วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

IndyTrip...ฉายเดี่ยว...เที่ยวสิงคโปร์...นอนโฮสเทล

รีวิวนี้เป็นตอนต่อจากรีวิวที่แล้ว    http://pantip.com/topic/32758579    ด้วยความที่เป็นผู้หญิงอินดี้ มีโลกส่วนตัวสูงในระดับนึง ชอบเดินทางท่องเที่ยว และอยากจะไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ลองผิดลองถูก เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ที่สำคัญคือต้องการทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ลองออกไปค้นหาตัวเองสักครั้ง ไปในสถานที่ ที่เรายังไม่เคยไป ว่ามันจะใช่ตัวเราหรือเปล่า จึงอยากลองไปพักแบบโฮสเทลดูสักครั้ง ว่าการเดินทางแบบนี้ มันจะโอเคมั้ย และแล้วคำตอบที่ได้รับหลังจากการเดินทางได้สิ้นสุดไปแล้ว คือ “มันใช่” เป็นอะไรที่มีความสุขมากๆ เราได้สลัดความกลัวทิ้งออกไป และยังได้รับมิตรภาพกลับมาอีกด้วย  มีแต่คนบอกว่าเราบ้า ไปเที่ยวคนเดียวได้ยังงัย ก็อยากไปอ่าาาาา คงจะบ้าจริงแหละ 55555 งั้น...เรามาเริ่มเดินทางไปสิงคโปร์ด้วยกันเลยนะคะ วันแรก 1 พ.ย. 2014 ตั้งนาฬิกาปลุก 04.30 น. อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ออกจากบ้าน 06.00 น. โดยขึ้น BTS จากปุณณวิถี และมาต่อ Airport Link ที่สถานีพญาไท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แค่รู้ว่าวันนี้จะได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยว ในใจก็มีความสุขมากมายแล้วค่ะ ต่อให้ไปคนเดียวก็เถอะ อิอิ...  รอ Airport Link ประมาณ 15 นาที แต่ในใจแอบกังวลว่า มัยมันช้าจังว้า กลัวจะขึ้นเครื่องไม่ทัน ไม่อยากวิ่งไปเกต มันเหนื่อย หุหุ..... ระหว่างทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ ก็เก็บภาพ Selfie เอาไว้เยอะๆ จะได้แปะกระทู้ เพื่อบิ้ววววเพื่อนชาวพันทิพโดยเฉพาะ 5555555555 ถึงสนามบิน เช็คอินโหลดกระเป๋าเสร็จก็เกือบจะ 08.00 น. แล้วค่ะ น้องที่เคาเตอร์เช็คอินก็กำชับเราว่า เกตเปิด 08.20 น. ให้รักษาเวลาด้วยนะคะ ไอ้เราก็รับปาก....ค่ะ แล้วก็เดินไปถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วจึงไปเขียนใบ ตม. ขาออก แล้วก็เข้าไปด้านใน สแกนพาสปอร์ตด้วยเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งผ่านไปด้วยดี (เครื่องไม่ดูดพาสปอร์ตนะคะ แอบกลัวเพราะกระทู้นึงเคยรีวิวไว้) เดินซื้อของในร้านค้าปลอดภาษีแป้ปนึง จึงเดินไปรอขึ้นเครื่องที่เกต และเราเดินไปทันเวลาพอดี โชคดีไป ไม่ต้องวิ่งค่ะ 55555 สายการบินไทเกอร์แอร์ จะให้บริการเครื่องบินแบบแอร์บัส แถวที่นั่ง 3-3 เหมือนกับแอร์เอเชียค่ะ แต่มีบริการที่แตกต่างกันคือ ถ้ากระเป๋าสัมภาระเกิน 10 ก.