วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557

5 วัน 4 คืน กับ 3 อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ภูหินร่องกล้า ภูเรือ

นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมตั้ง ต้องขออภัยถ้าผมตั้งผิดหมวด
เริ่มกันเลยครับ ก่อนที่จะออกเที่ยวหลังจากทำงานมาทั้งปี ก็ ขอหยุดยาวชักหน่อย
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะไปคนเดียวก็ชวนเพื่อนๆไปด้วย แต่พอถึงวันแล้วไม่มีใครไปด้วย
ส่วนตัววันหยุดก็ลงหยุดไปแล้วตั้ง 5 วันจะอยู่เฉยๆก็ยังไงๆตัดสินใจเดินทางคนเดียวเลยครับ
เป้าหมายแรกคือ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ชึ่งครั้งนี้จะเป็นการขึ้นครั้งที่ 3 แล้วที่จะขึ้น
มีใครหลายคนบอกว่าจะไปทำไมหลายๆครั้งมันก็เหมือนเดิมนั้นแหละ
ส่วนตัวผมกลับมองว่า เอ้า ก็ ชอบนี้หว่าจะเป็นอะไรไปบ่อยๆ การขึ้นแต่ละครั้ง ต่างกันที่
ฤดูกาลบรรยากาศข้างบนมันไม่เหมือนกันนี้  ไปปลายฝนต้น หนาวก็เจอ หมอกยามเช้า
หรืออาจจะเจอฝนเทลงมา จนไปไหนไม่ได้เลย  ส่วนหน้าหนาวก็เจอ บรรยากาศแบบหนาวๆเย็นๆ
อาบน้ำทีนี้ยืนเอามือลองน้ำเป็น 10 นาที กว่าจะทำใจได้เลย

ก่อนจะตั้งกระทู้นี้ ผมได้แรงบันดาลใจ จากกระทู้รีวิว จากคนอื่นๆที่ตั้งใว้ก็เลยอยากมีกระทู้เป็ฯของตัวเองมั่ง

มาเริ่มกันเลย  ชึ่งผมไปมาตั้งแต่ 31 ตุลา - 4 พฤศจิกา 2557
ผมออกเดินทางจาก จังหวัดอุดรธานี(ผมเป็นคนอุดร)  ตั้งแต่ ตี 4.30 น  
ผมขี่มอเตอร์ไซค์ ชึ่งก็ไม่ใช่ bigbike แต่เป็น honda scoopy i  รถจ่ายตลาดนี้แหละ
เดินทางจากอุดร ด้วยเส้นทาง ผ่านจังหวัดหนองบัวลำภู เข้าสู จังหวัดเลย


ชึ่งผมใช้เวลาเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์  ประมาน 3 ชั่วโมง ขับเลื่อยๆ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถนนดีก็ขับได้เร็วเป็นช่วงๆ
พอมาถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวภูกระดึง  ก็เจอกับคณะทั่วกลุ่มไหญ่  มีแต่ รุ่นอายุ 40+ ทั้งนั้น


หลังจากที่เตรียมกระเป๋าเอาไปจ้างลูกหาบ ราคา ณ เดือน พฤศจิกายน ตก กิโลกรัมละ 30 บาท ชึ่งน้ำหนักกระเป๋าผม 11 กิโล ได้
แบกเป้เล็กเองอีกอันน้ำหนักประมาน 4 กิโล เริ่มเดินขึ้นตอน 09.00 น จับเวลา
ตอนขึ้นก็ยังไม่เมื่อยเท่าไร ยังถ่านรูปวิวได้เลื่อยๆ
  


ผ่านซำแฮกมาได้ก็ถือว่าทุกอย่างผ่าน เพราะหลังจากนั้นรางกายก็จะอยู่ตัวไม่สามารถเหนื่อยไปได้มากกว่านี้แล้ว
แต่สำหรับผมเกือบอ้วกครับยิ่งขึ้นคนเดียวชะด้วย  เดินมาเลื่อยๆ ตามหลังคนเหล็กแห่งภูกระดึง
อาใสเสียงเพลงจากลูกหาบนี้ละ พอได้มีแรงเดินต่อ


