วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

ราเมน TAKESUE (ทาเกะสุเอะ) กับ วิธีเสริฟแบบพิถีพิถัน อยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Skytree

ใครมีแผนจะไปเที่ยวในกรุงโตเกียว และวางแผนจะไปเที่ยว Tokyo Skytree ก็ให้แวะไปชิมราเมน ที่ฉันอยากจะเรียกว่า ราเมนพันธุ์ใหม่ น้องใหม่มาแรง จะแซงทางโค้งได้สบายๆ ค่ะ ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนว่า ฉันชอบกินราเมน อยู่ไทย ก็จะไปกินที่หาง่ายๆ แถวบ้าน พอดีอยู่ต่างจังหวัด เริดๆ ในกรุงเทพ ไม่ค่อยรู้จัก แต่ก็กินราเมนในร้านดัง อย่าง ฮะจิบัง และ ยาโยอิ บ้าง ตามร้านอาหารญี่ปุ่นต่างๆ บ้าง และแน่นอน การไปเที่ยวญี่ปุ่นของฉันทุกครั้ง จะต้องมีอย่างน้อย หนึ่งมื้อในหนึ่งวัน ที่จะต้องไปกินราเมนค่ะ Ippudo, Ishiran, และอีกร้านดัง ย่าน Ikebukuro เอ่อ..ฉันว่านะ ... ต้องถอยให้กับร้านน้องใหม่ร้านนี้ซักนิดแล้วหละ เพราะเค้าไม่ธรรมดา ตอนนี้คนญี่ปุ่น เริ่มรู้ข่าว เริ่มไปต่อคิว กันแล้ว แม้จะไม่ได้อยู่ในย่านธุรกิจ หรือย่านดัง แต่คนก็ไปรอคิวกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง บังเอิ้ญ บังเอิญ ที่ว่า ฉันพักอยู่แถวนั้นพอดี เลยสะดวกมากมาย เดินไปกินได้ตลอด และที่ได้รู้จักกับราเมนร้านนี้ ก็เพราะ เจ้าของ Hostel เล่ามาว่ามีราเมน ที่อร่อยมาก ถึงแม้จะยังไม่ดังขนาดร้านที่มีสาขาเยอะๆ แต่ก็เชื่อว่า อีกไม่นาน ร้านนี้ก็จะดังยิ่งๆ ขึ้นไป กระทู้ก่อนหน้านี้ 1. ฟ้าสีเพลิง ณ กรุงโตเกียว http://pantip.com/topic/32612390 2. พาไปร้านพ่อค้าขายหมูปิ้งที่ชินจูกุ http://pantip.com/topic/32615485 3. ขอท้าคนไม่ชอบและไม่ยอมกินปลาดิบ มาลองที่นี่ Sushi Dai @ ตลาดปลา Tsukiji http://pantip.com/topic/32618971 คืออยากนำเสนอมากค่ะ ขอบอกพิกัดทีหลังนะคะ ภาพที่เห็นหน้าร้าน ฉันไปตอน 11.25 (ร้านเปิด 11.30) เดินเข้าไปในร้าน คนเต็มเสียแล้ว (ขนาดไปก่อนร้านเปิด) ที่เห็นนั่งๆ กันอยู่ ยังไม่มีใครได้กินนะคะ ต้องรอ chef ปรุงทีละชาม จากภาพด้านบน ก็จะเห็นได้ว่า ต้องใช้เหรียญ หยอดตู้ค่ะ แล้วดันไม่มีรูปให้เลือก เอาหละสิ ต้องพึ่งเจ้าของ Hostel ให้อธิบายว่า มีเมนูอะไรบ้าง แต่ก็เลือกมาอย่างแรกก่อน เพราะดันไปเล่าให้เค้าฟังว่า