วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

{จะพาหัวใจ ไปให้ถึงปลายฟ้า ตอนที่ 2} เดินไป กลิ้งกลับ ณ จันทบุรี

สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกันอีกครั้งกับการเดินทาง เพื่อที่จะไปให้ถึงปลายฟ้า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน ,คอมเม้นและทุกๆกำลังใจนะครับ ผมจะพยายามไปในหลายๆที่ เพื่อนนำประสบการณ์มาฝากเพื่อนๆครับ วันนี้จะมาแชร์ที่ไปเที่ยวมา กับ โฮมสเตย์ จ.จันทบุรีครับ     ตอนแรกตั้งใจจะใช้ชื่อตอนว่า “นอนกินปู ดูทะเล ที่ จันทบุรี” แต่ขอเปลี่ยนเป็น “ เดินไป กลิ้งกลับ ณ จันทบุรี” แทน ส่วนเหตุผล เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง แล้วมาทายกับผมสนุกๆดีกว่า ว่าทริปนี้ผมหมดเท่าไหร่ 8.00 น.    เริ่มต้นเดินทาง จองตั๋วรถไว้ที่ อนุสาวรีย์ บริเวณห้างเซ็นจูรี่ เดินทาง 9.30น. 8.30 น.     ขึ้นรถไฟฟ้าจาก สถานีบางหว้า มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ แล้วก็ตามคาดครับ ถึงอนุสาวรีย์ 9.25 วิ่งจากรถไฟฟ้ามารถตู้แทบไม่ทันดีนะที่ลงใกล้ๆ ขืนไปขึ้นที่ไกลๆ มีหวังเสียตังค่าตั๋วอีกรอบแน่นอนแล้วเราก็ออกเดินทาง แล้วก็เจอเรื่องอีกจนได้บนรถตู้มีกลุ่มบุคคล ที่ไม่ค่อยเกรงใจใครเท่าไหร่ นั่งหน้าคน ข้างขวาผมคน (ผมนั่งเบาะหน้าสุดตรงกลาง) หลังผมคนนึง เบาะหลังสุดอีกคน คุยกันดังมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ไปนั่งด้วยกันเลยฟระ ซักพัก ไอ้คนที่นั่งหลัง ควักลูกชิ้นมากินในรถตู้ เราก็อุตส่าอ่านสติ๊กเกอเสียงดังๆว่า “ห้ามนำอาหารมาทานบนรถ” ก็ยังไม่หยุด ชั่งมันเถอะอีก 15 นาทีโดยประมาณมันกินหมด แล้วก็เงียบไป 10.30 น.    รถจอดเติมแก๊สบริเวณปั๊มคาบเกี่ยวระหว่าง ชลบุรี กับระยอง ผมก็แวะทานกาแฟซื้อแว่นกันแดดเก๋ๆอันนึง แล้วก็ขึ้นรถเดินทางต่อ คราวนี้ไอ้คนนั่งหน้าคนขับเอาโดโซะมากินเลย โอยจะบ้า กลิ่นงี้คลุ้งไปหมด คนยิ่งหิวๆอยู่ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน ว่าแล้วไม่สนใจ นอนดีกว่า 12.00 น.    ถึงตัวเมือง จ.จันทบุรี แต่เรายังไม่ลงที่นี่ นั่งรถคันเดินต่อไปที่ อ.