หลังจากถึงช่วงที่มีความชัน ลูกหาบก็เลยเดินช้าลง ผม ก็เลยถือโอกาศเดินแซงหน้า ชึ่งภูกระดึงพึ่งจะเปิด
ให้นักท่องเที่ยงขึ้นได้ประมานเดือนเดียวต้นไม้ ยังเขียวอากาศกำลังเย็นสบายแดดส่องไม่ถึงพื้น ถือว่าเป็นช่วงเวาลาที่เหมาะมาก
แต่ยังมีฝนตก  มีน้ำไหลตามร่องหินลงมาตามทางเดิน บางช่วงเป็นโครน  แต่พอเดินมาถึงช่วงที่เป็นบันไดที่ชันมาก
ก็แอบดีใจเพราะไกล้ถึง หลังแบ แล้วเป็นบททดสอบสุดท้ายก่อนที่จะสบาย

ขึ้นบันไดนี้ไปก็เดินต่ออีกประมาน 100 เมตรก็จะถึงหลังแบ
แต่พอผมขึ้นมาถึงหลังแบ  ตรงป้าย ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณคือผู้พิชิตภูกระดึง  นักท่องเที่ยวเยอะมากเลยครับ
ผมก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปจุดนั้นมา   รวมระยะเวลาในการเดินขึ้นเขา ถึงจุดหลังแบ ใช่เวลาไปประมานเกือบๆ 4 ชั่วโมง
ขนาดมาคนเดียวไม่ต้องรอเพื่อน นะ ยังช้าเพราะ แวะกินแวะนั่งพักทุกซำ ที่เดินผ่าน
จากจุดหลังแบ ผมเลือกที่จะใช้บริการจักรยาน  ก็ตันละ 40 บาท ถ้าผมจำไม่ผิด
ขี่ออกมาเส้นทางหลังแบ มาจุดผาหมากดูก ชึ่งถนนตอนนั้นถือว่าไม่สบายเท่าไร  มีน้ำตัดผ่านถนนตลอด
แต่ดีตรงที่เป็นทางราดลงเขาไม่ค่อยได้ปันเท่าไร  มาถึงผาหมากดูก ก็ แวะพักดูวิวกันชะหน่อย
จุดนี้หลายคนอาจไม่เคยเห็นส่วนไหญ่หลายคนเลือกเดินไปวังกวางมากวก่าจักรยาน

หลังจากนั้นผมก็ขี่จักรยานต่อมาถึง วังกวาง เป็นเวลาประมาน 13.00 น
แต่ลูกหาบที่หาบของผมยังขึ้นมาไม่ถึง  นั่งรอรับของตรง ศาลาพักนักท่องเที่ยว  คนอื่นๆก็เริ่มขึ้นมาเยอะ
ถือว่าวันที่ผมขึ้นนักท่องเที่ยวเยอะพอประมาน  150  ถ้ารวมกลุ่มทัวร์ที่เจอก่อนขึ้นเขาก็ 200 คนน่าจะได้

ช่วงรอของจากลูกหากผมก็เมื่อยมากหลับอยู่ตรงศาลาเกือบๆ 30 นาทีได้ ตื่นขึ้นมาคนอื่นๆก็งีบหลับเหมือนกัน
ประมาน 14.30 น ลูกหาบที่แบกสัมภาระของผมก็ขึ้นมาถึง   รับของจ่ายค่าแบกของเรียบร้อย
ถึงเวลาที่ต้องเดินหาที่กลางเต้นนอน ผมเลือกอยู่ด้าน ร้าน ธิดาน้อย ตอนแรกกะว่าจะขึ้นไปกลางเต้นบนศาลาข้างๆ
ร้านอาหาร แต่มีคนกลางตัดหน้าไปชะก่อน ผมเลยกลางเต้นใต้ต้นไม้ ชะเลย เพราะแถวนี้ทำเล ดี มีร้านอาหาร มีห้องน้ำ มีศาลา
จะได้ไม่ต้องเดินไกล ฝนตกก็ขึ้นไปอยู่บนศาลาได้แต่แล้วพอกลางเต้นเสร็จ ฝนก็ตกลงมาจริงๆโชคดีที่ตกไม่แรง
แต่ก็นานพอสมควร

หลังจากฝนหยุดเวลาก็เลยมานาน อาการเริ่มเย็นลงเลื่อยๆถึงเวลาไปอาบน้ำบอกได้เลยน้ำนี้เย็นมากๆ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ทำธุระ ส่วยตัวเรียบร้อยก็เดินไปหาอะไรทานที่ร้านธิดาน้อย คนเยอะมากครับ
ผมก็สั่ง  ผัดกระเพาหมูกรอบ+ใข่ดาว 1ฟอง   ราคา ก็ 70 บาท

