วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

[Nepal is happy, Poon Hill is happy] แปดวัน สี่ร้อยกว่ารูป ผ่านสิ่งรอบๆตัวที่ได้ไปเห็นมา [Part 5]

ความเดิมตอนที่แล้ว :: Part1 เหินฟ้าสู่นครกาฎมานฑุ ประเทศเนปาล : http://pantip.com/topic/32577139 Part2 เส้นทางสู่ Pohkara : http://pantip.com/topic/32577885 Part3: ก้าวแรกของการเทรกกิ้ง สู่ Ulleri : http://pantip.com/topic/32578396 Part4: พิชิตเส้นทางสู่ Ghorepani : http://pantip.com/topic/32579462 Day5: เช้าวันที่ 19 มิถุนายน 2014 และก็มาถึงวันสำคัญของผมและเพื่อนครับ ฐากูรและราอูลนัดผมไว้ทีตีสี่ครึ่งครับ อากาศตอนเช้าต้องบอกว่าสุดจะทน ทั้งๆที่ไม่ใช่ฤดูหนาวของที่นั่นนะครับ เอาจริงๆต่อให้ฤดูไหน บนยอดเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,400ft. ณ เวลาประมาณสี่นาฬิกา มันก็หนาวทุกที่แหละมั้ง เราทำให้ไกด์ผิดหวังนิดนึงตรงที่ เราลงมาเลทกว่าที่นัดไว้ประมาณสี่โมงครึ่ง ไกด์ก็บอกว่าที่นัดเราสี่โมงเนี่ย เราต้องเผื่อเวลาจาก Ghorepani เพื่อขึ้นไปยอดเขา Poon Hill จุดชมวิวที่จะได้เห็นเทือกเขาหิมาลัยหลายๆลูกเรียงสลับซับซ้อนกันที่สวยและมีชื่อเสียงในลำดับต้นๆของประเทศนี้  ประมาณสองชั่วโมง เมื่อเลทขนาดนี้ ผมไม่กงไม่กินอะไรละ รีบเดินเท้าขึ้นเขา เพื่ออะไร เพื่อที่ชีวิตจะไม่พลาดกับสิ่งที่ตามหามาตลอดทั้งทริปนี้ นั่นก็คือ โมเม้นท์พระอาทิตย์ขึ้น ทอแสงส่องประกายฉาบลงยอดเขาหิมาลัยเหล่านั้น หลายคนอาจสงสัยว่าสภาพอากาศตอนเดินเป็นยังไง ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผมไป ผมเดินสบายๆมากครับ รู้ตัวนะว่าหนาวแต่พอเดินแล้วเหงื่อออกมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยรู้สึกสบายตัวมากขึ้นครับ เมื่อคุณเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ผมไม่เจออะไรเลยนอกจากความมืด และกิ่งไม้แหลมคม พร้อมกับทางมืดๆที่ต้องอาศัยสติในการประคองขึ้นไปให้ดี ถึงแม้ว่า ทางเดินขึ้นจะไม่โหดหินเท่ากับตอนเราขึ้นมาจาก Ulleri เพื่อไป Ghorepani แต่ด้วยความมืดและอ๊อกซิเจนที่น้อยลงเรื่อยๆ ผมกลับรู้สึกว่า เออ มันไม่สบายเหมือนอย่างที่คิดนะ ส่วนเพื่อนผมนะเหรอ เดินหลังผมหลายๆขั้นบันไดมาก จนผมเห็นท่าทีว่า เราควรต้องหยุดพักบ่อยขึ้น เราทำอย่างนี้สลับกันไปเรื่อยๆ ตามประสามนุษย์เงินเดือนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เดินหยุด เดินหยุด เดินหยุด และเดินและหยุด ทันใดนั้น แสงแรกของวันก็ปรากฎขึ้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น