ชอบที่ Ippudo สาขาที่เกียวโตมาก (แต่มากินที่โตเกียว 2 สาขา  ก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม) เค้าเลยจัดราเมนที่มีน้ำซุปคล้ายๆ กับของ Ippudo มาให้ประเดิมเป็นชามแรก ใครไม่ได้เตรียมเหรียญไป ก็ไม่เป็นไรค่ะ ที่ร้านมีให้แลก และต้องทำใจว่า ต้องรอคิวค่ะ แต่ไม่ถึงขั้นหลายๆ ชั่วโมง เพราะที่นั่น จะมีแค่ 8 ที่นั่งเท่านั้น ล้อมวงตรงเคาน์เตอร์ กึ่งๆ ห้องครัวเล็กๆ ตรงนั้น โดยมี chef ทำให้แต่ละคน ทีละชามอย่างพิถึพิถัน และพอมีคนลุกไปหนึ่งคน ใครไปคนเดียว ก็สามารถไปนั่งรอต่อได้เลย แต่ต้องรอให้เค้าเรียกก่อนนะคะ เพราะเค้าจะขอเวลาเก็บชาม จัดพื้นที่ให้เราใหม่ ตรงนี้เป็นพื้นที่นั่งรอ อยู่ติดกับกระจกหน้าร้านเลย ฉันสังเกตดู นับดู ก็จะประมาณๆ เอาว่า พื้นที่คนนั่งรอ จะนั่งได้มากจำนวนคน กว่า พื้นที่นั่งกิน (มันเป็นเทคนิคอะไรรึป่าวนะ) ระหว่างรอ ก็สำรวจพื้นที่ใช้สอยในร้านไปค่ะ ร้านนี้เจ้าของคงชอบเพลงเร็วๆ แรงๆ เปิดเพลงคลอไป ไม่ได้ดังมาก แต่ก็พอจะทำให้รู้สึกแตกต่างว่า ไม่เหมือนอยู่ในร้านราเมนทั่วๆ ไป เนื่องจากร้านนี้ ยังไม่ได้ดังในหมู่นักท่องเที่ยว ก็คงยังไม่เกิดปัญหาว่า ลูกค้าอ่านญี่ปุ่นไม่ได้ ตู้สั่งอาหาร เลยยังไม่มีรูป แต่ทว่า..เค้าก็มีความหวัง ที่จะดังไประดับโลกแล้ว (เจ้าของที่นี่ คุ้นเคยกับที่ Hostel เค้าไปนั่งเล่าให้เจ้าของ Hostel ฟังในความตั้งใจของเค้า และอดีต เค้าก็เคยทำงานในแผนกอาหารในโรงแรมใหญ่ๆ มาก่อน จนมาเปิดร้านของตัวเอง ที่จริงสาขานี้เป็นสาขาที่ 3 อีก 2 สาขาอยู่นอกเมือง พอได้ผลตอบรับที่ดี จึงขยายสาขาเพิ่ม) และนี่ก็คือ Logo ของร้าน ที่ฉันทะลึ่ง ไปถ่ายกลับด้านมา ดูภาพรวมกันสักนิด ถ่ายจากประตูทางเข้า ผ่านไปประมาณ 45 นาที จึงได้เข้าไปนั่ง ภาพที่เห็น สังเกตกระดาษรายการเมนูเล็กๆ ที่จะได้มาหลังจากกดซื้อจากเครื่องหยอดเหรียญนั่น ให้เอาวางไว้ตรงบนเคาน์เตอร์เลยค่ะ ตะเกียบที่ใช้ ก็ไม่ใช่ไก่กานะยะ ไม่เหมือนตะเกียบที่เป็นไม้ติดกัน แล้วจะใช้ที ต้องแหกให้แยกกัน อันนั้นไม่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการกิน เผลอๆ เสี้ยนตำมือ ตำริมฝีปากอีก ฮ่าๆ และที่อยู่ในกระปุกเล็กๆ นั่น คล้ายๆ ผักดองมีรสชาติดี เผ็ดนิดๆ ส่วนอีกอัน คือกระเทียมบดมาค่ะ และที่เห็นอยู่เป็นขวดกระปุกนั้นก็คือพริกไทย เผ็ดใช้ได้ หากใครอยากเติมให้รู้สึกเผ็ดร้อน ระหว่างที่เค้าปรุงน้ำซุป ในหม้อที่เห็นวางอยู่บนเตานั่น ก่อนจะเสริฟ เค้าจะเอาชาม ไปวางอยู่ตรงกลางของหม้อลวกเส้น เพื่อจะทำให้ชามที่จะใส่ราเมน มีความร้อน เห็นเค้าตักน้ำร้อนๆ ราดแล้วเท 2-3 รอบ แล้วก็อุ่นชามอยู่บนนั้น รอจนกว่าน้ำซุปจะได้ที่ พอจะเสริฟ เค้ายกเอาจานแสตนเลส มาวางตรงหน้าเรา บนเคาน์เตอร์ แล้วเอาชาม มาวางบนจานอีกที เสร็จแล้ว ก็ยกหม้อน้ำซอส มาตักใส่ในชามแบบนี้ (จริงๆ มีหลายเมนู นี่คือตัวอย่างเมนูหนึ่ง วิธีทำคล้ายๆ กัน แต่ต่างกันที่น้ำซุป และ Paste ที่เค้าเตรียมไว้เพื่อสร้างความแตกต่างในแต่ละเมนู เดี๋ยวค่อยรีวิว ทีละอย่าง เพราะไปชิมมา 4 เมนู ใน 3 วัน กะไปเสนอหน้าให้เค้าชวนร่วมหุ้น เอ้ย ม่ายช่าย) ต่อด้วยการเหยาะน้ำมันอะไรสักอย่าง น่าจะน้ำมันงา แล้วก็ถึงตา พระเอก คือน้ำซุป ซึ่งมิใช่เท พรวดลงในชาม แต่มีการตวงจากที่ตัก ตามภาพข้างล่างนี้ ก็จะได้ ชามน้ำซุปพร้อมจะเรียกหานางเอก คือ เส้นบะหมี่ และตัวประกอบอื่นๆ เช่นเนื้อสัตว์และผักต่างๆ ใน 4 เมนูที่ได้ชิมมา ก็พบว่า แต่ละเมนู ไม่เหมือนกันเลย ความต่างมีทั้งจากซอส จากน้ำซุป และ จากลักษณะของเส้น เสร็จแล้ว นางเอก ก็มา ต้องยอมรับค่ะ ว่า chef  คนนี้ ลีลาเยอะจริงๆ เพราะกว่าจะได้กิน ฉันนั่งกลืนน้ำลายเอื้อกๆ ไปจนน้ำย่อยตะโกนด่า ว่า ตรูหิวแล้วโว้ย เพราะไม่ใช่สักแต่จะส่งนางเอกให้ไปนัวเนียกับพระเอก แล้วก็ปล่อยไปเลยตามเลย แต่เค้ายัง เอาตะเกียบคู่ยาวๆ ของเค้าอุ้มตัวนางเอกออกมาเย้ายวนพระเอกอีกรอบหนึ่ง ประหนึ่งเป็นการจัดกระบวนท่าให้ทั้งคู่คลอเคลียกันไปอย่างมีศิลปะ แล้วก็วางนางเอกลงบนอ้อมกอดของพระเอก แบบเรียงตัวอย่างสวยงาม แล้วก็วาง ผู้ช่วยตัวอิจฉาลงไปก่อน เขียวมาเลย.. ส่วนเจ่าหน่อไม้นั่น ก็ญาตฝ่ายไหนของ พระเอกหรือนางเอกก็ไม่รู้ ตามไปประกบตัวผู้ช่วยตัวอิจฉาอีกที เสร็จแล้ว ก็วาวตัวอิจฉา ตัวแม่ทั้ง 3  ตัวลงไป มันคือเนื้อหมู เนื้อวัว แบบหั่นมาหนาๆ ต้มไม่ถึงกับเปื่อย แต่ปรุงรสมาอย่างอร่อย ส่วนเนื้อวัวนั่นก็มากึ่งดิบๆ ฉันไม่ค่อยจะกินเนื้อวัวดิบๆ ก็เลยชอบเอาไปซุกไว้ในน้ำซุป กอดรัดพระเอกไว้ ให้นางเอกตายใจ เหอะๆ ยังไม่ได้กินหรอกนะ เชอะ... ต่อด้วย เครื่องโรยหน้า เพิ่มความสวยงาม และ ความหอม เป็นตัวเสริมในบทบาทที่ช่วยแก้เลี่ยนได้ดี ตามมาด้วย ผู้กำกับช่วยตัดต่อฉากให้สวยงาม อีกหนึ่งช่อ แล้วก็ตามด้วย หอมสีขาว กับต้นหอมสีเขียวอีกอย่างละปลายช้อน ... อย่าได้คิดเชียวว่า เค้าจะเอามือหยิบ แล้วโยนๆ ลงไป เหมือนร้านทั่วๆ ไป ในไทย ชมอีกฟากฝั่งนึง ของชามนี้กันค่ะ และแล้ว ชามนี้ฉันก็โซ้ยจนเสร็จ และโคตรอิ่มเลย (ไปกินมา 4 รอบ ไม่เห็นมีใครต่อชามที่ 2 เพราะมันเยอะ และน้ำซุปเข้มข้น เนื้อสัตว์ที่ให้มาก็ชิ้นหนาๆ คุ้มค่ะ ถ้าเทียบกับราเมนบางเจ้าที่คุณภาพไม่เท่านี้ เนื้อสัตว์หั่นบางๆ น้ำซุปไม่เข้มข้น ก็ราคาประมาณนี้อยู่แล้ว) ก่อนจะผ่านไปยังเมนูอื่นๆ และราเมนร้านอื่นๆ ก็ขอแจ้งพิกัดก่อน ร้านนี้ ใครไปพักที่ Tokyo Hutte ก็ได้กินหนำใจแน่ๆ เดินไปแค่ 2-3 นาทีจากที่พัก แต่หากใครพักที่อื่น ก็ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลง สถานี Oshiage ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ที่เดียวกันกับ Tokyo Skytree หละค่ะ เดินขึ้นบันไดเลื่อนจากทางออกที่เค้าเขียนว่า Tokyo Skytree Town ค่ะ (คือจริงๆ ไปทางอื่นได้ แต่ฉันพบว่า การเดินผ่านห้าง ทำให้มีสีสันและไม่รู้สึกว่าไกล) เดินขึ้นบันไดเลื่อน ที่ฉันอยากเรียกว่า มันเป็นโถงขนาดใหญ่ ที่มีบันไดเลื่อนหลายตัว หลายชั้น และสูงๆ ทั้งนั้นค่ะ ขึ้นมาจนถึงโซนที่จะมี Information Counter แล้วเดินเข้าไปทางที่เห็นร้าน bakery ชื่อ Delifranc เดินจนสุด ระหว่างก็  window shopping ไปนะคะ กลิ่นหอมๆ จากขนม หรืออาหารจะมายั่วกิเลสก่อน อย่าพึ่งได้ตะบะแตกตรงนี้นะ เดินให้ถึงทางออก มี KFC มีร้านเบอร์เกอร์ฮาวาย มีลานน้ำพุ แบบในรูปนี้ เดินข้ามทางม้าลาย แล้วข้ามสะพาน ที่มีแม่น้ำสายเล็กๆ เบื้องหน้าจะเห็นร้าน 7-11 แบบนี้ เดินเลียบแม่น้ำไปจนถึงร้าน Mc Donald's มองไปทางขวา เตรียมข้ามถนน ไปผ่านร้านข้าวหน้าปลาดิบ ร้านนี้ เดินเข้าถนนด้านข้างร้านตะกี้นะคะ เดินไปจนเห็นตู้ไปรษณีย์ แล้วนิดเดียวก็จะถึงที่พักที่รีวิวไว้ตั้งแต่กระทู้แรก เดินต่อไปอีกค่ะ ใจเย็นๆ อีกนิดเดียว ข้ามถนนไป 1 แยกไฟแดง และก่อนจะถึงไฟแดงที่ 2 ก็จะเจอแล้ว แก้ไขข้อความเมื่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น