วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

[CR] กิน + เที่ยวประเทศจีนครั้งแรก ไปเมืองโบราณและตามรอยหนังอวตาร Changsha - Feng Huang - Zhangjiajie

นี่เป็นกระทู้แรกในพันทิปค่ะ ยังไงก็ติชมได้นะคะ ทริปครอบครัวทริปนี้เกิดจากที่บ้านอยากไปเที่ยวที่จางเจียเจี้ยที่เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องอวตาร แล้ว Air Asia ช่วงปลายปี 2013 มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินพอดี จึงมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่นี่กัน ตั๋วเครื่องบิน air asia ที่ได้ไปกลับ Bkk-Changsha-Bkk ราคาตั๋วอยู่ที่ประมาณคนละ 4000 บาท เดินทางระหว่างวันที่ 19 – 23 ตุลาคม 2557 รวมระยะเวลาทั้งทริป 5 วัน 4 คืน ไปเที่ยวชมสถานที่ทั้งหมด 3 เมืองชางชา เฟ่งหวง จางเจียเจี้ย เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปที่รวมคนแก่และเด็ก จึงคิดว่าจัดไปเป็น private ทัวร์น่าจะเหมาะกว่า พี่สาวจึงติดต่อกับบริษัททัวร์ที่ประเทศจีน (พี่สาวพูดและเขียนภาษาจีนได้) ชื่อบริษัท Hunan XiangZhongglv Inl travel service Co,Ltd. บริษัททัวร์จะจัดการในเรื่องของรถที่ใช้ในการเดินทาง โรงแรม บัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตลอดการเดินทางของเรา รวมไปถึงมีไกด์คนจีนที่สามารถพูดภาษาไทยที่จะเดินทางไปพร้อมกับคณะทัวร์ของเรา เพื่อช่วยในการอำนวยความสะดวกในแง่ต่างๆ  ค่าใช้จ่ายต่อหัวของทัวร์นี้จะตกอยู่ที่คนละประมาณ 12,000 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินนะคะ) ค่าใช้จ่ายในส่วนของเด็กๆ ก็จะเก็บแค่ค่าอาหารครึ่งราคา แล้วก็ค่าบัตรผ่านประตูต่างๆ ตั๋วเครื่องบินพร้อม ทัวร์พร้อม เราก็เริ่มออกเดินทางกัน เราออกเดินทางกันวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2557 จากสนามบินดอนเมือง โดยสายการบิน Air Asia  ไฟล์ท FD540 เวลา 7.45 น. ถึงจุดหมายปลายทางที่สนามบิน Changsha Huanghua International Airport ประมาณ 12.05 น. บรรยากาศรอบๆสนามบิน แทบจะไม่มีตึกสูง หรือว่าแหล่งช๊อปปิ้งอะไรเลย  ใครที่คิดจะมาเที่ยวที่นี่แล้วจะได้ช๊อปปิ้งซื้อของกลับไปมากมายอาจจะต้องคิดใหม่ เมื่อออกจากประตูสนามบินก็มีไกด์ชาวจีนมารับคณะเดินทางของเรา ด้วยความที่ทัวร์เยอะมาก จึงมีรถทัวร์มาจอดรอรับคนเยอะมาก ทำให้เราต้องรอรถของเราเข้ามารับที่หน้าประตูสนามบินประมาณ 30 นาที รถมินิบัสที่เราจะใช้ในการเดินทางในช่วง 5 วันในประเทศจีน เป็นรถบัสขนาด 34 ที่นั่ง (แต่ทั้งทริปรวมเด็กแล้วเรามีสมาชิกกันแค่ 15 คน จึงสามารถเลือกที่นั่งกันได้อย่างสบายมาก นั่งคนละเบาะคนละแถวยังได้เลย)   ออกจากสนามบิน Changsha Huanghua เราก็มุ่งหน้าสู่ร้านอาหารในเมืองชางชา ซึ่งห่างจากสนามบินประมาณ 20 นาที ชื่อร้านอะไรไม่รู้เพราะว่าอ่านไม่ออก ร้านอาหารต้องขึ้นบันไดไปชั้นสอง ซึ่งหน้าร้านมีป้ายห้ามสูบบุหรี่ตลอดทาง แต่ก็มีไปเหอะ มีป้ายห้ามสูบบุหรี่ที่ไหน