วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
^^..HaPpY HaPpY..^^ Guide Lines ทริปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก แบบ 3 วัน 2 คืน
กระทู้นี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยว เขาค้อ-ภูทับเบิก (จขกท ไปแบบกางเต็นท์นอนนะคะ)
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า จขกท ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรมากมาย ไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เกิดจากการที่ เมื่อปี 2555 เป็นครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก แล้วเกิดความชอบ ความประทับใจเป็นส่วนตัว ทำให้ต้องกลับไปเที่ยวอีกในทุกๆปี จนมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 3 ปีติดแล้วคะที่ไปมา แต่ปีนี้พิเศษสุดๆเพราะจะได้กลับไปเที่ยวในรอบ 1 เดือนกว่าๆ อิอิ (เพิ่งไปมาเมื่อ 23-26/10/57 ที่ผ่านมา และจะไปอีกรอบวันที่ 5-7/12/57 นี้คะ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาเริ่มทริปกันเลยดีกว่าคะ ^_^
วันที่ 1 : กรุงเทพ-เขาค้อ
5.00 น. เริ่มต้นการเดินทาง ออกจากรุงเทพ มุ่งหน้าสู่เขาค้อ
(ใช้ ทางหลวงหมายเลข1 ถ.พหลโยธิน เส้นทางสระบุรี ==เลี้ยวซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองก่อนถึงสระบุรี มุ่งหน้าลพบุรี- เพชรบูรณ์ ทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอ.ต่างๆในจังหวัดลพบุรี จนถึงอ.เมือง เพชรบูรณ์ เลยอำเภอเมืองประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงแยกนางั่ว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 2258 เส้นทางนางั่ว-เขาค้อ ผ่านจุดทดสอบเนินมหัศจรรย์ เส้นทางท่องเที่ยว และรีสอร์ตต่างๆ บนเขาค้อ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)
10.30 น. นั่งรถชมบรรยากาศรอบๆ 2 ข้างทาง และเที่ยวที่จุดต่างๆใน อ.เขาค้อ
(จะเรียงลำดับจากสถานที่ที่ถึงก่อนหลังตามลำดับไปเรื่อยๆนะคะ
**หมายเหตุ:เส้นทางนี้ขึ้นจากถนนหมายเลข 2258 เส้นทางนางั่ว-เขาค้อ)
พระตำหนักเขาค้อ
ตั้งอยู่บนบริเวณเขาย่า ตำบลทุ่งสมอ อำเภอหล่มสัก พระตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการในพระราชดำริและทรงตรวจ เยี่ยมราษฎรอำเภอเขาค้อและอำเภอใกล้เคียง เป็นอาคารคอนกรีตครึ่งวงกลมมีทั้งหมด 15 ห้อง รูปทรงแปลกตาไปจากพระตำหนักอื่น สามารถขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าชมบริเวณโดยรอบพระตำหนักได้ การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2196 พอถึงประมาณกิโลเมตรที่ 29 ให้ไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร มีทางแยกด้านซ้ายไปพระตำหนัก(แยกรื่นฤดี) ทางขึ้นเขาค้อค่อนข้างสูงชัน รถยนต์ควรมีสภาพดี และกำลังเครื่องยนต์สูง
11.30 น. ลงเขามาจากพระตำหนักเข้าค้อ แวะทานข้าวกลางวันตรงแยกรื่นฤดี ชื่อร้านอาหาร “มาลีโภชนา”
หอสมุดนานาชาติเขาค้อ
ตั้งอยู่ที่เดียวกับเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ เป็นหอสมุดขนาดใหญ่ออกแบบเป็นรูปเพชรคว่ำ สร้างด้วยกระจกสะท้อนแสง ภายในเก็บรักษาหนังสือทั้งภาษาไทยและ ภาษาต่างประเทศ ในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดงาน “วันนัดพบเอกอัครราชทูต ณ เขาค้อ”โดยเชิญเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ มาร่วมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมของจังหวัด
ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) อยู่เลยกิโลเมตรที่ 28 ทางหลวงหมายเลข 2196 (ไปเล็กน้อย แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นจุดหนึ่งที่เห็นทิวทัศน์สวยงามและเคยเป็นฐานสำคัญทางยุทธศาสตร์ในอดีต ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ จัดแสดงปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบกันบนเขาค้อ มีห้องบรรยายสรุปแก่ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ อยู่บนยอดเขาสูงสุดของเขาค้อ อยู่เลยฐานอิทธิ ไปอีก 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพลเรือน ทหาร ตำรวจ ทหาร ผู้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511-2525 โดยสร้างด้วยหินอ่อนเป็นรูปสามเหลี่ยมสูง 24 เมตร หมายถึง การปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหารในปี พ.ศ. 2524 ผนังภายในบันทึกประวัติอนุสรณ์สถานและรายชื่อวีรชนผู้เสียสละไว้ด้วย การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2196 ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 28 ไปเล็กน้อย มีทางแยกขวาไปเส้นทางหมายเลข 2323 ประมาณ 3 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 31 กิโลเมตร
เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ
ตั้งอยู่บนยอดเขาติดกับหอสมุดนานาชาติเขาค้อ บ้านกองเนียม หมู่ที่ 4 ตำบลเขาค้อ ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองราชย์ 50 ปี และเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ในวันสำคัญทางศาสนาจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมกันประกอบพิธีทางศาสนา เช่น พิธีเวียนเทียน
พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก
ตั้งอยู่บริเวณบนยอดเขาค้อ ติดกับสำนักสงฆ์วิชมัยบุญญาราม อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ยอดเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย ส่วนราชการ พลเรือน และประชาชนชาวไทย ได้ร่วมจัดสร้างน้อมเกล้าถวาย เพื่อเป็นการ เฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในปี พ.ศ.2539 และเฉลิมพระเกียรติเนื่องใน วโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 โดยสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน และทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2543 หากใครได้มาเที่ยว เขาค้อควรแวะสักการะพระพุทธรูปภายใน เพื่อเป็นสิริมงคลแต่ตัวเองและครอบครัว ตีระฆังที่เป็นราวแนวยาว บริเวณด้านข้าง พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก อายุจะยืนยาวอีกหลายปี (ต้องตีให้ครบทุกใบ)
15.00 น. หาบริเวณกางเต๊นท์ (ไปรษณีย์เขาค้อ หรือ เขาค้อทะเลหมอก หรือ แทนรักทะเลหมอก)
พักผ่อนตามอัธยาศัย ถ่ายรูป หรือจะไปเก็บสตรอเบอรี่แปลงใกล้ๆแถวนั้น
(สตรอเบอรี่เขาค้อจะออกลูกประมาณปลายๆ เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์คะ)
18.30 น. มื้อค่ำแบบปิ้งย่างหน้าเต๊นท์ หรือร้านอาหารตามสั่งหน้าไปรษณีย์เข้าค้อ หรือร้านอาหารตามรีสอร์ทต่างๆ
21.00 น. เข้านอน ฝันดี ราตรีสวัสดิ์
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 2 : เขาค้อ-ภูทับเบิก
5.00 น. ตื่นเช้าดูทะเลหมอก
ชมทะเลหมอก ทะเล หมอกบนเขาค้อเกิดขึ้นบริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำรัตนัย ทำให้สามารถชมวิวทะเลหมอกได้เป็นบริเวณกว้าง จุดหลักของการชมทะเลหมอก คือริมเส้นทางสาย 2196 บริเวณตรงข้ามที่ทำการอำเภอเขาค้อ ซึ่งมีศาลาชมวิว สถานที่ราชการ และจุดกางเต็นท์สำหรับพักแรมของหน่วยงานราชการ และรีสอร์ทเอกชนจำนวนมาก ไว้รองรับนักท่องเที่ยว ทะเลหมอกมักเกิดในฤดูฝน และฤดูหนาว ในวันที่อากาศมีความชื้นสูง หรือวันที่มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งปกติสามารถชมทะเลหมอกได้ในวันที่ไม่มีลมแรง ส่วนวันที่มีลมแรง มักไม่มีทะเลหมอก แต่จะได้อากาศเย็นสดชื่นจากสายลมมาแทน