ก. ต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง เที่ยวบินขาไปจากกรุงเทพฯ จะไม่มีบริการเช็คอินออนไลน์ เราจะต้องไปเช็คอินที่หน้าเคาเตอร์เท่านั้น ส่วนขากลับจากสิงค์โปร เราสามารถทำการเช็คอินออนไลน์ เบอร์คอลเซ็นเตอร์โทรฟรีค่ะ พนักงานของสายการบินนี้ จะหน้าตาออกไปทางแขกๆ หน้าตาคมเข้ม สวยๆ หล่อๆ ไปอีกแบบ พนักงานต้อนรับได้กล่าวทักทายและตอนรับผู้โดยสารที่หน้าประตู แนะนำโซนที่นั่งของแต่ละคน และแล้วเราก็พลาด.....คือเดินท่องที่นั่งตัวเองว่าเบอร์อะไร แต่ดันจำเลขที่ผิด ของตัวเอง 15E แต่สมองจำเป็น 11E ไปนั่งทับที่คนอื่นเค้า พอเจ้าของที่มาเค้าก็บอกแอร์ว่า....มีคนนั่งที่นังของฉันนนน แต่แอร์พูดกับเราสุภาพมาก เราก็บอกว่าของเราเลขที่นี้นะ เลยหยิบหางตั๋วให้ดู โอยยยยยยยยยยยยยย.....ที่ไหนได้ จำผิดง่ะ เรารีบขอโทษ แล้วก็รีบไสหัวไปที่นั่งตัวเองทันที 55555 (ในใจคิด.....ยังไปไม่ถึงไหนเลย โก๊ะจนได้ อายว่ะ) ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์ ประมาณ 2.30 ชม. เราก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ เครื่องลงที่ Terminal 2 ซึ่งเป็นอะไรที่สะดวกมาก รับกระเป๋าเดินทางเสร็จ ก็เดินออกมาขึ้นรถ MRT เข้าเมืองได้เลย เราได้ยืมซิมจากสมาชิกคนนึงในเว็บ สิงคโปร์แฟนคลับ www.singaporefanclub.com  ซึ่งเป็นซิมเติมเงินของ SingTel เพื่อไว้ติดต่อฉุกเฉิน เนื่องจากเราเดินทางคนเดียว มีอะไรก็จะได้อุ่นใจ ไม่ขาดการติดต่อ และก็เลือกสมัครอินเตอร์เนต เหมาจ่าย 15$ ใช้งานแบบไม่จำกัด 3 วัน บัตรเติมเงินหรือซิม สามารถหาซื้อได้ที่เคาเตอร์บริการในสนามบิน หรือ 7-11 ก็ได้ค่ะ ส่วนการเดินทางเข้าเมือง เราเลือกใช้บริการ MRT โดยซื้อบัตรโดยสาร EZ-link  เราซื้อที่เคาเตอร์ของสถานี MRT Changi  ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.singaporefanclub.com/index.php?topic=593.0  นะคะ นั่ง MRT เข้าเมือง จาก Changi Airport ---- Tanah Merah ---- Bugis ---- Chinatown แต่ละสถานีคือจุดที่เราต้องเปลี่ยนขบวน โดยเริ่มนั่งสายสีเขียวจากสนามบิน เพื่อมาต่อสายสีน้ำเงิน ไปยังที่พักย่าน Chinatown ค่ะ ออกจากสถานีปุ๊ปเราก็เติมเงินในบัตร EZ-link ไป 30$ โดยเครื่องจะรับเฉพาะแบงค์ 10$ เท่านั้น  เดินขึ้นมาจากสถานีโผล่ขึ้นมา ก็จะเห็นถนนคนเดิน พลุกผล่าน ทั้งคนไทย ฝรั่ง จีน แขก ร้านค้าริมถนนคนเดิน ตื่นเต้นและตื่นตาดีค่ะ  และโฮสเทล 5footway.inn project chinatown 1 จะอยู่ทางขวามือของเรา เดินไปประมาณ 10 ก้าวก็ถึงละ แต่........เราโก๊ะอีกแล้ว มองแต่ร้านขายของ เดินลากกระเป๋า สะพายเป้ อย่างตื่นตาตื่นใจ ไม่มองให้มันสูงๆ จะได้เห็นป้ายโรงแรม เดินเลยไปจนถึงวัดแขก แล้วก็เริ่มเหวอสิค่ะ ตรูหลงป่าวเนี่ยะ????  