คนจีนก็สูบที่นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องทนตลอดทริปนี้ เพราะว่าคนที่นี่สูบบุหรี่ตลอดเวลา ทุกสถานที่จริงๆ  แต่ไกด์ได้เตือนมาแล้วว่า คนจีนสูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นคนต่างชาติสูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบจะมีตำรวจที่ไม่รู้มาจากไหน รีบเข้ามาจับทันที และปรับ 300 หยวน หรือราวๆ 1,500 บาทไทย เพราะฉะนั้นต้องระวังให้ดี สำหรับผู้ที่ชอบสูบบุหรี่ อาหารมื้อนี้ได้ถูกจัดไว้ในห้องส่วนตัว ทุกคนในทริปฮือฮากับอาหารมื้อนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าหิวกันมาก และเป็นอาหารมื้อแรกสำหรับทริปนี้ ข้าวสวย ที่ตักใส่โถแบบไม่ใส่ใจ  ถ้าเห็นตอนเค้าตักใส่โถแล้วจะไม่อยากกิน ผัดผัก รสชาดอร่อยใช้ได้เลย แต่มันไปนิดนึง ต้มซุปใส่ข้าวโพด จานนี้รสชาดน้ำซุปอาจจะจืดไปซักนิดนึง สำหรับคนที่ติดการกินแกงจืดที่บ้านเราที่น้ำซุปจะเข้มข้นมีรสเค็มมากกว่า มะเขือยาวผัดถั่ว จานนี้เป็นจานที่เป็นไฮไลท์เลย ไปกินที่อื่นที่ทำเหมือนกันแบบนี้ก็ไม่อร่อยเท่าที่นี่ รสชาดกลมกล่อม ขนาดตัวเองเป็นคนที่ไม่กินมะเขือยาว ยังชอบเลย มะเขือยาวตอนที่ผัดออกมาแล้วจะมีรสชาดหวานหน่อยนึง และถั่วที่ผัดมาคู่กันก็กรอบกำลังพอดี ไม่เละจนเกินไป ฟินเลยจ้า ผักดองตุ๋นหมูสามชั้น จานนี้ถ้าเป็นคนที่ชอบกินหมูสามชั้นที่ค่อนข้างมันๆหน่อยจะอร่อยมาก แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบกินหมูสามชั้นที่มันมาก เลยชิมจานนี้ไปนิดเดียว ส่วนมากกินผักดองที่ใส่มาใต้หมูสามชั้นมากกว่า เห็ดหูหนูดำผัดห่วยซัว เห็ดหูหนูดำของเมืองจีนจะต่างกับที่ไทย เพราะว่าที่ไทยเห็ดหูหนูดำจะค่อนข้างนิ่มนิดนึง แต่เห็ดหูหนูดำที่เมืองจีนจะกรอบกว่ากัน ปลานึ่งซีอิ๋ว น้ำซีอิ๋วที่ราดตัวปลาอร่อยดี แต่ว่าเป็นปลาที่มีก้างเยอะมาก แล้วเป็นก้างที่มีลักษณะเป็น 2 แฉก จานนี้จะแกะให้เด็กกินต้องนั่งแยกก้างปลาให้ดีเลย เพราะว่าก้างปลาละเอียดมาก ข้าวตังคริสตรัล รสชาดเหมือนข้าวตังทอดที่ไทยเลย แต่จะมีหวาน สามารถกินเปล่าได้เลย (ลูก)เป็ดย่าง หมูเปรี้ยวหวาน เมื่อหนังท้องตึง เราก็เดินทางต่อ ไกด์บอกว่าเราต้องใช้เวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมงครึ่งในการเดินทางไปถึงที่หมายของวันนี้ คือเมืองโบราณเฟิ่งหวง หรือฟ่งหวง (Feng Huang)  ที่ต้องใช้เวลานานเพราะว่ามีบางช่วงที่เราไม่สามารถที่จะวิ่งบน High Way ได้ วิวข้างทางระหว่างการเดินทางไปเฟิ่งหวง การขับรถที่ไม่ได้ขับบน High way เรียกได้ว่าเป็นการขับรถที่หวาดเสียวมาก รถที่เมืองจีนจะเป็นรถที่ขับด้านซ้าย และเลนที่ขับจะเป็นเลนรถสวน ที่รถแต่ละคันจะขับแบบตามใจตัวเองมาก บีบแตรกันทุกครั้งที่มีการแซง จนบางทีอดคิดไม่ได้ว่า เค้าบีบแตรทักทายกันหรือเปล่า เพราะว่าบีบแตรกันตลอดทางจริงๆ บอกได้เลยว่าหลับไม่ลง เพราะเสียงแตร