ร้านนี้บริการ ซาร์จแบทโทรศัพท์ หรืออื่นด้วยนะครับก่อนกินผมก็เอาโทรศัพท์ + แบทสำรองไปซาร์จใว้ด้วย
กินไปนั่งดู TV ไปรอแบทเต็ม ร้านปิด 4 ทุ่มครับทุกร้าน
กลับมานอนรอตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้ารับวันไหม่
ตื่นมาตอน ตี 4.40 น รีบเดินไปล้างหน้าแปลงฟัน  คนอื่นๆก็ตื่นมาเหมือนกัน เตรียมตัวรวมกลุ่มที่ จุดบริการนักท่องเที่ยว
จะมีเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เดินนำทาง ระยะ ประมาน 2กิโม เดินในความมืด ทุกคนจำเป็นต้องมี ไฟฉายส่องนำทาง

คนอื่นเขามากัน เป็นคู่เป็นกลุ่มเล็กกลุ่มไหญ่ เดินตามกันมา ชึ่งผมมาคนเดียว  เดินอย่างใวเลย อิจฉาคนอื่นเดินจับมือกัน
เช้านี้ หมอกลงเยอะมากเลยครับส่องไฟฉายไปข้างหน้าเจอแต่หมอก
พอเดินมาถึง ผานกแอ่น ก็สำรวจตัวเอง ว่ามีทาก เกาะมาหรือเปล่า ผลคือโดนเกาะมาด้วย 2 ตัวครับ


ใช้เวลาเดินมาประมาน 30+ กว่านาที  นั่งรอดูพระอาทิตย์ แต่น่าเสียดายหมอกลงเยอะเกินไปทำไห้มองไม่เห็นดวงอาทิตย์
ตอนขึ้นมาจากอีกขอบฟ้าเลย นักท่องเทียวมารอดูกันเยอะเลย เสียดายตามๆกันไป



ผมนั่งรอจนเวลาเกือบ 7 โมงเช้าผมก็เลยเดินกลับนะตอนนั้นหมอกก็ยังลงเยอะไม่มีทีท่าจะจางหายเลย

ระหว่างทางเดินกลับ ผมเลือกที่จะเดินกลับทางรานพระแก้ว  แวะ ขอพร ชะหน่อย มาคนเดียวขอยึดพระธรรมนี้ละ
ช่วยไห้การเดินทางปลอดภัย



เดินกลับมาถึง วังกวาง เตรียมเป้  เตรียมเสบียงอาหารน้ำดื่ม ขนม(ชึ่งผมชื้อขึ้นมาตั้งแต่ 7-11 ก่อนถึงภูกระดึงแบกขึ้นมาด้วยข้างบนแพง)
ได้น้ำขวดไหญ่ ขวดละ 40  และข้าวกล่อง ชึ่งผมเลือกที่จะเอาข้าวผัด ราคา 60 บาท ห่อใส่เป้เตรียมออกเดินทาง
เวลา 8 โมงเช้าผมเลือกที่จะเช่าจักรยาน  ในการเดินทาง ทั้งวันรอดูพระอาทิตย์ตก ราคาประมาน 360  ถ้าผมจำไม่ผิด
หลายคนอาจคิดว่าขี่จักรยานมันเปลืองเที่ยวได้ไม่ครบทุกจุด  แต่ผมก็พยายามไปไห้ได้ทุกจุด
ไปน้ำตกก่อนเลย ขี่จักรยานไปจอดใว้ จะมีเจ้าหน้าที่ของทางร้านเช่าจักรยานคอยดูแลอย่างดี
เดินครับเดินไปดูน้ำตก ระยะ ทาง ไปกลับมาเอาจักรยาน เกือบ 10 กิโล นี้เป็นการเดินดูน้ำตกไห้ครบ ทุกน้ำตกนะครับ ตั้งแต่ต้นทาง
ยันปลายทาง แต่ถ้าใครที่เลือกเดินจาก วังกวาง ไม่ต้องเดินไปกลับ เดินออกจากด้านน้ำตกวังกวางแล้วเดินต่อไปตามเลื่อยๆ
ระยะทางประมาน 5 กิโล ก็จะถึงน้ำตกวังไหญ่ เป็นที่สุดท้ายก่อนถึงถนนบนเขา

