วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[ประสบการณ์] ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระยะสั้น @ ประเทศญี่ปุ่น

ก่อนอื่น ขอสวัสดี ทุกท่านก่อนนะครับ ผมเพิ่งเข้ามาในพันทิปได้ไม่นาน ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้าบบบบ :3 เนื้อหามันจะยาวมากครับ ยังไงก็อย่าพึ่งเบื่อน๊าา ผมได้มีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นครับ ในปี 2013 ช่วงปลายมีนาคม - กลางเมษายน สโมสร Lions เป็นคนส่งพวกผมไปครับ ขอขอบคุณที่ทำให้ผมมีประสบการณ์การแลกเปลี่ยนทีดี และน่าจดจำ ศัพท์ที่จะใช้บ่อย คือ YE = Youth Exchange นะครับ ช่วงที่ยังอยู่ที่ไทย แรกเริ่ม เค้ามีงานให้ YE ได้มาพบกันก่อนในกรุงเทพ เป็นการให้ YE ได้มาพบปะและรู้จักหน้าตากันก่อนครับ แต่ตอนท้ายงาน Lions ทิ้งท้ายว่า วันที่ 24 มีนาคม จะมีงานเลี้ยงส่ง YE ประเทศไทย และต้อนรับ YE ญี่ปุ่นครับ ซึ่ง YE ไทยต้องมีชุดการแสดงมาให้ผู้ใหญ่ในงานและ YE ญี่ปุ่นได้ชมครับ ทำให้ได้มีการปรึกษาคุยกันในกลุ่ม YE ว่า จะเต้นกันครับ โดยตอนนั้นเพลงที่ใช้ Too much so much very much ของ พี่เบิร์ด และผสมกันกับเพลง Loving you Too much ของ Berryz工房 ครับ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง จนถึงวันงานแสดงครับ ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผู้ใหญ่ และ YE ญี่ปุ่น ชื่นชอบดีครับ ก็เลยรอดตัวไป ฮ่า ๆ (จขกท. ไม่ชอบการเต้นและเต้นได้ห่วยมากครับ เลยรู้สึกแบบนั้นไป) ภาพในงานเลี้ยงส่ง YE ไทยและต้อนรับ YE ญี่ปุ่นครับ (24 มีนาคม 2013) พวกเราได้มีโอกาสคุยกับ YE ญี่ปุ่นครับ เราได้ถามพวกเค้าครับ เกี่ยวกับว่า ทำไมถึงอยากมาไทย ชอบอะไรมากที่สุดในเมืองไทย อยากไปที่ไหนในเมืองไทย และอาหารในงานเผ็ดมั้ย ? (เพราะมีแต่ของเผ็ดนะครับ กลัวว่า YE ญี่ปุ่นเค้ากินไม้ได้ด้วยเลยถามไป) ก็คุยกันสนุกสนานดีครับ พวกเขาอัธยาศัยดีมาก แม้ว่าจะพูดอังกฤษไม่ได้ก็เถอะ แต่พวกเราก็พอถู ๆ ไถ ๆ กับภาษาญี่ปุ่นไปครับ ฮ่า ๆ ช่วงออกเดินทางไปญี่ปุ่น และส่วนของชีวิตในค่าย (28 มีนาคม - 31 มีนาคม) ข้อมูลคร่าว ๆ ก่อนจะไปญี่ป่นครับ โดยตอนนั้น เด็กที่ได้ไปมี 15 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ เลย คือ 1. คนที่ไปอาศัยกับโฮสต์เลย และ 2. คนที่ต้องไปเข้าค่ายก่อนครับ ซึ่งส่วนใหญ่ ถูกจับให้ไปอยู่ในค่ายครับ ผมก็อยู่ในกลุ่มเข้าค่ายครับ ตอนแรกบอกเลย อิจฉาคนที่ไปอาศัยกับโฮสต์มาก เพราะคิดว่า