วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พาลูก 1.2 ขวบ ไปเที่ยวทะเลภูเก็ตในวันสบาย ๆ สุดสัปดาห์

อารัมภบท ภูเก็ตเป็นหนึ่งใน Dream Destination ที่หลาย ๆ คนคงอยากไป เราเองก็เคยเป็นแบบนั้นคะ เพราะทางใต้ไปเที่ยวมาหมดตั้งแต่เด็ก ยกเว้นภูเก็ตเพราะเนื่องจากแม่เป็นคนสุราษฎร์ เราก็ต้องไปเกาะเต่า ไปเกาะสมุย หมู่เกาะอ่างทอง มากกว่าจะมองมาที่ภูเก็ต จนกระทั่งเราอายุได้ 19 ปี ไปภูเก็ตครั้งแรกเพราะไปฝึกงานไกด์กับพี่ๆ โดยต้องพานักท่องเที่ยวสเปนไปเที่ยว ก็เลยได้ไปภูเก็ตครั้งแรก จำได้สมัยโน้น Le Meridien Phuket เนี่ย ที่สุดของเจ้แล้ว หลังจากนั้นก็ไปอีกปีละครั้งเป็นอย่างน้อย ทั้งไปทำงาน ไปหาเพื่อน ไปแบ็คแพ็ค ไปเดท จนถึงปี 2006 เราก็ไม่ได้ไปอีกเลย (นานไปไหม) ที่ไปภูเก็ตคราวนี้ก็เพราะเรามีไมล์ที่มันจะหมดอายุของการบินไทย ก็เลยต้องแลกเป็น Voucher โรงแรมมาคะ (คือถ้าไมล์หมดอายุ 500 คะแนนจะปล่อยมันไป พอไปเช็คตายแล้ว ฉันมีไมล์จะหมดอายุตั้ง 8,000 คะแนน จะทิ้งไปเฉย ๆ ก็เสียดาย จะแลกตั๋วตอนนั้นก็ยังไม่รู้ไปไหน) ตอนที่จะเลือกที่เที่ยว และโรงแรม (คือมันต้องสัมพันธ์กันนะ) เราก็ไปถามแฟนว่าไปไหนดีจ๊ะเธอ แฟนเราก็เลยบอกว่า ไปภูเก็ตเถอะ เราไม่ได้ไปกันนานแล้ว (มากอะ ตั้ง 8 ปี หมายถึงไปด้วยนะคะ) และถือโอกาสพาลูกไปเที่ยวทะเล  พอเข้าไปดูรายละเอียดของการบินไทย งงมากกับคะแนน มีหลายแบบมาก ดูตอนแรกตาลาย ต้องตั้งสติอยู่นานเหมือนกันกว่า จะตัดสินใจได้ว่า จะเลือก Voucher แบบ 2  คืน พอได้จำนวนวัน เราก็ไปเลือกดูโรงแรม ณ ตอนนั้นที่แลกบัตร มันมี Le Meridien เราก็ตั้งใจว่าจะไปพักนะ กะว่าจะไปรำลึกความหลังครั้งยังเป็นวัยรุ่น เลยจัดการแลกห้องพักไปด้วย 22,000 คะแนน สำหรับบัตรห้องพัก 2 คืน (เป็นแบบที่ใช้ไมล์น้อยสุด) พอถึงเวลาไปจริง ไม่มี Le Meridien อยู่ในลิสต์แล้ว ทำไงดีหละ ว่าแล้วเราก็ส่งรายชื่อโรงแรมทั้งหมดที่มีในลิสต์ไปถามเพื่อนคนภูเก็ตให้ช่วยแนะนำ เพื่อนบอกว่า ต้องนี่เลย Dusit Laguna Phuket เริ่ดสุดแล้ว ก็เลยตกลงเลือก วิธีการก็ไม่ยุ่งยากคะ โทรไปสอบถามวันว่างก่อน  แล้วส่งอีเมล์ไปยืนยันอีกที ก็ได้ Booking confirmation มากอดรอ (แต่เราจองล่วงหน้า 2 เดือนแนะ) อัพเดท ณ วันที่ 2 ตุลาคม ตอนนี้เหลือแค่พวกในเครือ Novotel เองคะ โชคดีที่ไปมาแล้ว การเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน : ตอนแรกว่าจะซื้อตั๋ว Bangkok Air ก็ดันไม่ทันโปรโมชั่น  จะซื้อ Air Asia ก็ราคารวมลูกด้วยไม่ต่างกัน กับการบินไทย เราก็เลยเลือกการบินไทย (เพราะการบินไทยสะสมไมล์ได้ด้วย คือตอนนี้อยู่ในช่วงเก็บแต้ม เพราะโดนดาวน์เกรดมาเป็น สมาชิก Silver ซึ่งสิทธิประโยชน์แทบไม่มี และเราต้องเดินทางกับลูกเยอะมาก เราเลยต้องรีบทำแต้มเพื่อให้ได้กลับไปเป็น Gold Member อีกครั้ง) และเรา ตั้งใจว่าจะเช่ารถขับในช่วงระหว่างที่อยู่ภูเก็ต (คือตอนนั้นก็คิดว่าจะไปเที่ยวเยอะ) การเช่ารถ : ก็เช็คทุกที่นะไม่ว่าจะเป็น ภูเก็ต คาร์ เรนทัล,  AVIS, HERTZ, BUDGET และอื่น ๆ  และติดต่อทุกช่องทางที่มีเพื่อหาข้อเสนอดีที่สุด  พบว่าส่วนใหญ่รถที่ค่าเช่าถูกมักเป็น Eco Car ซึ่งเราไม่ค่อยชินและไม่ค่อยมั่นใจในสมรรถนะ ถ้าไม่มีลูกจะไม่คิดเยอะเลยคะ พอมีลูกเนี่ยคิดหลายตลบ และอีกอย่างส่วนใหญ่ค่าเช่ารถราคาใกล้เคียงกันแหละ จะไปต่างกันพวกออฟชั่นเสริม อย่างคาร์ซีท GPS เสียมากกว่า และบางบริษัท (เช่น AVIS) ก็คิดเงินเพิ่ม ถ้ามีคนขับมากกว่าหนึ่งคน นอกจากนี้ส่วนใหญ่รถที่เช่าก็ประกันชั้นสาม ซึ่งเราคิดว่ามันก็ครอบคลุมพอแล้วสำหรับเรา เพราะครอบครัวเราทุกคนมีประกันการเดินทางรายปี ดังนั้นพวกประกันเสริมของบริษัทเช่ารถมักไม่ได้เงินเราในจุดนี้  สรุปเราได้รถ Toyota Altis (เครื่อง 1800) ในราคา 2,0xx บาท สำหรับสองวัน (48 ชั่วโมง) บวกกับค่าเช่าคาร์ซีทอีก 320 บาทสำหรับตลอดทริป กับ Avis ซึ่งเราว่าราคาโอเคเลย เพราะส่วนใหญ่ ถ้าค่าเช่า 800-900 บาทต่อวัน มันจะเป็นพวก Jazz หรือ Vios ซึ่งเราขับไม่ค่อยถนัด แถมบางที่ค่าเช่าคาร์ซีทก็แพงวันละ 300-400 บาทแนะ การเดินทางเปลี่ยนไปเมื่อไปกับลูกเล็ก ไปคราวนี้จะบอกว่าหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป คือวิธีการเที่ยวก็เปลี่ยนนะ จากแต่ก่อนไปกับเพื่อนคนไทยก็ตระเวนกินทุกร้านแนะนำ ไปเที่ยวถ่ายรูปทุกที่ ถ้ามากับสามีสองคนสมัยก่อนก็เน้นไปเทค ไปกินอาหารฝรั่งแพง ๆ นอนอาบแดดตามเกาะ พอคราวนี้มีลูกมาก็ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมตั้งแต่จัดกระเป๋าเลย การเดินทางกับเด็ก ไม่สามารถ Travel Light ได้อีกต่อไป จะบอกว่าไปกับลูกเนี่ยกระเป๋าลูกใหญ่กว่ากระเป๋าพ่อแม่อีก ปรกติรายการที่เราจะใช้เป็นไกด์ไลน์ในการจัดกระเป๋าให้ลูกเวลาเดินทางเราได้มาจาก เว็บนี้  http://havebabywilltravel.com/the-mother-of-all-packing-lists/ รายละเอียดก็ครอบคลุม ของเราปรกติถ้าเดินทางต่างประเทศ เราจะมีแยกด้วยว่า ของอันไหนไปซื้อที่เมืองนอกได้ เช่น แพมเพิส หรืออาหารเด็กสำเร็จรูป (ปรกติเราทำกับข้าวให้ลูกกิน แต่เราก็ต้องหัดลูกให้กินอาหารขวด อาหารอื่น ๆ เผื่อว่าเวลาเดินทางแล้วหาไม่ได้จริง ๆ) ตอนนี้ก็เริ่มให้ลูกกินนมกล่องเพื่อความสะดวกในการเดินทาง คาดว่ารอบหน้าไปฝรั่งเศสก็คงไม่ต้องแบกนมไปด้วยแล้ว นอกจากของใช้ที่จำเป็นในการใช้ชีวิต เราจะเอาของเล่น และหนังสือไปให้ลูกด้วย แต่ก่อนตอนลูกยังไม่ครบขวบก็ขนเยอะมากคะ ของเล่นมีหนึ่งกระเป๋า แต่ตอนนี้ลูกเริ่มชอบเล่นของจริง ไม่ใช่ของเล่น และอ่านหนังสือ เราก็เริ่มขนของน้อยลงแล้ว อย่างรอบนี้เราก็ขนไปแค่หนังสือสามเล่ม หนังสือเพลงภาษาฝรั่งเศสหนึ่งเล่ม บล๊อกต่อ รถหนึ่งคัน และของเล่นที่คิดว่าไปเล่นบนหาดทรายได้ 3-4 ชิ้น มาดูกันว่ากระเป๋าเอเดรียนมีอะไร ตัวอย่างการจัดกระเป๋าของลูกสำหรับ ไปเที่ยวภูเก็ต 3 วัน 2 คืน 1.    