วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บอกเล่าประสบการณ์หลังกลับจากเที่ยวโอซาก้ากับ TAAX

เพิ่งกลับมาเมื่อวาน ไปและกลับไฟลท์เดียวกะดาราด้วย (ดาราที่ว่าคือน้องมีน พีชญากับปุ๊กลุก ฝนทิพย์) เค้าไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรกะเรานะคะ แค่เอามาแอบอ้างเฉย ๆ ว่าบินไฟลท์เดียวกับดารา อยากแชร์ประสบการณืเผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะไป 1. ขาไปเครื่องลง 23.50 น. ถ้านั่งท้าย ๆ เครื่องอย่างเรา 3 แถวสุดท้ายเลย รอผ่านตม.นานมาก คนเกือบเต็มลำ แต่ตม.เปิด 4 ช่อง ใช้เวลาร่วม ๆ 1 ชม.ถึงผ่านออกมาได้ ตม.กะดึกรู้สึกว่าไม่ได้เคี่ยวอะไรเลย เราไปกับลูกด้วยไม่ได้ยื่นใบจองโรงแรม หรือตั๋วกลับหรืออะไรทั้งสิ้น ยื่นแต่พาสปอร์ต ตม.ก็ไม่ขอดู แต่เอกสารใบขาเข้าประเทศญี่ปุ่น ด้านหลังมีให้ทำสัญลักษณ์ถูกในช่อง No ด้วย เห็นหลายคนไม่ได้พลิกไปดู โดนตม.ไล่ให้ไปเขียนเพิ่มตรงจุดกรอกเอกสารตรงกลาง ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นเอง โดนไล่ไปกรอกเอกสารเพิ่ม คงต้องกลับไปต่อท้ายแถวใหม่ แต่พี่ไทยอย่างเรา ๆ ไม่ ไปกรอกเอกสารเสร็จ เดินกลับมาแซงเราอีก เสมือนว่าที่ของชั้นยังอยู่ ทั้งที่ตม.เนรเทศออกจากแถวไปแล้ว เฮ้อ และสังเกตุว่าไม่ว่าจะเป้นตม.ช่องไหนก็ตาม ถ้ากรอกไม่ครบ โดนดีดออกจากแถวทันที ไม่มีการให้ยืนกรอกด้านหน้าจนท.เด็ดขาด 2. ออกจากตม.มาแล้ว กระเป๋ามารอเราอยู่นานและ เลยเรียกแท็กซี่ไปโรงแรมคันไซ แอร์พอร์ต วอชิงตัน โฮเต็ล เพราะพาลูกเล็กไปด้วย นอนสนามบินคงไม่เหมาะ เบ็ดเสร็จแท็กซี่พามาส่งภายในเวลาประมาณ 10-15 นาที โดนค่าแท็กวี่ไป 3,800 เยน ประมาณ 1,140 บาท พอคิดดูอีกที นอนที่นิคโก้โฮเต็ล คันไซแอร์พอร์ต ราคาแพงกว่าวอชิงตัน โฮเต็ลไม่เท่าไหร่ อาจจะคุ้มกว่า ไม่ต้องต่อแท็กซี่ด้วย ออกตม.เข้าโรงแรมได้เลย บอกไว้เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่ตัดสินใจจะพักที่โรงแรมไหนดี 3. ไปถึงวันแรกตัดสินใจซื้อไคยูคังพาส เพราะเน้นพาลูกไปดูปลา และใช้นั่งรถไฟจากสถานีรินคุทาวน์ เข้าเมืองไปได้เลย รวมทั้งเดินทางได้ฟรีตลอดวัน แต่ไม่ได้ซื้อโอซาก้า อเมซิ่งพาส เพราะรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับเรา ไปถึงโอซาก้าแต่ไม่อยากไปปราสาทโอซาก้าเลยไม่เอา 4. วันที่สองเลือกไปปราสาทฮิเมจิ เคยเห็นรีวิวในทริปแอดไวเซอร์ เอารูปมาลงปราสาทกลับมาสวยแล้ว ถ่ายรูปอาจจะติดเครนข้าง ๆ ปราสาทนิดหน่อย แต่ตัวปราสาทก้อโดดเด่นมาก ถ่ายแบบไม่ติดเครนก็ยังได้ แถมคนไม่เยอะเท่าไหร่ อาจจะเพราะยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ ไปถึงแล้วเดินดูรอบ ๆ ได้ แต่ยังไม่เปิดให้เข้าชมตัวปราสาทหลักด้านในแค่นั้นเอง ค่าเข้าก็ลดจาก 600 เยน เหลือ 400 เยน เพราะยังเปิดไม่ครบ วันนี้เราเลือกซื้อ Kansai area pass 2 days เพราะนั่งไปถึงฮิเมจิได้เลย คุ้มสุด ๆ 5. หลังกลับจากปราสาทนั่งยาวมาลงเกียวโต เปลี่ยนไปขึ้นรถไปอินาริ แบบไม่ต้องออกสถานีเกียวโต เพราะลำพังเราพักอยู่โฮเต็ล คินกิ หาทางออกจากสถานีโอซาก้าไม่เจอก็แย่แล้ว ไม่อยากหลงที่สถานีเกียวโตอีก เลยใช้เป็นแค่ทางผ่าน 6. วันสุดท้ายเลือกใช้ Kansai area pass วันที่สองนั่งไปนารา เที่ยวนาราที่เดียวทั้งวัน เย็น ๆ กลับมาอาบน้ำแต่งตัว สองทุ่มครึ่งเช็คเอาท์ลากกระเป๋าไปขึ้น Kansai airport rapid service ที่สถานีโอซาก้ากลับสนามบิน นับว่าคุ้มแล้วกับพาสนี้เพราะใช้นั่งรถไฟกลับสนามบินได้ด้วย แค่นั่งไปกลับนาราก็คุ้มแล้ว นั่งรถไปสนามบินเลยเหมือนนั่งรถฟรีไป 7. ข้อแนะนำ เราออกจากสถานีโอซาก้าประมาณ 3 ทุ่ม ไปถึงจุดรอเช็คอินแอร์เอเชียประมาณ 4 ทุ่ม 10 นาที คนรอเช็คอินมหาศาลล้านแปดมาก แต่เดี๋ยวก่อน ตั้งสติดี ๆ ก่อน เดินไปอ่านป้าย เห็นว่ามีป้ายสำหรับ Individual Check In, Baggage Drop และ Business Class เดชะบุญ แถว Business Class แทบไม่มีคน แต่เราไม่มีปัญญาซื้อที่นั่งแบบนั้น เหลือบไปเห็นแถว Baggage Drop คนรอแค่ประมาณ 10 คน ช่องนี้สำหรับคนทำเว็บเช็คอินมาแล้วรอโหลดกระเป๋าอย่างเดียว เราเลยรอดจากการอคิวมหาศาลล้านแปดไปอย่างหวุดหวิด เสียเวลารอไม่นานก็โหลดกระเป๋าเรียบร้อย ฉะนั้น อย่าลืมทำเว็บเช็คอินทั้งไปและกลับมาให้เรียบร้อย ตอนนี้ทำผ่านเน็ตได้แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ซื้อที่นั่งก้อตาม 8. เมื่อผ่านตม.