หยิบมือถือมาเปิด Google Map เท่านั้นแหละ ป้าดดดดดดดดดด!!!!!! ต้องเดินย้อนกลับไปตั้งเยอะ 555555 เหลือบมองนาฬิกา 14.00 น. โครตจะหิวเลย ท้องก็ร้อง เลยรีบเดินเข้าไปเช็คอิน แต่กว่าจะเข้าห้องพักได้คือหลัง 15.00 น. เลยฝากกระเป๋าไปไว้ แล้วไปหาอะไรทานแถวนั้น และเดินเก็บภาพประทับใจเล็กน้อย พอได้เวลาก็เข้าห้องพักเพื่อเก็บสำภาระแล้วก็เตรียมตัวออกไปลั้นลาต่อปายยยยยยยย 5footway.inn project chinatown 1 เป็นโฮสเทลราคาประหยัด เราว่าเหมาะกับนักเดินทาง Backpacker มากเลยค่ะ มีห้องพักให้เลือกหลายแบบ ทั้งห้องพักเดี่ยว พักคู่ พักรวมหญิง พักรวมชาย พักรวมชาย-หญิง ห้องน้ำรวม แต่แยกชาย และหญิง  มีอาหารเช้าแบบง่ายๆ ซีเรี่ยล นม ขนมปังปิ้ง ผลไม้ ชา กาแฟ น้ำเปล่า ถ้าเราพักเป็นห้องเดี่ยว ก็จะมีของใช้ในห้องน้ำให้ครบทุกอย่าง แต่การแบกเป้ไปเที่ยวแบบเรา ก็ไม่มีปัญหาจ่ายค่าเช่าผ้าเช็ดตัวไป 2$ แล้วก็ค่อยคืนใส่ตะกร้าในวันที่เช็คเอ้าท์อีกที่ แขกที่เข้าพักทุกคนจะต้องมัดจำค่ากุญแจ่และคีย์การ์ด 20$ และจะได้รับเงินมัดจำคืนตอนที่เช็คเอ้าท์เหมือนกันค่ะ โดยรวมแล้วบริการดี ห้องพักสะอาด ห้องน้ำสะอาด แต่ห้องไม่ใหญ่มากนะคะ ห้องที่เราพัก มีทั้งหมด 6 เตียง แบบห้องพักหญิงรวม และมีตู้ล็อคเกอร์ให้ค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติม www.5footwayinn.com     คราวนี้ก็ได้เวลาตะลอนทัวร์กันแล้วสิ จะช้าอยู่ทำมัยละ ไปกันเล้ยยยยยยยย จุดหมายปลายทางของวันแรก คือไปมารีน่าเบย์แซนด์ ถ่ายรูปกับเมอร์ไลออน เก็บภาพวิวและบรรยากาศระหว่างทาง นักท่องเที่ยวเยอะมาก มารอชมการแสดงแสงสีเสียงในช่วงค่ำ แต่เราพลาดโอกาสนั้น เพราะมีนัดทานมื้อเย็นกับน้องที่ทำงาน ซึ่งบังเอิญเค้าบินไปหาแฟน เลยนัดทานข้าวกัน หลังจากอิ่มมื้อเย็นก็เดินชมวิวเก็บภาพสวยกันนิดนึงแล้วก็แยกย้ายกันกลับที่พัก เดินทางกลับถึงที่พักก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เรารู้สึกกังวลใจมาก เพราะเรานอนห้องพักรวม กลัวว่าคนอื่นๆ จะนอนพักผ่อนกันแล้ว แต่เราสิ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย จะรบกวนคนอื่นเค้ามั้ยเนี่ยะ ในที่สุดเราก็โชว์ความโก๊ะอีกแล้วล่ะ บร่ะเจ้า!!!! ไขประตูห้องไม่ได้ เพราะหมุนกุญแจผิดด้าน บ้านเราจะนิยมหมุนจากซ้ายไปขวา แต่บ้านเค้าจะหมุนจากขวาไปซ้าย กว่าเราจะเปิดได้ก็นะ เล่นเอาคนในห้องตะลึงไปสักพักเลย 55555555  ทันทีที่เราโผล่หน้าเข้าไป มีสาวคนนึง “เซย์ไฮ” แล้วก็ยิ้มให้เรา เรายิ้มและ “เซย์ไฮ” ตอบ (เหมือนสาวกำลังลุ้นว่าเราจะไขกุญแจเปิดประตูห้องได้มั้ย 55 เราก็เพลียกับตัวเองเหมือนกัน) เราก็รีบหยิบของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าไปอาบน้ำทันที ทำเวลามากกก ประมาณ 15 นาที รีบกลับห้องแล้วกระโดนขึ้นเตียงทันที หลังจากนั้นสัก 5 นาที สาวอีกคนเปิดประตูเข้ามา แล้วก็พูดคุยอย่างสนิทสนมกับคนที่ยิ้มให้เรา (ในใจเราแอบคิด โหยยยยยยย เค้ามาด้วยกันหรอว่ะ พูดภาษาจีนกันใหญ่ ฟังม่ายออกเว้ยย) มีเราและอีกสองสาวนอนเตียงชั้นบนกันหมดเลย  