พลิ้ว 12.30 น. โดยประมาณเราก็มาถึงพลิ้ว พลิ้วป่ะหล่ะ ^_^ เอามาทิ้งไว้ในที่ที่แบบ นึกว่าเราจะหลงทางมั้ยเนี่ย ว่าแล้วเราโทรหาพี่ที่รีสอทดีกว่า จะได้เดินทางไปที่พัก ประมาณ 10 นาทีพี่เค้าก็เอารถมารับเรา เป็นรถแบบนี้เลยครับระหว่างทางเจอป้าย เอ่อ เอาโฮมไหนดีเนี่ย เยอะไปนะ แต่เอาน่า เราเลือกที่นี่ละ ไปต่อ ระหว่างทางเจอป้ายถนนเลียบชายทะเลด้วย เราก็พยายามชะเง้อมองทะเล จนพี่คนขับเค้าบอกว่า “ถนนเลียบชายทะเล แต่ไม่มีทะเลจ้า” -_-“ แล้ว แล้ว แล้ว จะตั้งชื่อว่าชายทะเลทามมายยยยยยยยย ขับไปอีกซักพัก เจอป้ายยินดีตอนรับ ที่มีรูปสถานที่ท่องเที่ยว 3 รูป สีฟ้าๆ เพื่อนๆคงพอนึกภาพออก พี่คนขับก็บอกเช่นกันว่า ไอ้ 3 รูปนั่น ก็ไม่ได้ใกล้จากตรงนี้เลย เอ่อออออ ติดทำไมเนี่ย เดินทางไปซักพัก ก็เจอกับ หลุมถนน โหนี่มันถนนรึทะเลเนี่ย คำเตือนเลย เพื่อนๆที่จะมาเที่ยวโดยเอารถมาเอง โดยที่เป็นรถเตี้ย รถโหลดต่ำ คิดดีๆเลยนะครับ เพราะหลุมใหญ่ และ เยอะมากๆๆๆๆๆๆ ท่านอาจจะเสียโช้กไปได้ (ตอนขากลับ เริ่มมาถมถนนบางส่วนแล้ว ลองติดต่อสอบถามกับทางพี่พักเพื่อความแน่ใจได้) 13.00 แล้วเราก็มาถึงที่พักกับ พาเพลินโฮมสเตย์ บรรยากาศสถานที่คร่าวๆจ้า พึ่งเปิดใหม่ อะไรๆ ก็ยังไม่ค่อยลงตัว แต่ก็ โอเคนะ แล้วเราก็มาประเดิมมื้อแรกกันมีอาหารดังนี้ 1.    ปูทะเลผัดผงกะหรี่ 2.    ปลาเก๋าราดเปรี้ยวหวาน 3.    ต้มยำทะเล 4.    น้ำพริกไข่ปู 5.    ทอดมันกุ้งสด อันสุดท้ายลืมถ่ายรูป เศร้า น้ำไม่อั้น และ ทุกอย่างบุฟเฟ่ โอย อิ่มตึง กินปูไป 3 จาน อิ่มมาก รสชาติพอประมาณ แบบคนพื้นบ้านทำ แต่อิ่มมาก แอบขอมื้อเย็น ไม่เผ็ดมาก ผมทานเผ็ดไม่ได้ เหอะๆๆๆ ตอนขาออกมา พี่เจ้าของก็เอาปลาเก๋าจากกระชังที่เลี้ยงไว้ให้ดู ตัวยาวกว่าแขนผมอีก แล้วเราก็ไปนอนพักที่บ้านพัก พบว่า ห้องพักไม่มีม่านปิดประตู แถมเป็นกระจกใส เอ่อ ถ้าใครเอาแฟนมาด้วยจะทำไงเนี่ย ชั่งมัน เราเดินทางคนเดียว 555+ ไม่เกรงใจอยู่แล้ว แล้วก็นอนพัก ภายในห้อง ok เลย แอร์เย็น ติดจานแดง มี wifi ด้วย ห้องน้ำก็ ok แต่ ไม่มีน้ำอุ่น !!!!!! เอาเถอะ อากาศร้อนอยู่ อาบน้ำเย็นก็ได้ฟระ 14.00    นอนพักไปซักครู่ พี่เจ้าของก็มาเรียกให้ไปดูอาหารเหยี่ยวแดง นั่งรอประมาณ 10 นาที เหยี่ยวตัวแรกก็มา ในใจคิดตอนแรก นึกว่า คงมีอย่างมากซัก 10 ตัวก็เยอะละ พอมันเริ่มเห็นว่ามีอาหาร มันก็เริ่มเรียกพวก ส่งเสียงเหมือนเด็กร้อง ดังไปหมด จนเกือบๆ 30 ตัวได้ พวงด้วย กา กับนกกระยางอีกต่างหาก เรียกได้ว่า