วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เที่ยวเวียดนามใต้(โฮจิมินห์-ดาลัต-มุยเน่) กับประสบการณ์เสียเงินมากกว่าที่ควรจะเสีย

วัตถุประสงค์ของกระทู้นี้ เพื่อแชร์ข้อมูลให้กับเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวเวียดนาม เพื่อเป็นข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ  จะได้ไม่ต้องเสียเงินมากกว่าที่ควรจะเป็น  หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ นะครับ     ก่อนผมจะไปเที่ยวได้อ่านรีวิวของเพื่อน ๆ หลายคน ว่าจะต้องระมัดระวังในเรื่องใดบ้างพอสมควร แต่ก็ยังพลาด  55555  แอบเจ็บใจตัวเอง   เรื่มที่เมืองดาลัต   ผมเลือกพักโรงแรมทิวลิป 1   และซื้อ City Tours กับโรงแรม   ระหว่างทริปไกด์ก็พาแวะร้านของฝาก จะมีน้ำชา ไวน์และเปลือกผลไม้แปรรูปให้ลองชิม  ว่าแล้วก็ซื้อชาคล้ายดอกกระหล่ำ ถุงละ 100,000 vnd มา 3 ถุง  มีทั้งหมด 100 ซอง  แต่จะแนะนำเพื่อน ๆ ว่าเราสามารถหาซื้อได้จากตลาดกลางคืนจะมีร้านขายของฝากอยู่ อย่างชาที่ผมซื้อในตลาดขายในราคาที่ถูกกว่า  ถ้าจำไม่ผิด ถุงละ 65,000 vnd  ประเด็นนี้ไม่เท่าไหร่ครับ           เหตุการณ์ที่สอง : หลังจากเที่ยวทริปทั้งวันในดาลัตหมดแรง กลางคืนก็เลยมาเดินหาของกินในตลาดกลางคืนดาลัต  อยากกินอะไรที่ดูเป็นวิถีชีวิตของชาวเมือง  เดินวนไปวนมาหลายรอบ ก็เห็นร้านอยู่ 2 ลักษณะ  คือ ร้านอาหารทะเลกับร้านเฟอ เป็นร้านเล็ก ๆ  แต่มีหลายร้านมาก  ผมเลือกนั่งร้านเฟอ  สั่งเฟอมา 1 ชาม กับ ไก่มา 1 จาน ขนาดจานเท่ากับจานข้าวมันไก่บ้านเรา อยากจะบอกว่าไก่เหนียวมาก เคี้ยวฟันแทบหัก กินไปได้ครึ่งเดียวยอมแพ้  พอเรียกเก็บเงิน รวมเบ็ดเสร็จ 200,000 vnd  (ประมาณ 300 บาท)   อึ้งไปพักหนึ่ง เพราะคิดว่าไม่น่าจะถึง 5555   ผมพลาดเองทั้งที่รีวิวมาแล้วว่า ควรสั่งอาหารที่มีราคาติดชัดเจน    ถ้าอร่อยจะไม่เสียดายเลยกับ 200,000 vnd   สรุปภาพรวมเมืองดาลัต  เป็นเมืองที่อากาศเย็น  อาหารอร่อย  บรรยากาศดี   รถจักรยานไม่คับคั่งเหมือนเมืองโฮจิมินห์        มาต่อที่เมืองมุยเน่    ช็อตพลาดของผมคือ หลังจากเที่ยวทริปครึ่งวันบ่ายโดยเช่ารถจิ๊ป หมดแรงต้องหาอาหารเติมพลังโดยเลือกไปกินอาหารทะเลที่เขาว่าขึ้นชื่อในเมืองมุยเน่ ชื่อร้าน LAM TONG QUAN  ผมสั่ง รอฟเตอร์ 2 ตัว,  หอยนางรม 5 ตัว  , ปลาราดซอส ,   ข้าว 3 จาน , เบียร์ไซง่อน 2 ขวด    ศิริรวม 1,850,000 vnd (2,800 บาท)    