เสื้อผ้า 5-6 ชุด, ชุดนอน 3 ชุด, แพมเพิส 10 ชิ้น (ใช้หมดพอดี) ผ้าอ้อมแบบผ้า ผ้าขนหนูผืนเล็ก เผื่อใช้เช็ดโน่นนี่นั่น 2.    ของเล่นและหนังสือ 3.    นมผง (เอาไปแค่พอกิน 5 มื้อ คือมื้อเช้าและก่อนนอน) นมกล่อง 8 กล่อง (จริง ๆ อันนี้ไปซื้อเอาก็ได้ แต่ขี้เกียจไปหา เลยเตรียมไปเลยคะ) และอาหารขวด 3 ขวด เอาไปเผื่อ 4.    ขวดนม ขวดน้ำ ที่ล้างขวดนม 5.    ยาต่าง ๆ และครีมทาก้น ครีมกันยุง ครีมกันแดดของเด็ก สบู่อาบน้ำ ผ้าทิชชู่เปียกธรรมดา ทิชชู่เปียกแบบเช็ดมือเช็ดปาก 6.    ชุดว่ายน้ำ ห่วงยาง แพมเพิสว่ายน้ำเมื่อถึงวันเดินทาง พวกเราออกจากกรุงเทพตอนเย็นเพราะเราทั้งคู่ต้องทำงานคะ เราก็ขับรถออกจากบ้าน ขนกระเป๋าทุกอย่าง (ยกเว้นกระเป๋าใบเล็กของลูกที่มีนม น้ำ แพมเพิส ผ้าอ้อม และของเล่น) ไปทำงาน และก็นัดเจอกับแฟนที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนเครื่องออกหนึ่งชั่วโมง โดยเราก็เช็คอินออนไลน์ไปก่อน  พอถึงเวลานัดเราก็เอารถไปจอดไว้ที่ที่จอดรถสนามบิน  (ตอนกลับบ้าน จ่ายค่าที่จอดรถไป 580 บาท คุ้มกว่าเรียกแท็กซี่อีก ….. แถมไม่ต้องไปยืนรอแท็กซี่ให้ลำบาก คือถ้าเราไปต่างประเทศไม่เกินสี่วัน ส่วนใหญ่เราก็จะเอารถไปจอดไว้คะ ) เมื่อเรามาถึงเคาน์เตอร์ก็เช็คอินปรกติและเดินไปรอที่เกท ระหว่างนั้น พ่อลูกก็เล่นกันไป หลาย ๆ คนมักคิดว่าทำไมชอบพาเด็กเล็ก ๆ ไปเที่ยว สำหรับครอบครัวเรา เราว่าการพาเด็กไปคือการเปิดประสบการณ์อย่างหนึ่ง มันเป็นการเปิดโอกาสให้สมองเค้าได้เชื่อมต่อกัน และสร้างเส้นใยสมอง หลายคนคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่อง แต่จริง ๆ ช่วง 0-6 ปี เป็นช่วงที่สมองของเด็กขยายและเก็บข้อมูล เด็กจะเรียนรู้ได้ดีกว่าการที่ให้เค้าเห็นจากทีวีหรือไอแพด เพราะนี่คือของจริง ประสบการณ์จริง อย่างบ้านเราจะพาลูกเที่ยวต่างจังหวัดอย่างน้อยเดือนละครั้ง และไปสวนสาธารณะในกรุงเทพอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพื่อให้เค้ามีโอกาสได้เห็นธรรมชาติ วิ่งเล่น และใช้พลังงานในการเคลื่อนไหว นอกจากนี้เวลาที่แฟนเราต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ครอบครัวเราก็มักจะไปด้วยกันหมดทั้งสามคน พ่อแม่ลูก แฟนเรามองว่าเป็นการฝึกลูกให้ชินกับวิถีชีวิตของครอบครัว  (เพราะพวกเราปีปีนึงเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้ง) Take Off & Landing ช่วงเวลาที่พ่อแม่ควรระวังและใส่ใจ เคยไหมเวลาที่เดินทางด้วยเครื่องบินแล้วได้ยินเสียงเด็กร้องจ้า หลายคนคงรำคาญเพราะเสียงร้องก็หนวกหูไม่แพ้เสียงเครื่องบิน แต่ทราบหรือไม่ว่าในเด็กบางราย เค้ากำลังทุรนทุรายด้วยอาการหูอื้อ บางคนเรียกว่า Ear Squeeze, Aerotitis, Barotitis media, หรือ Airplane ear เพราะทารกและเด็กมีท่อยูสเตเชียนที่มีขนาดเล็ก  จึงปิดเปิดลำบาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น