เป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ มาดูฝูงใหญ่ๆกัน สารภาพนะครับว่า ผมไม่ใช่ช่างกล้องมืออาชีพ ผมใช้วิธีการตั้งโฟกัสกล้องค้างเอาไว้ ตอนเหยี่ยวมันมาโฉบผมก็สุ่มกดเอาตั้งนานๆมากๆๆๆ แล้วก็กด กานี่หว่า !!!!!! นี่มันไม่ใช่เหยี่ยว โถ่ ตั้งกล้องตั้งนาน นี่เป็นมันหมูที่ใช้เป็นอาหารเหยี่ยวครับ โยนลงไปให้ลอยไปตามน้ำ แล้วเหยี่ยวก็มาโฉบไป เจอสายรุ้งด้วย ถ่ายเก็บไว้ได้ 16.00    ต่อจาก ให้อาหาร พี่เจ้าของก็พาไปล่องเรือ ดูป่าชายเลน ป่าโกงกาง มีภาพสวยๆ มาฝากเพื่อนๆกันครับ เรือที่เดินทางไปกันครับ บอกตรงๆ ไอ้หลังคานั่นไม่ได้ช่วยกันแดดได้เลย ที่นี่อุดมไปด้วยวิถีชีวิตแบบธรรมชาติ การเลี้ยงหอยนางรม และคุณตาคุณยายน่ารักๆ วิธีเลี้ยงหอยนางรม ก็ใช้ขวดพลาสติก มัดกับเหรียญปูนเพื่อให้หอยมาเกาะ แล้วก็ดูการเจริญเติบโตจากการที่ดูขวดจม ขวดยิ่งจมลึก หอยยิ่งโต ภาพนี้เหมือน ทูมไรเดอ มั้ยครับ จริงๆมันเป็นตึกเก่าที่มีมุมถ่ายติดวัดพอดี ลูกจาก พึ่งเคยเห็น หลังจากดูวิถีชีวิตตามธรรมชาติแล้ว พี่เจ้าของก็พาเราไปดักปูกัน วิธีการก็เอาปลาใส่ไว้ตรงกลาง แล้งเอาหย่อนลงน้ำไปเลยปูจะเข้ามาอยู่ข้างใน แต่ออกมาไม่ได้ โดยที่เช้าวันพรุ่งนี้ เราค่อยมาดูกันว่าจะดักได้มั้ย ^_^ แล้วก็เข้าพัก 19.00    เข้าสู่มื้อเย็น จัดเต็มเช่นกันกับ 1.    ปูทะเลต้ม แค่ก้ามก็ใหญ่กว่ามือถือผมอีก 2.    กุ้งลายเสือเผา 3.    ปลาหมึกนึ่งมะนาว 4.    ปลาพล่า (ลืมถ่ายอีกแย้ว) 5.    กุ้งแช่น้ำปลา 6.    หอยนางรม ออกมาไม่เผ็ดมาก และที่สำคัญ ทุกอย่างบุฟเฟ่เหมือนเดิม ถ้าใครมาเป็นหมู่คณะมีคาราโอเกะบริการด้วย เพลงก็ใหม่ ไม่ใช่เพลงเก่าๆเลย อิ่มอร่อยมาก ขอบอกว่าผมกินกุ้งไป 12 ตัว ปูอีก 8 อื่นๆไม่ได้นับ 555 อิ่มมากๆๆๆๆๆ พี่เจ้าของบอกว่า มีพาไปจับปูด้วย เอาไฟไปส่อง แล้วก็จับ แต่ขอบอก อย่าว่าแต่จะไปจับปูเลย แค่เดินกลับห้องยังลำบากใจ แล้วก็เข้าห้องพัก ข้างนอกไม่ไหว มืด ยุงเยอะอีกต่างหาก ฝากแนะนำเพื่อนๆ พี่เจ้าของบอกว่า ให้กินข้าวด้วย เวลาทาน กุ้ง ปู เยอะๆจะได้ไม่จู๊ดๆๆๆ นะคับ กลางคืน อากาศก็เย็นมาก น้ำก็ไม่มีน้ำอุ่น เรื่องอาบน้ำหรอ เหอะๆ ผมไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงกะน้ำไม่กี่ขันหรอก นอนดีกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น