น้ำตกอยู่ตกนู้นนผมเดินไปไม่ได้ได้แต่ถ่ายรูปอยู่ไกลๆ น้ำไหลผ่านไม่มีที่ข้ามเลย


ทางที่เดินไปดูน้ำตกจะเป็นทางที่อยู่ในป่า  มีลำบากมีสบายปนๆกันไปแต่ธรรมชาติในป่าสีเขียวๆทำไห้รู้สึกสดชื่นตลอด
หลังจากเดินดูน้ำตกจนครบผมก็เดินกลับมาทางเดิม กลับมาเอาจักรยาน เพื่อที่จะไปต่อตรงจุด สระอโนดาต
ชึ่งผมตั้งใจจะมาพักทานข้าวที่นี้ครับ  ดูสภาพกล่องข้าวผัดของผมครับ  น่ากินไหม่ ฮ่าาา และหมดเลยอยู่ในเป้ สพายหลังมา


นั่งพักทานข้าวเสร็จ  เจ้าหน้าทีของร้านเช่าจักรยาน บอกว่าทางข้างหน้าไปต่อไม่ได้สำหรับจักรยาน
แต่นักท่องเที่ยวที่เดินสามารถไปได้ผมจึงขี่ย้อนกลับมาทางเดิมอีกนิด มีทางลัดไปยัง ผานาน้อย
แล้วก็ไปยังผาต่างๆ เพื่อที่จะไปยัง ผาหล่มสัก  ชึ่งว่ากันว่าถ้าใครขึ้นภูกระดึงไม่ได้ถ่ายรูปตรงผาหล่มสักแสดงว่ามายังไม่ถึงภูกระดึง



ในที่สุดผมก็มาถึงผาหล่มสักจนได้  เวลา บ่าย 2 ถือว่ามาเร็วมากยังไม่มีใครมาเลย หรือเป็นเพราะผมขี่จักรยาน หรือเปล่า

นั่งมองดูวิว  ข้างล่างฝนตก อยู่บนนี้ก็ได้ คิดในใจ  ฝนอย่าผ่านมาทางนี้นะ เดียวได้เดินกลับไปพักในร้านค้าแน่ๆ
เวลาบ่ายสอง  ผมต้องนั่งรอ ดูพระอาทิตย์ตก เพาะผมตีตั๋ว ดูพระอาทิตย์ใว้แล้ว  เวลาอีกตั้งนาน  ผมมองหาที่ร่มๆแสงแดดส่องไม่ถึง
จะทำอะไรละครับ  ก็นอนนะสิ หลับๆตื่นๆกลัว ทาก มากัดครับ เวลารอเลยผ่านไป คนนั้นคนนี้เริ่มเดินมาถึงกัน
เสียงก็เริ่มดังเพราะคนเยอะ ผมก็เลยลุกมานั่งดูคนนั้นคนนี้ถ่ายรูปกัน รอพระอาทิตย์ตก


น่าเสียดายเมฆเยอะบังพระอาทิตย์หมดเลย ขี่จักรยานกลับบนภูกระดึงมองลงมาเห็นแสงไฟจากอำเภอภูกระดึงเป็นวิวที่สวยไปอีกแปป
แต่ไม่มีเวลาลงไปถ่ายเดียวจะขี่จักรยานตาม คนอื่นไม่ทัน มันมืดไปหมด

กลับมาถึงวังกวาง ประมาน 2 ทุ่ม เก็บของเสร็จทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยทานข้าวแล้วกลับมานอน
ตื่นเช้ามาบรรยากาศเย็นสบายหมดลงเหมือนเดิม

เก็บของเก็บเต้นเองสัมภาระไปไห้ลูกหาบแบกลง 11 กิโลเท่าเดิมเริ่มเดินลง 7 โมงเช้า ลงถึงข้างล่าง 11 โมงเช้า
นั่งรอรับสัมภาะ จากลูกหาบ เกือบบ่ายโมง จ่ายตังรับของเสร็จ ผมไปอาบน้ำชำระเหงือ เตรียมตัวเดินทางไปต่อ  อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
บ๊ายบ่าย อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เจอกันไหม่ครั้งหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น