วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เล่าประสบการณ์นอนฟรี แต่มีของแถม

เรื่องนี้เป็นเรื่องเมื่อปี 2552 เอามาเล่าเผื่อใครจะไปงานจุลกฐินที่แม่แจ่มปลายเดือนนี้ แล้วอยากหาที่พักฟรี (ไม่รู้ว่ายังฟรีอยู่ไหมนะ) ทริปนี้เกิดจากการอยากเดินทางไปไหนสักที่โดยงบน้อยๆ บรรยากาศดีๆ คิดไปคิดมา เคยไปแม่แจ่มเมื่อหลายปีก่อน ชิลมาก หวยเลยมาออกที่แม่แจ่ม ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมาย หาข้อมูลจากเว็บ แล้วเมมเบอร์พี่ที่ร้านโปสการ์ดไว้ เอาเต็นท์ไปเองเพราะกะว่าไม่ต้องเสียค่าที่พัก ประหยัดให้ถึงที่สุด ขี่ชิลๆ ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงจอมทอง ขี่ต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม่แจ่มประมาณ 10 โมงครึ่ง คุยกับพี่ร้านโปสการ์ดถามนู่นนี่นั่น โดยเฉพาะเรื่องที่นอน เพราะบอกไว้ล่วงหน้าว่าจะเอาเต็นท์มากางเอง พี่เขาบอกว่ากางข้างบ้านก็ได้ แล้วใช้ห้องน้ำที่ป้อมตำรวจฝั่งตรงข้าม เลยถือโอกาสเดินไปสำรวจ ปรากฏว่าห้องนอนเปิดเข้าไปได้ และห้องน้ำก็สภาพใช้งาน และมีคนดูแล เลยตัดสินใจบอกพี่เขาไปว่าเดี๋ยวคืนนี้นอนที่ป้อมนี่แหละ พี่เขาก็บอกว่าได้ ตำรวจย้ายไป 2 เดือนแล้ว ไม่เห็นมีใครมาแทนเลย จากนั้นช่วงกลางวันก็ไปที่วัด สลับกับขี่รถไปถ่ายรูปนาขั้นบันได อยู่วัดจนถึงสี่ทุ่มก็กลับมากินก๋วยเตี๋ยวที่หน้าตลาด แล้วแวะเซเว่นซื้อน้ำเปล่ากับขนมปังเผื่อไว้ตอนเช้า กับของมาไหว้เจ้าที่ แล้วอาบน้ำ อากาศคืนนี้เย็นกำลังดี ไม่รู้สึกเลยว่าหนาว แต่น้ำเย็นพอควร คิดในใจถ้าหน้าหนาวมาทำอย่างนี้ไม่ได้แน่ๆ อาบน้ำตอนเกือบ 5 ทุ่ม อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมถุงนอน แยกผ้าสำหรับพรุ่งนี้เรียบร้อยก็บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางอีกครั้งก่อนนอน ช่วงแรกๆ นอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากเสียงรถวิ่งผ่านดังมาก โดยเฉพาะรถบรรทุก เนื่องจากเป็นช่วงที่อยู่สุดเนินพอดี รถบรรทุกขึ้นเนินมาก็จะต้องลากเกียร์เสียงดังมาแต่ไกล บางคันดังมากเหมือนขับผ่านหัวไป พี่ร้านโปสการ์ดบอกว่าตอนที่ย้ายจากที่เก่ามาตรงนี้ใหม่ๆ นอนแทบไม่หลับเลย หลังจากหลับๆ ตื่นๆ สักพัก ก็หลับไปแล้วฝันว่าตัวเองยืนอยู่ในป้อมตรงประตู แล้วด้านนอกก็มีคนมายืนล้อมเยอะแยะ โดยตรงหน้าประตูมีอยู่ 3 คน ส่วนที่อยู่ข้างหลังไปนั้นไม่ได้นับ แต่ดูคร่าวๆ แล้วเยอะจนลงไปถึงถนน โดยทั้งหมดมีอาวุธมาด้วย 3 คนที่อยู่ด้านหน้าถือมีดคนละอัน คนที่อยู่ด้านซ้ายมือผมก็จับมือผมไป แล้วเอามีดมาโกนหลังมือ ให้ความรู้สึกที่เหมือนจริงมาก แล้วสักพักคนที่ยืนตรงกลางก็ยื่นหน้าเข้ามา แล้วทุกอย่างก็มืดลง จากนั้นรู้สึกเหมือนมีใครมาเป่าลมที่คอ (แต่ด้านที่รู้สึกอยู่ติดกับผนัง) ผมตัดสินใจลืมตา แล้วถีบเท้าออกไป สิ่งที่เห็นตอนนั้นคือ เท้าตัวเองเหยียดออกไปกลางอากาศ แล้วที่ปลายเท้าก็มีเงาจางๆ เป็นร่างคน ลักษณะเหมือนกลุ่มควันที่มองทะลุได้ กระเด็นออกไป พร้อมกับค่อยๆ จางหายไป แวบแรกคิดว่าเป็นฝัน แต่คิดอีกทีก็ลืมตาอยู่ เท้าก็ยังค้างอยู่อย่างนั้น พอรู้ตัวว่าไม่ได้ฝันอยู่ ก็พยายามหายใจลึกๆ เพื่อให้หัวใจเต้นเป็นปกติ คิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นสักพัก แล้วคิดในใจตำหนิเจ้าที่ไปว่า ผมบอกไว้แล้วนะ ทำไมยังมีอย่างนี้อีก จากนั้นก็นอนต่อ แต่ก็หลับๆ ตื่นๆ เพราะเสียงรถ จนรู้สึกตัวอีกทีตอน 6 โมงครึ่ง ก็ตื่น อาบน้ำแล้วข้ามถนนไปร้านโปสการ์ด จากนั้นก็ไปวัด ก่อนจะกลับตอนบ่าย จริงๆ ก็เอะใจตั้งแต่พี่เขาบอกว่าตำรวจไม่อยู่มาสองเดือนแล้ว บวกกับตอนเปิดห้องเข้าไป กลางวันร้อนๆ นี่แหละ ขนลุกตั้งแต่หลังขึ้นไปถึงหัว สภาพในห้องคือ มี 2 เตียง หักไป 1 เตียง อีกเตียงมีฟูก แต่ฝุ่นพอควร โต๊ะตรงมุมห้องก็ฝุ่นจับ มีเสื้อผ้าเก่าๆ แขวนไว้ 2 ตัว แต่พอดีว่าไม่ค่อยกลัวผีเท่าไหร่ แต่ถามว่าเชื่อมั้ย เชื่อนะ เพราะเจอมาหลายที แต่แค่มาให้เห็น ไม่ได้ทำอะไร เช้ามาก็ไปทำบุญให้ ส่วนด้านข้างๆ ป้อมมีศาลพระภูมิสภาพเก่าๆ โทรมๆ อยู่ ก็คือศาลที่ไปไหว้ขอนอนนั่นแหละ มีพี่ที่รู้จักกันมีเซนส์ทางนี้ พอเล่าให้แกฟัง แกบอกว่าเขาอยู่ที่ศาลนั่นแหละ พอไปไหว้เขาก็มา แล้วบอกอีกว่า ศาลร้างๆ นี้ บางทีที่ไปอยู่ก็ไม่ใช่เจ้าที่อะไรหรอก เป็นวิญญาณแถวนั้นแหละ อีกทีที่เจอก็ก่อนหน้านั้นหน่อยหนึ่ง ไปเที่ยวปายกับเพื่อนๆ ตอนเช้าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ห้วยน้ำดัง ออกจากปายมาเช้ามืด มืดสนิท ต้องเปิดไฟสูงตลอดทาง จำไม่ได้ว่าออกมาไกลแค่ไหน แต่ช่วงที่ขึ้นเนิน พอลงเนินไฟหน้าสาดไปเห็นคนแก่ยืนเท้าสะเอวอยู่กลางเลนขวา ในใจตอนนั้นคิดว่าคนแถวนั้น คงตื่นเช้ามาทำธุระปกติ ก็ลดไฟ แล้วขับผ่านไป แต่น้องข้างๆ (น้องบอกว่าเป็นคนมีเซนส์) ทำหน้าตาตื่น สะกิด แล้วถามว่าเห็นรึเปล่า ก็ตอบไปว่าเห็น น้องบอกว่ากลัว เห็นยายแกยืนชูมือสองข้าง พอได้ยินอย่างนั้นเลยตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรขับต่อไป หลังจากกลับจากปายก็ไปทำบุญให้ยายแกไป เรื่องก็ผ่านมาหลายปีละ ไม่รู้ว่าตอนนี้ป้อมนั้นเป็นยังไงบ้าง แต่ดูจาก google maps ก็ยังเหมือนเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น