เข้าค่ายคงจะน่าเบื่อครับ และแล้ววันที่ 28 มีนาคม 2013 ก็มาถึง ผมก็ได้ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ เวลา 8.05 ไปถึงสนามบินนาริตะประมาณบ่าย 3 เกือบถึง 4 โมงเย็น (เที่ยวบินของผมมี YE 8 คนครับ เป็น ชาย 3 คน หญิง 5 คน) พอพวกเราเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง เก็บกระเป๋าอะไรเสร็จ ก็มีสโมสร Lions ญี่ปุ่น มารอรับพวกเราครับ ตะโกน Comยิ้ม ใหญ่เลย ฮ่า ๆ เค้ามารับในตัวอาคาร พอเราจะออกจากตัวอาคารกัน สิ่งแรกที่รู้สึกเลยครับ หนาว เสื้อสูทกันไม่อยู่ ก็เลยรีบวิ่งไปที่รถบัสที่เค้าจัดเตรียมมากัน พอขึ้นรถบัสเสร็จ เค้าก็แจกอาหารเลยครับ เป็นข้าวกล่องญี่ปุ่นเลย เป็นมื้อแรกในญี่ปุ่นที่อร่อยและประทับมาก และพอกินเสร็จเค้าก็บอกว่า เราจะไปที่ โยโกฮาม่ากันครับ ไปเข้าค่ายที่นั้น ก็ไปถึงตอนนั้น ก็ 1 ทุ่มแล้วครับ ยิ่งดึกยิ่งหนาวเลย เค้าก็บอกให้เอาสัมภาระไปเก็บที่ห้องพักครับ ห้องพักเป็นแบบเตียง 2 ชั้น 4 เตียง แต่แยกห้องกันครับ เลยมี 2 ห้องที่เป็นของ YE และรีบออกมาอาบน้ำ เพราะโรงอาบน้ำปิด 3 ทุ่มครับ วันแรกที่อาบน้ำ แรก ๆ รู้สึกอายมากครับ (ขนาดแยกชาย-หญิงนะ) จนผู้ใหญ่ต้องมาดึงผ้าเตี่ยวเราออกแล้วกอดคอเราลงอ่างอาบน้ำไปครับ ก็มีการคุยกันระหว่างอาบน้ำ คุยกันสนุกมาก ๆ ครับ จนลืมความอายไปเลย เสร็จแล้วก็ถึงเวลาเข้านอนครับ แต่ก่อนจะนอนได้มีการเรียกรวมตัวเพื่อพูดคุยสารทุกข์ สุขดิบ และแจ้งให้ทราบจากผู้ใหญ่เค้า ก็ได้เรื่องมาว่า "เราจะอยู่ที่ค่ายนี้กัน 4 วัน 3 คืน และในวันพรุ่งนี้ จะมี YE ญี่ปุ่นมาร่วมอาศัยกับพวกเราตลอดค่าย" ไอเราก็ ซวยละ พูดญี่ปุ่นยังไม่คล่องเลย ฟังก็ยังไม่เท่าไหร่ จะไหวมั้ยเนี่ยยย วันแรกก็เลยนอนด้วยความวิตกกังวลไปครับ วันที่ 29 มีนาคม 2013 เค้าก็มาปลุกเราครับ 6 โมงเช้า เย็นมากจนไม่อยากลุกออกจากผ้าห่ม 3 ชั้นเลยครับ แต่ก็ลุกออกไปแปรงฟันกัน จากนั้นก็ไปกินข้าวเช้าครับ มื้อแรกในค่าย ก็อร่อยดีครับ แต่อาจจะรสชาติเบาไปหน่อย (หรือผมเป็นคนภาคใต้แล้วกินอาหารรสจัดไม่รู้) พอ 8 โมงเช้า ก็มีคน 2 คนเดินเข้ามาครับ เป็น YE จากญี่ปุ่น เป็น ชาย หญิง คู่กัน โดยมีชื่อว่า Natsumi กับ Maki ครับ พวกเขาบอกให้เราคุยเป็นภาษาอังกฤษกับเค้าได้ครับ เราก็เลยรอดตัวไป วันนี้ ถูกเก็บตัวอยู่แต่ในค่ายครับ ก็ได้เรียนการเขียนคันจิ คั่นด้วยกินข้าวเที่ยง และการตีกลองครับผม กินข้าวเย็น อาบน้ำ ประชุม นอนครับ นี่คือภาพในวันนั้นครับ วันที่ 30 มีนาคม 2013 มาปลุกเหมือนเดิมครับ กินข้าวอะไรเวลาเดิม แต่แล้วตอน 8 โมง เค้าก็บอกให้พวกเราไปขึ้นรถบัสครับ พอขึ้นเสร็จ ผมก็ถามว่า จะไปไหนครับ เค้าก็ตอบมาว่า Tokyo Disneyland ครับ YE ไทยดีใจแทบกระโดดโลดเต้นครับ นึกว่า จะน่าเบื่อถึงขังลืมอยู่ในตัวอาคารซะแล้ว ตอนไปขออธิบายด้วยภาพกับวีดีโอในลิงค์นะครับ ลิงค์นี้ วีดีโอตอนที่พวกเราอัดกันไว้ครับ แบบสนุก ๆ ถ้ารำคาญก็ขอโทษด้วยน๊าาาhttps://www.facebook.com/video.php?v=595894480422657 กลับจากดิสนี่ย์แลนด์ ก็ข้าวเย็น อาบน้ำ ประชุม นอนครับ และนี้เป็นเก็บตกบรรยากาศในค่ายครับ วันที่ 31 มีนาคม 2013 ทุกคนเก็บข้าวของแล้วไปในเมืองโยโกฮาม่าครับ ไปที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้) ไปงานต้อนรับของ Lion ญี่ปุ่น และวันนัดพบของโฮสต์แต่ละคนครับ นี้ก็บรรยากาศก่อนงานเริ่มครับผม พอตอนจะเริ่มงาน โต๊ะแต่ละโต๊ะ แต่ละที่นั่งถูกระบุไว้แล้วครับว่า ใครจะนั่งตรงไหน แต่ที่พวกเรารู้คร่าว ๆ คือ พวกเราถูกแยกไปตามโต๊ะ ตามโฮสต์ และตามเขตพื้นที่ที่จะไปอาศัยครับ พวกโฮสต์ก็เริ่มทะยอยมาครับ แขกใหญ่ ๆ เค้าก็มา จนเหลือแต่โฮสต์ของผมล่ะ ยังไม่มาที งานจะเริ่มอยู่แล้ว ผมก็คิดขึ้นมาครับ เห้ยยย โฮสต์ไปไหน ทำไมยังไม่มา คนอื่นมาหมดแล้ว เหลือแต่โฮสต์เรา แต่ท้ายที่สุด พวกเขาก็มาหลังจากที่ผมคิดครับ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ระหว่างที่ประธานพูดในพิธี ผมอยู่ดี ๆ ก็น้ำตาร่วงเฉยครับ จนโฮสต์สะกิตถาม เป็นอะไรรึป่าว ก็ตอบไม่เป็นอะไรไป จนงานเลิก พวกเรา YE ก็ต้องกล่าวลากัน แล้วแยกย้ายกันไปตามโฮสต์ จบในรายละเอียดของงานต้อนรับ โฮสต์ของผมอาศัยอยู่ในโตเกียว ในเขต Edogawa ครับ มีสถานี JR และรถบัสวิ่งผ่านครับ โฮสต์พ่อเป็นคนญี่ปุ่น เป็น เจ้าของบริษัท Security แห่งหนึ่งในโตเกียว (ถ้าผมแปลไม่ผิดนะ) โฮสต์แม่เป็นคนฟิลิปปินส์ครับ เป็นแม่บ้าน คอยดูแลผมตลอดช่วงที่อาศัย มีลูกชายคนเดียว แต่โตจนมีครอบครัว แยกบ้านออกไปแล้ว อันนี้ รูปของครอบครัวโฮสต์ครับ ระหว่างที่นั่งจากงานกลับไปที่บ้าน โฮสต์ก็ส่งวัตถุคล้ายโทรศัพท์ให้ผม แล้วก็พูดว่า อันนั้น ฉันให้เธอตลอดที่เธออยู่ที่ญี่ปุ่น เป็น Portable 4G Wi-Fi จากนั้น ก็คุยกันถึงเรื่องทั่วไปครับ จนถึงบ้าน บ้านของโฮสต์เป็นคอนโดครับ อยู่ชั้น 5 สามารถมองเห็นพลุจากดิสนี่ย์แลนด์ตอนกลางคืนได้ทุกวันช่วง 2 ทุ่ม (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) พอเปิดประตูปุ๊บ หมาก็มานอนรอโฮสต์ที่ประตูล่ะ หมาชื่อ รันจัง ครับ โฮสต์ก็อุ้มเข้ามันเข้าไปในห้องนั่งเล่นครับ มันซนจริง ๆ วิ่งว่อนไปหมดเลย ในวันนั้น โฮสต์ก็ได้เอา Plan การทำกิจกรรมแบบคร่าว ๆ มาให้ผมดูครับ (สามารถยืดหยุ่นได้บาง Event ยกเว้น Event หลักครับ) ผมก็คิดว่า อยู่ให้เค้าบริการเราอย่างเดียว มันใช้ได้ที่ไหนกัน ต้องมีอะไรให้เค้าบ้าง เลยบอกไปครับ ว่า พรุ่งนี้ (1 เมษายน) จะออกไปช็อปของมาทำอาหารกัน โฮสต์ก็บอกโอเค พร้อมกับหมาที่เห่า โฮ่ง 1 ครั้ง เหมือนตอบรับเราเลย ก็เลยขำกันทั้งบ้าน จากนั้นก็อาบน้ำ และแยกย้ายกันเข้าห้องนอนครับ เข้าสู่ช่วงอาศัยกับโฮสต์ - กลับสู่เมืองไทย (1 - 12 เมษายน) (ขออนุญาตเอาเฉพาะ Event หลัก ๆ แล้วนะครับ) ขอใช้คำว่า พ่อ แทน โฮสต์พ่อ และ แม่ แทน โฮสต์แม่ นะครับ 1 เมษายน 2013 ผมออกไปซื้อของกับแม่ โดยนั่ง JR ซึ่ง ก่อนนั่ง แม่ก็เอาบัตร JR ให้ผมครับ ผมก็ลองหาข้อมูลดูว่าใช้ทำอะไรได้บ้าง สารพัดประโยชน์จริง ๆ ใช้ได้กับ 7-11 Taxi รถบัส ชิงคันเซน และ JR ใช้ได้เยอะมาก (หวังว่า เมืองไทยคงจะมีอะไรแบบนี้ตอนพัฒนาแล้วนะครับ) แม่ก็พาไปซื้อของที่ร้านขายของจากเมืองไทยครับ พอเข้าไป ก็เจอผักจากเมืองไทย และผลิตภัณฑ์จากเมืองไทยครับ แต่ผมกวาดสายตาหาสิ่งเดียวที่เข้าไป คือ มาม่าครับ และก็เจอและดูราคาของมัน แล้วก็วางทันทีที่รู้ราคาครับ (21 บาท แพงกว่าผักอีกอ่ะ) ผมมีแผนที่จะทำต้มยำกุ้ง กับไข่เค็มครับ ก็ซื้อวัตถุดิบไปหมด กว่าจะซื้อของเสร็จก็เที่ยงแล้ว แม่ก็พาเดินลงไปชั้นล่าง ไปนั่งร้านอาหาร 3 ชาติ (ญี่ปุ่น ไทย อินเดีย) แม่ก็บอกให้เราสั่งเลย ผมก็เลยสั่งผัดไทย ส่วนแม่สั่งอาหารอินเดียมา รสชาติก็อร่อยดีครับ แต่รสชาติเบา จากนั้นก็นั่ง รถบัสกลับครับ เข้าบ้าน เข้าครัว เจอพ่อกำลังทำกับข้าว ผมก็เลยแจมเลยครับ ทำกับข้าวด้วยเลย พ่อทำหมูปิ๊ง ส่วนผมก็ทำต้มยำกุ้งให้ครับ ผมก็ทำตามที่คนใต้ทำกันอ่ะครับ ทำรสชาติแบบจัดหนัก จัดเต็มเรื่องเผ็ดกันเลยทีเดียว และแล้วก็มาถึงมื้อเย็นของวันนั้น มีหมูปิ๊ง ข้าว ต้มยำกุ้งให้กิน พ่อบอกไหนขอลองชิมหน่อยสิ พ่อก็ตักต้มยำกุ้งไปกินครับ พ่อเค้าก็พูดว่า อร่อย ไม่ได้กินอะไรรสจัดแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่กลับมาจากเมืองไทย ผมก็ดีใจครับ พ่อชอบอาหารที่เราทำ แต่แม่กินไม่ได้ครับ ไม่กินเผ็ด นี้คือหน้าตาต้มยำกุ้งครับ ทำออกมาไม่ค่อยสวย ฮ่า ๆ ขอจบส่วนแรกไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอพักสักแปป เดี๋ยวมาเล่าต่อเนอะ ฮ่า ๆๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น