โอเคเลยครับกับราคาดังกล่าวเพราะในไทยคงไม่อาจเอื้อมกับรอฟเตอร์ 2 ตัว     แต่ที่พลาดคือผมมีเงินดองไม่พอ เลยเลือกจ่ายเป็นเงิน usd  ร้านตีราคามา 92 usd  (2,944 บาท คิดที่ 1 usd ต่อ 32 บาท หรือเท่ากับ 1,950,000 vnd )    ผมให้ไป 100   usd    ร้านต้องถอนคืนผม 8  usd  ( ประมาณ 170,000 vnd )   แต่ผมได้ถอนคืนมา  70,000  vnd   ณ ตอนนั่นผมก็ไม่ได้ทวงอะไร เพราะกำลังอิ่มเอมกับรอฟเตอร์กับเมาเบียร์ 2 ขวด  55555   สรุป ผมจ่ายเกินจากราคาจริงไป 100,000 vnd  (ถ้าจ่ายด้วยสกุล usd  เท่ากับ 92 usd  คิดเป็นเงินดองประมาณ 1,950,000 vnd  ถ้าจ่ายด้วยสกุลดอง 1,850,000 )    และได้เงินถอนน้อยไป 100,000 vnd   (ให้ไป 100 usd  ถอนมา 70,000 ดอง     จริง ๆ แล้ว ต้องถอน 8  usd คิดเป็นเงินดอง ประมาณ 170,000 vnd )   สรุปโดนทั้งขึ้นทั้งร่องไป 200,000 vnd       ไม่โทษร้านครับ    ผมพลาดเองไม่เตรียมเงินสกุลดองไปให้พร้อม    อีกอย่างเมาเบียร์ 2 ขวด  55555     อยากจะเตือนเพื่อน ๆ ไว้  เตรียมเงินดองไปให้พร้อม  เพราะจ่ายด้วยเงินดองถูกกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐแน่นอน     เมืองมุยเน่เป็นเมืองแห่งทะเล มีทะเลทรายทั้งทรายขาว ทรายแดง อากาศร้อน  แต่ผมชอบเมืองนี้ที่สุด  ถ่ายรูปท้องฟ้าสดใส   ทะเลทรายขาวสวยงามมากกกก รอฟเตอร์เนื้อแน่นมาก  รสชาติคล้ายปูนึ่งแต่เนื้อแน่นกว่าปูเยอะ สุดท้ายที่เมืองโฮจิมินห์   โดนหนักสุด   หนักจนหมดอารมณ์เที่ยวเลยทีเดียว    ผมเดินทางจากมุยเน่ไปโฮจิมินห์ด้วยรถนอน ออกจากมุยเน่ประมาณ 8.30 น.  ถึงโฮจิมินห์ประมาณบ่ายโมง      เก็บของโรมแรมที่จองไว้เรียบร้อย ก็ออกตะลอนเที่ยว  ผมตั้งใจจะเดินเที่ยวในเมืองให้ครบครึ่งวัน  และวันถัดไปจะซื้อทัวร์ครึ่งวันไปดูอุโมงค์ Chu ci    เดินไปสักพักพอถึงวงเวียนบริเวณตลาดเบนถัน ก็จมทางอยู่จะไปทางไหนต่อดี    สักพักมีรถสามล้อถีบจะอาสาพาเที่ยว ถามว่าจะไปไหน ผมก็บอกว่าไม่เอา   แต่คนขับสามล้อก็ไม่ลดละบอกว่า  fifteen tounsond  จะพาไปสามที่ มั่นใจว่าได้ยินราคานี้แน่นอน     คิดในใจก็ถูกดีนะ      ผมลืมบอกไปว่าผมไปกับแฟน  ด้วยสงสารแฟนด้วย ก็เลยตัดสินใจขึ้นรถสามล้อพาทัวร์  ไป  พิพิธภัณฑ์สงคราม  โบสถ์นอถเทอดาม  และวนกลับมาที่เดิม   พอถึงเวลาจ่ายเงิน  แฟนผมก็ยื่นไปให้ 50,000 vnd  ปรากฏว่าคนขับหยิบแผ่นป้ายกระดาษออกมาครับ 1,500,000 vnd  โอ้แม่เจ้า  งงสิครับ     เราก็ฟังเป็น  fifteen tounsond แล้วมันเป็น 1,500,000 vnd  