และการขับรถที่แซงกันอย่างกระชั้นชิด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในทริปนี้ก็เริ่มขึ้นเมื่อนั่งรถมาซักพักก็ต้องแวะเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากลัวกันที่สุดในทริปนี้ เตรียมตัวกันมาจากกรุงเทพฯ พกทั้งทิชชู่เปียก ทิชชู่แห้ง ห้องน้ำที่นี่มีแต่แบบนั่งยองๆ เท่านั้น เรื่องกลิ่นไม่ต้องพูดถึง ต้องรีบเข้ารีบออกมากกันเลยทีเดียว และอย่าหาความเป็นระเบียบของทีนี่ คำว่าต่อแถว คุณป้าคนจีนเค้าไม่รู้จัก แซงอย่างเดียว ถ้าคิดว่าจะต่อแถวแบบก่อนเข้าห้องน้ำ ห้องไหนเปิดแล้วหัวแถวเข้าก่อน ทำไม่ได้ที่เมืองจีน ที่นี่จะเป็นแบบใครดีใครได้ เดินทางมาได้แค่ครึ่งทางก็ได้เวลากินอีกแล้ว ร้านนี้เราแวะทานอาหารในโรงแรมระหว่างทางที่จะไปเมืองโบราณเฟิ่งหวง ผัดผักอีกแล้วจ้า เป็นอาหารที่ต้องมีทุกมื้อ อย่างน้อยสองอย่าง คากิ ลักษณะเหมือนพะโล้บ้านเรา แต่มันมากจ้า กลับไปจากทริปนี้คอเลสเตอรอลไม่ขึ้นให้มันรู้ไป หมูผัดพริก จานนี้สำหรับคนไทยแล้วเป็นจานที่รสชาดจัดจ้าน เหมือนผัดกระเพราบ้านเรา แต่พริกเค้ารสชาดจะไม่เผ็ดมาก (โปรดสังเกตุน้ำมันที่แยกออกมาจากน้ำผัดผัก Signature ของอาหารจีนต้องมัน!!!) ไข่เยี่ยวม้าราดเหมือนน้ำซีอิ๊ว ต้มฟัก ปลานึ่งซีอิ๋ว (เหมือนเมื่อกลางวันเลย ก้างตรึม) ต้มกระดูกหมู (เป็นคนชอบทานกระดูกหมูจานนี้เลยเป็นจานโปรดสำหรับมื้อนี้) สิ่งที่ควรระวังในถ้าไปรับประทานอาหารจีนในแทบจะทุกร้านเลยคือ คือพื้นที่ร้านอาหารลื่นมาก เหมือนว่าไม่ได้ถูมาแรมปี ในที่สุดการเดินทาง 7 ชั่วโมงครึ่งของเราก็สิ้นสุดลง เราเดินทางถึงเมืองโบราณเฟิ่งหวงประมาณ 4 ทุ่ม ซึ่งเมืองเฟิ่งหวงนี้จะมีทางเข้าเพียงทางเดียว ไม่ว่าจะเป็นคนจีนหรือว่าคนต่างชาติ จะต้องมาซื้อบัตรผ่านที่ประตูเมือง ซึ่งราคาของคนจีนและคนต่างชาติจะราคาเท่ากัน ซึ่งไกด์บอกว่าเงินที่เก็บนั้นจะเอาไว้จ่ายค่าบำรุงเมืองและค่าแสงสีเสียงที่จะเปิดให้ชมในตอนกลางคืน ก่อนที่รถจะเดินทางเข้าเมืองได้ จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจสอบจำนวนคนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเราซื้อบัตรเข้าเมืองครบตามจำนวนคน เนื่องจากเราเดินทางมาถึงเมืองโบราณช้ากว่ากำหนดการ เลยทำให้การชมแสงสีเมืองโบราณเฟิ่งหวงต้องพับเก็บไป อีกอย่างคณะเดินทางทุกคนก็เหนือยล้ากับการนั่งรถนาน 7 ชั่วโมงครึ่งแล้ว ทุกคนจึงตัดสินใจกลับเข้าพักที่โรงแรมเลย โรงแรมที่เราเข้าพักคืนแรก ชื่อโรงแรม Jinxiu Fenghuang Hotel  ห้องที่เราได้เป็นห้องที่ไม่ใหญ่มาก แต่สิ่งที่หนักที่สุดคือห้องเหม็นบุหรี่มาก ซึ่งไกด็ได้บอกว่า เกิดจากคนที่มาพักส่วนใหญ่ชอบสูบบุหรี่ในห้องพัก แม้ว่าจะพักในห้องที่เป็น Non Smoking area ก็ตาม จึงต้องทำใจรับสภาพไป เพราะว่าไม่ว่าจะเปลี่ยนไปนอนห้องอื่น ก็เหมือนกันหมด จบการเดินทางสำหรับวันแรก ที่ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย มีแต่กิน เข้าห้องน้ำ นั่งรถ ก็หมดเวลาแล้ว รอติดตามวันที่สองต่อไป เดี๋ยวจะมาต่อนะคะ ชื่อสินค้า:   จีน คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น