสวยสะพรั่ง ดึงดูดใจให้เหล่าตากล้องเข้าไปถ่ายภาพสวยๆกัน ^^
9 โมงกว่าแล้วท้องเริ่มร้อง แฮ่ๆ หิวข้าวแล้วล่ะ - - เดินลงดอยไปกินข้าวกันดีกว่า …

ซักประมาณ 3 โมงกว่าเราก็มุ่งหน้าสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาว….นี่สินะของจริง ทางชันมากTTต้องใช้มือช่วยได้การเดินขึ้น หินก็แหลมสุดๆ

เราใช้กำลังทั้งหมดที่มีอยู่จ้ำๆๆๆๆขึ้นไป ตั้งเป้าหมายไว้ว่าครึ่งชั่วโมงถึง แต่เราใช้เวลาไปแค่ 25 นาทีก็ถึงยอดดอยหลวงเชียงดาว
ขึ้นมาถึงปุ๊บ หอบแฮ่กๆจ้า
ไม่นานความเหนื่อยก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เพราะภาพที่เราเห็น...รอบตัวเรา มันสวยงามจริงๆ เหมือนเราได้อยู่บนสวรรค์
ลมเย็นๆพัดโกรกตลอดเวลา เรารู้สึกเย็นๆ ตัวเบาๆ อย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกตอนที่อยู่ตรงนั้นมันอธิบายได้ยากจริงๆ … คืดต้องลองมาเองจะเข้าใจ ^^


ภาพนี้ที่รอคอย ^^ 55555 ถ่ายกับป้ายแล้วจะมีความรู้สึกภูมิใจมากๆว่า เห้ยยย ฉันเดินมาถึงนะ !!




มีสัญญาณโทรศัพท์ เอาหน่อยๆๆๆ 55555




ช่างภาพต่างก็หามุมตั้งกล้องเพื่อเก็บภาพสวยๆ บางกลุ่มก็จดจ่ออยู่กับการซูมๆๆกล้องเพื่อดูกวางผา หรือม้าเทวดา ^^
เราภาวนาในใจให้หมอกอย่าบังพระอาทิตย์ เพราะถ้าหมอกบังคือเราจะไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน TT อากาศเย็นลงเรื่อยๆ ๆ ๆ ๆ
หมอกก็เริ่มหนาขึ้นๆ ซักพักท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก มองอะไรไม่เห็นเลย


สุดท้ายเราเลยจำใจเดินลงมาเพราะฝืนอยู่ไปยังไงก็ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน TT
ช่วงเดินลงฟ้าก็เริ่มมืดลงๆ สิ่งสำคัญก็คือไฟฉายค่ะ ห้ามลืมเด็ดขาดดด !!

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะนอนกันที่นี่ คืนนี้สนุกสนานมาก เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น
พี่ๆหลายคนก็เล่าถึงประสบการณ์การเดินป่า ขึ้นเขา ของตัวเองให้ฟัง ทั้งตลก ทั้งทึ่ง …
การอยู่แบบไร้สัญญาณโทรศัพท์มันทำให้เราได้คุย ได้มองหน้าคู่สนทนามากขึ้น และเราพบว่าการอยู่แบบนี้มันมีความสุขมากกว่านะ

คืนนี้หนาวกว่าเมื่อวาน แต่เราไม่รู้ว่ากี่องศานะ แต่คิดว่าต้องมีลงไปถึงเลขตัวเดียวแน่ๆ ….

ที่นี่เราไม่อาบน้ำกัน เพราะอะไร ? เพราะที่นี่ไม่มีน้ำให้อาบค่ะ แต่ถึงมีน้ำเราก็ไม่อาบเพราะมันหนาววว ~ แฮ่ๆ
ทิชชูเปียกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เราใช้เช็ดหน้า เช็ดตัว แทนการล้างหน้าและอาบน้ำ
จริงๆการอยู่แบบไม่ต้องอาบน้ำมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ เราไม่ได้อาบน้ำก็จริง แต่เราไม่รู้ว่าเหนียวตัวเลยซักนิด

เช้าวันต่อมาเรานอนตื่นสาย ประมาณ 6 โมงได้ คนอื่นเขาตื่นกันหมดแล้วววว
บางคนก็เดินขึ้นไปยอดกิ่วลมเหนืออีกครั้งเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น
เรากินอาหารเช้า และได้รับอาหารระหว่างเดินลงดอยเป็นแซนวิชทูน่า

เราเริ่มเดินลงมาตอน 07:50 น. ขาลงเราจะใช้เส้นทางปางวัวซึ่งชัน แต่ระยะทางสั้นกว่าเด่นหญ้าขัด
ระยะทางจากอ่างสลุง-ปางวัวก็ 6.5 กิโลค่ะ
ทางชันมาก ลื่นมาก หญ้าสูงบางช่วง ไม่ร้อนเพราะแดดส่องไม่ถึง
เมื่อคืนน้ำค้างลงจัด น้ำค้างยังคงติดอยู่ที่ใบไม้ เราเลยเปียกและเละ - - ทั้งกางเกงทั้งเสื้อ
10โมง เราก็ถึงจุดรอรถปางวัว เราเดินลงมาถึงคนที่ 2 ค่ะ (แอบวิ่งแซงมาหลายคนเลย แฮ่ๆ) ใช้เวลาเก๋มากประมาณ 2 ชั่วโมงเอง ภูมิใจนิดๆ
ถือสโลแกนที่ว่า … ตอนลงไม่กลัว กลัวตอนขึ้น Lol

"ดอยหลวงเชียงดาว" ถ้าใครมีโอกาส มีแรง ยังไหว … ต้องมาให้ได้ซักครั้งในชีวิตนะคะ
จริงอยู่ที่ทะเลหมอกที่ไหนก็มี ที่ๆรถไปถึงเลยก็มีให้ดู แต่การที่เราได้มาดูทะเลหมอกบนยอดดอยสูงๆแบบนี้
โดยใช้เวลาเดินเท้าขึ้นมาหลายชั่วโมง มันทำให้เรามีความสุขโครตๆค่ะ แก้ไขข้อความเมื่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น