อ่างเก็บน้ำรัตนัย หรืออ่างเก็บน้ำบ้านรัตนัย 1 อยู่บนทางหลวงหมายเลข 2325 เลยกิโลเมตรที่ 5 ไปประมาณ 100 เมตร จะ เห็นทางเข้าอ่าง เก็บน้ำทางด้านซ้ายมือ เข้าไปตามทางเดินอีกประมาณ 400 เมตร อ่างเก็บน้ำรัตนัยเป็นอ่าง เก็บน้ำความจุ 2,020,000 ลูกบาศก์เมตร บนเนื้อที่ 1,600 ไร่ มีอาคารระบายน้ำล้น กว้าง 15 เมตร พร้อม ทำนบดิน สูง 15 เมตร ยาว 250 เมตร ในบริเวณอ่างเก็บน้ำมีลักษณะคล้ายทะเลสาบ ในตอนเย็นจะมีลมพัด เย็นสบายเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน
9.00 น. ทานมื้อเช้าแบบง่ายๆแถวที่พัก เก็บของเดินทางต่อ
ระหว่างทางแวะ
ไร่บีเอ็น
จากบ้านแคมป์สน กม.ที่ 100 ( ทางหลวงหมายเลข 12 ) มีทางหลวงหมายเลข 2196 เข้าไปอีก 3 กม. จะเห็นป้ายชี้ทางเข้าไร่ อีกประมาณ 3 กม. ในบริเวณไร่มีการเพาะปลูกพืชผัก และผลไม้เมืองหนาวนานาชนิด เช่น บรอคเคอรี่ หอมห่อ ฟักแม้ว ผักกาดแก้ว สตรอเบอรี่ ลิ้นจี่ ฯลฯ ดอกไม้ เช่น คาร์เนชัน แกลดิโอลัส แอสเตอร์ ฯลฯ และมีการขายผลิตผลหลากหลายประเภททั้งของสดและของแปรรูป
ร้านรูท 12 , ร้านค้ออินเลิฟ , ร้านสตอรี่คัพ
วัดพระธาตุผาแก้ว
เป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ และกำลังก่อสร้างเพิ่มเติม ตั้งอยู่ในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน บนเชิงเขาผาซ่อนแก้ว ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นวัดที่มีความสวยงามวิจิตรตระการตา เนื่องจากนำศิลปะหลายแขนงมาผนวกเข้ากับการก่อสร้างในเชิงพระพุทธศาสนา และมีที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาสูง ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านได้ 360 องศา กลายเป็นความสวยงามที่รวมเข้าไว้ด้วยกันทั้งในทางธรรม และในทางธรรมชาติ
รายละเอียดเพิ่มเติม
ที่อยู่ วัดพระธาตุผาแก้ว
เลขที่ 95 หมู่ 7 บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ 67280
รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาปฎิบัติธรรมที่ http://www.phasornkaew.org
11.00 น. ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก
14.30 น. กางเต็นท์ตรงลานกางเต็นท์ที่หออุณหภูมิของวิสาหกิจ (ค่าบริการสำหรับคนที่นำเต็นท์มาเอง คนละ 50 บาท)
จัดของเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย ถ่ายรูป ชมแปลงกะหล่ำปลี
เดินเล่นโซนฝั่งจุดชมวิวหออุณหภูมิ เดินดูรีสอร์ทต่างๆ ไปเรื่อยๆ ในบรรยากาศสบายๆสดชื่นๆ หมอกฟรุ้งฟริ้งๆ
17.00 น. อาบน้ำคะ 55555 (หรือใครจะซักแห้งก็ได้นะคะ)
19.00 น. มื้อค่ำแบบปิ้งย่างหน้าเต๊นท์ หรือร้านอาหารของรีสอร์ทบริเวณใกล้ๆ เดินเล่นย่อยอาหาร
20.00 น. เข้านอน ฝันดี ราตรีสวัสดิ์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 3 : ภูทับเบิก-กรุงเทพ
5.00 น. ตื่นเช้าดูทะเลหมอกที่จุดชมวิว
8.30 น. ทานมื้อเช้า เดินเล่น ซื้อของฝากผัก ผลไม้สดๆที่ชาวบ้านนำมาวางขาย เก็บของให้เรียบร้อย
เดินทางลงจากตรงจุดชมวิวภูทับเบิกเพื่อไปต่อที่หมู่บ้านทับเบิกและวัดป่าภูทับเบิก
(เจดีย์เพชรเจดีย์เพชร 37 ยอดสูง 80.90 เมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง)
ระหว่างทางก็จะผ่านรีสอร์ทสวยๆอีกมากมาย
12.00 น. ได้เวลาเดินทางกลับสู่สภาวะความเป็นจริงของเมืองหลวงอีกแล้ว เฮ้อออออออออ
13.00 น. แวะกินขนมจีนร้านดังของ อ.หล่มเก่า "ขนมจีนบุญมี"
อิ่มท้องแล้วก้เดินทางกันต่อ ระหว่างทางอาจจะแวะเที่ยวเรื่อยๆได้คะ
จนถึงกรุงเทพ ทีนี้ก็บ้านใครบ้านมันจ้าาาาาาาาาาาา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้วสำหรับทริปนี้ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ ใครจะนำไปเป็นแนวทางหรือปรับเปลี่ยนยังไงก็แล้วแต่ความสะดวกเลยคะ หรือมีอะไรก็สอบถามมาได้เลยคะ
*****ความฝันเล็กๆ ของ จขกท ไม่รู้จะเป็นได้แค่ฝันรึปล่าว คืออยากจะมีบ้านหลังเล็กๆสักหลังอยู่ที่เขาค้อหรือบนภูทับเบิกคะ ^_^
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น