หลังจากนั้นสถานการณ์ทั้งหมดได้เปลี่ยนไป กลายเป็นเรา 3 คน นั่งทำความรู้จักกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว หน้าที่การงาน และคุยกันสนุกมาก จากเที่ยงคืนครึ่งจนเกือบจะตีสาม คือในห้องพักคืนนี้มีกันทั้งหมด 6 คน เรามาจากไทย จีนส์และแม่ของเธอเป็นคนมาเลเซีย แต่มาทำงานที่สิงคโปร์ เธอต้องมาพักโฮสเทลชั่วคราว เพราะแม่เดินทางมาจากมาเลเซีย มาเยี่ยมในช่วงวันหยุด ส่วนอีกคน อลีน่าเธอมาจากไทเป มาท่องเที่ยวและพรุ่งนี้แม่ของเธอจะบินตามมาสมทบ  อีกคนนึงเป็นสาวเซี่ยงไฮ้ เธอหลับไปแล้ว เราเลยไม่ได้ทำความรู้จักกัน คนสุดท้ายนี่เป็นสาวฝรั่งไม่ทราบว่ามาจากไหน เราไม่ได้ทำความรู้จักกัน แต่เธอค่อนข้างจะมีโลกส่วนตัวสูงนั่งทำงานกับแลบท้อปไปเรื่อยๆ ฟังเพลงไปเรื่อยๆ พวกเราอยู่ชั้นบนจึงไม่ทันเห็นว่าเธอจะนอนแล้ว เรายังเม้าท์มอยกัน จนเธอโกรธบอกให้เรานอนกันได้แล้ว ถ้ายังไม่นอนขอให้เราไปคุยกันข้างนอก พวกเราดันเจอของดีกันอีกแล้ว เล่นเอาซะหน้าถอดสีกันเลย รีบขอโทษเธอแล้วก็แยกย้ายกัน พวกเรานอนจิ้มมือถืออัพรูปกันไป แต่ที่รู้สึกดีไปกว่านั้น เราเห็น New Feed ของเฟซบุ๊ค เจอสเตตัส ที่อลีน่าได้เช็คอินและแทคพวกเรา พร้อมพิมพ์ข้อความว่า “ Dear one day roommates, very happy talked with u! Welcome to Taipei next time^^ “  โอยยยยยยย ทุกคนคงจะเดาความรู้สึกของเราในตอนนั้นได้นะ ว่าเราจะมีความสุขมากแค่ไหน กับมิตรภาพที่ได้พบ ณ เวลานั้น กับการที่เราเลือกเดินทางคนเดียว เที่ยวคนเดียว นอนโฮสเทลเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะไปเราตื่นเต้นมาก ไม่ได้คาดหวังกับการเดินทางครั้งนี้เลย คือแบบไม่มโน รอไปเจอเอาดาบหน้าเอง แต่ไม่คิดว่าจะมีมิตรภาพดีๆ รออยู่ข้างหน้าแบบนี้ แล้วคืนนั้นพวกเราก็หลับกันไปพร้อมกับรอยยิ้มค่ะ วันที่สอง 1 พ.ย. 2014 ผลจากการนอนดึกทำให้พวกเราตื่นสายกันทุกคน อลีน่าตื่นเช้ากว่าใคร เธอทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว แต่เรากับจีนส์ ยังงัวเงียกันอยู่บนที่นอนสักพัก ก็ตื่นไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วแยกย้ายกันไปทานอาหารเช้า หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ก็อาบน้ำแต่งตัวกัน แต่ละคนมีแพลนท่องเที่ยวแตกต่างกัน เราจะไป USS ทั้งวัน อลีน่าต้องไปโบสถ์เสร็จแล้วเทอจะไปสวนสาธารณะและ USS หลังจากนั้นก็จะต้องไปรับแม่ที่สนามบินในช่วงเย็น จีนส์ต้องพาแม่ไปเที่ยวแล้วจึงค่อยส่งให้เดินทางกลับมาเลเซียในช่วงเย็น และน่าเสียดาย จีนส์ไม่ได้ค้างคืนกับเราแล้ว คืนที่ 2 จึงเหลือแต่เรากับอลีน่า และสาวจีน ส่วนสาวฝรั่งเธอได้เช็คเอ้าท์เช้าวันนั้นพอดี ช่วงเย็นก็มีสาวอินเดียเข้าพักแทนสาวฝรั่ง ส่วนเตียงนอนของจีนส์และแม่ก็กลายเป็นเตียงว่างปล่าวไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น