มาแล้วอยากจะช้อปทิ้งทวน ให้ช้อปก่อนนั่งรถไฟใต้ดินไปหน้าเกท เพราะตรงจุดนั้นไม่เหลืออะไรแล้ว มีแต่ตู้น้ำหยอดเหรียญแก้เหงาเท่านั้น 9. ขากลับแอร์บนเครื่องหนาวมาก อย่าลืมพกผ้าห่มไปด้วย 10. งง ๆ หลง ๆ กับการขึ้นรถไฟ JR เราพักอยู่แถวอุเมดะ ใช้รถไฟที่สถานีโอซาก้าสเตชั่นเป็นหลัก ขาไปขึ้นรถไฟพอจะถามทางคนญี่ปุ่นไปถูก แต่ขากลับออกจากสถานีทีไรหลงทุกที เสียค่าแท็กซี่เล่น ๆ ไป 2 วัน ๆ ละ 660 เยน เพราะทำยังไงก็หาพิกัดโรงแรมที่ตัวเองพักไม่เจอสักที กว่าจะรู้ทางก็วันสุดท้ายก่อนกลับบ้านแล้ว โรงแรมที่เราพักชื่อโฮเต็ลคินกิ เราจองผ่านเว็บไซต์โดยตรงถูกกว่าจองกับอโกด้า เช็คมาแล้ว ห้องพักแบบ double room กว้างพอควร นอนแบบ 3 คนพ่อแม่ลูกได้ ทำเลดี อยู่ปลายทาง whity mall ที่ประตู M6 ฝั่งตรงข้ามคือ EST Shopping mall ,Hep Five ฯลฯ ห้างเยอะมาก แต่เดินไปไกลไม่ได้เพราะมันคอยแต่จะหลง เลยเดินไปแค่ whity mall เท่านั้น 11. แถม ขากลับนั่งรถไฟ JR กลับสนามบิน เนื่องจากทริปนี้ไม่เช่าไวไฟใช้เลย เพราะไม่ได้ติดโซเชียลขนาดนั้น เลยอาศัยเช็คข้อมูล hyperdia ก่อนออกจากโรงแรมทุกครั้ง โดยใช้ไวไฟโรงแรม แต่ขากลับมาถึงสถานีก่อนเวลารถไฟ rapid จะมา และเห็นรถไฟ local ขึ้นป้ายว่าไปถึงคันไซ เลยโดดขึ้นไป ยังนับว่าโชคดีที่ที่นั่งมีหน้าจอแสดงป้ายบอกว่าถึงสถานีไหนแล้ว พร้อมกับมีแผนที่รถไฟอยู่ในมือ เลยเอะใจว่าทำไมสถานีปลายทางมันไม่ใช่คันไซ พอจะถึงสถานี hineno อยู่ไม่ได้ เลยถามลุงนักธุรกิจ (เห้นใส่สูท) ข้าง ๆ ว่าคันนี้ไปถึงคันไซไหม ลุงก็ไม่รู้ไปถามคนอื่นให้อีก ทีนี้คนหันมาช่วยเรากันทั้งโซนเลย แต่ไม่มีใครอธิบายให้เราฟังได้ว่าเราต้องทำยังไง เพราะเราเห็นหน้าจอว่ามันโชว์ว่าไป wakayama และขึ้นภาษาอังกฤษประมาณว่าโบกี้ที่ 1-4 ไปคันไซ โบกี้ที่ 5-8 ไปวาคายาม่า แต่ไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจถูกไหม สุดท้ายมีหนุ่มแขกพูดอังกฤษคล่องมาช่วย ถามว่าจะไปคันไซแอร์พอร์ตใช่ไหม ถ้าใช่ เราต้องออกจากโบกี้ที่เรานั่งคือโบกี้ที่ 8 ออกไปขึ้นโบกี้ที่ 1-4 ทีนี้ชัดเลย รีบหอบลูก สามี กระเป๋าวิ่งออกจากโบกี้ 8 ไปโบกี้ 4 เหนื่อยมาก แต่ก็รอดมาได้ เท่าที่นึกออกก็มีเท่านี้ ถ้านึกเรื่องอะไรได้จะมาแชร์เพิ่มเติมนะคะ ป.ล.คนญี่ปุ่นใจดีจริง ๆ แหล่ะ วันแรกที่พักแถวอุเมดะ หาทางไปโรงแรมไม่เจอถามลุงคนนึง เค้าพาเดินขึ้นจากซับเวย์มาไกลมากเพื่อมาหาโรงแรมให้เรา ซึ้งใจจริง ๆ และคนส่วนใหญ่เราว่าเค้ามีทักษะภาษาอังกฤษนะคะ ถามทางนี่เค้าฟังเข้าใจตอบเราได้ คือจากประสบการณ์คนที่ภาษาแย่สุดน่าจะเป็นจีนมากกว่าถามอะไรไม่เคยรู้เรื่องเลยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น