ไปได้ยังไงละหว้า   ทำไงได้ล่ะครับ  นั่งมาจบทริปแล้ว ด้วยความที่ไม่ชัดเจนของเราเอง  ตกใจพร้อมมึนงง   เงินก็ไม่พอต้องไปหาแลกเงินอีก     สุดท้ายก็ให้ไปแบบงง ๆ ๆ ๆ     คือ งงตัวเองเหมือนกันทำไม ไม่เถียงหรือทำอะไรสักอย่าง อาจจะเพราะต่างบ้านต่างเมืองด้วย ทะเลาะไปอาจไม่คุ้มเสีย    เจอแบบนี้เข้าไปหมดอารมณ์เที่ยวต่อเลยครับ ฮา ๆ ๆ ๆ   หลังจากนั่นก็ไปหาของกินแล้วกลับโรงแรมเลยครับระงับความเจ็บปวด        เพื่อเก็บแรงกายและแรงใจไว้เที่ยวพรุ่งนี้อีกเต็มไว้      55     วันสุดท้าย ไปเดินตลาดเบนถันเพื่อหาซื้อของฝาก  ทริกเล็ก ๆ สำหรับเพื่อน ๆ นะครับ  อย่าเพิ่งยื่นเงินให้แม่ค้า เพราะผมโดนมาแล้ว  ตกลงซื้อขายให้เสร็จ ให้แม่ค้าแพ็คให้เรียบร้อย ชั่งกิโล หรืออะไรก็ว่ากันไป  ตกลงราคาที่แน่นอน แล้วค่อยให้เงิน  เพราะถ้าเงินไปอยู่ในมือแม่ค้าอำนาจต่อรองเราถึงว่าหายไปครึ่งทันที    เรื่องต่อรองราคา ต่อลงไปเยอะ ๆ เลยครับ  ถ้าเราไม่ซื้อแล้วเดินตีจากเดี๋ยวแม่ค้า จะตะโกนราคาตามหลังแบบลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ สรุปภาพรวมโฮจิมินห์   เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยรถจักรยานยนต์ครับ   ของแพงเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ   ก็คล้ายบ้านเราครับ   กทม.ค่าครองชีพสูงกว่าต่างจังหวัด   คร่าว ๆ ที่อยากจะแชร์เพื่อน ๆ  ก็มีเพียงเท่านี้ล่ะครับ    หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ  ที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวเวียดนามใต้   สรุปทุกเหตุการณ์ที่ผมเจอต้องโทษตัวเอง  พลาดเอง     อย่างกรณีรถสามล้อ ที่โรงแรมก็มีป้ายเตือนครับ  ว่าค่าบริการไม่เกิน 50,000 vnd   พลาดไปแล้วก็ทำใจครับ  คิดซะว่าทำบุญให้กับคนยากไร้   แต่แอบเจ็บใจ     5555        แต่นั่งรถสามล้อมก็ชิวดีนะครับ  แนะนำสำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ต้องการซื้อทัวร์  นั่งสามล้อเป็นอีก 1 ทางเลือกแต่ตกลงราคาให้ดี  เขียนลงในกระดาษให้ชัดเจนเลยครับ จะได้ชัวร์   อีกอย่างที่อยากแนะนำ เวลาข้ามถนนในโฮจิมินห์ สิ่งสำคัญคือตอนเริ่มข้าม  ถ้าเริ่มออกตัวไปแล้วเดินยาว ๆ เลยครับ ไม่ต้องสนใจรถที่วิ่ง มองระวังไว้เป็นพิธี เพราะรถจะวิ่งหลบเราเอง     ขอให้เพื่อน ๆ ที่กำลังจะไปเที่ยวเวียดนาม  เที่ยวอย่างสนุก เดินทางปลอดภัย  ไม่เจอเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น