วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

# 13วันของการเดินทางสุดเก๋ ฮอกไกโดสู่เกียวโต ที่แทบไม่เดินชนคนไทย #

          สวัสดีเพื่อนๆค่ะ ก่อนไปเที่ยวกันขอแจกแจงรายละเอียดก่อนนะคะ... ทริปนี้ไปกันตั้งแต่พฤศจิกายนของปีที่แล้วค่ะ เราเดินทางกันสองคน....สองสาวที่แข็งแรงดั่งหินผา......  ไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นการแบคแพคไปญี่ปุ่นรอบที่สองของพวกเรา เลยพยายามเลือกที่เที่ยวที่ยังไม่เคยไป บางที่ก็เช่ารถขับกันไปค่ะ เพราะฉะนั้นในทริปนี้จะไม่มีสถานที่ฮิต อย่างโตเกียว หรือโอซาก้าเลยนะคะ               เนื่องจากผ่านมา 1 ปีแล้วเพิ่งจะมาเขียนเล่าให้เพื่อนๆฟัง เลยขอออกตัวก่อนว่า รายละเอียดบางอย่างอาจจำไม่ได้แล้วหรือข้อมูลคลาดเคลื่อนไปบ้าง เพราะจะเน้นเล่าให้ฟังมากกว่าว่าไปเจออะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้นหากเพื่อนๆคนไหนกำลังหาข้อมูลอยู่ต้องเช็คความถูกต้องอีกรอบ...นะจ๊ะ               ขอบอกชื่อเมืองที่จะไปคร่าวๆ ก่อนนะคะ (13days)   Sapporo – Otaru – Hakodate – Matsushima (Sendai) – Yamadera – Mt.Zao(Yamagata) – Nagoya – Shirakawa-go (Takayama) – Arashiyama (Kyoto) พวกเราเน้นเที่ยวธรรมชาติที่ถ่ายรูปออกมาสวยๆค่ะ พวกวัดหรือมิวเซียมต่างๆก็จะไม่ใช่แนวเท่าไร (แต่ก็มีไหว้พระบ้างน้า ตามวัดที่สวยๆ เดี๋ยวจะว่าพวกเราเข้าวัดแล้วร้อน 55555)*ทริคเล็กๆที่ควรรู้ก่อนเดินทาง (จากประสบการณ์ที่เจอมาเองและจากการหาข้อมูลค่ะ) -    ญี่ปุ่นไม่ได้ปลอดภัย 100% ลืมกล้องไว้บนชินคันเซนก็หายได้นะคะเพื่อนๆ....คนสติไม่ดี คนเมา โฮมเลส สามารถพบได้ทั่วไป -    รถไฟตรงเวลาก็จริง แต่พี่แกเสียได้นะคะ อาจมีเลียกลางคันต้องลงมาเปลี่ยนขบวนใหม่ (สงสัยไม่ค่อยเข้าวัดดวงเลยไม่ค่อยดีค่ะ <) -    คนญี่ปุ่นมีน้ำใจมาก  หากเขาจะช่วยเราแล้วเขาจะทุ่มเทพาเราไปส่งจนถึงฝั่งฝัน แม้เขาจะพูดอังกฤษไม่ค่อยคล่องแต่ความพยายามเป็นเลิศค่ะ...แต่จำพวกที่กลัวคนแปลกหน้า ที่เวลาเข้าไปถามแล้วเดินหนีก็มีนะคะ..แต่น้อย -    ปากมีไว้กิน...และถามค่ะ ไม่แน่ใจเส้นทางไหนถามจนท.ในสถานีรถไฟ หรือถามคนที่น่าเชื่อถือที่เดินผ่านไปมาได้ เสร็จแล้วแล้วกล่าวอาริกาโตะโกไซมัสดังๆ   -    สัญญาณไฟสำหรับคนข้ามถนนเป็นอะไรที่เคร่งครัดกว่ากฎระเบียบในโรงเรียนบ้านเราอีก ถ้าไฟแดงแล้วละก็..แม้ไม่มีรถมาก็ยืนรอไปค่ะ ยืนเป็นจ่าเฉยกันเลย -    แทกซี่ที่นั่น ประตูเปิดเอง ปิดเอง และคนขับที่ใส่สูทผูกไทด์ก็มีด้วย -    คนญี่ปุ่นแต่งตัวดีมาก ผู้ชายส่วนใหญ่ใส่สูท ไม่มีใครลากแตะออกมาเดิน หากเพื่อนๆไปต้องจัดเต็มกันนะคะ -    คนสูงอายุประเทศเขาแข็งแรงเหลือเกิน เดินขึ้นเขาที สาวๆอายค่ะ -    หากจะเข้าร้านเกมที่เรียกว่าปาจิงโกะ พกที่อุดหู ที่อุดจมูกไปก่อนเด้อออ แรกๆอาจหูดับหรือสำลักบุหรี่ได้ (อันนี้เว่อไปนี้ดดดค่ะ 555 ) -    เวลาจ่ายเงินตามเค้าท์เตอร์ ให้วางเงินในถาดที่เขามีให้ -    ประตูที่กั้นเวลาเดินเข้าสถานีรถไฟในช่วงเวลาเร่งด่วน จะเปิดค้างค่ะ ไม่ต้องวิ่งกลัวประตูหนีบก้นนะคะ 5555 -    ตั๋วรถไฟจะเป็นกระดาษใบเล็กๆ สามารถสอดเข้าที่เสียบบัตรทางใดก็ได้ ตีลังกาท่ายากแค่ไหนก็สอดได้ค่ะ แต่ระวังหายนะคะเพื่อนๆ ไม่งั้นตอนขาออกเจอซื้อใหม่น้า (ดิฮั้นโดนมาแล้ววว) -    บรรยากาศในรถไฟ เงียบกว่าห้องสมุดมหาลัยบ้านเราอีกค่ะ...ยิ่งถ้าเป็นชินคันเซนหรือพวกรถLTD นี่ต้องออกมาคุยโทรศัพท์ข้างนอกโบกี้นะจ๊ะ -    ขึ้นบันไดเลื่อนต้องยืนชิดไปข้างหนึ่ง ต้องมีเลนสำหรับคนวิ่ง100*100  จะชิดซ้ายหรือขวา ดูคนข้างหน้าเอาเนาะ แต่ละเมืองไม่เหมือนกัน (แต่ส่วนใหญ่จะชิดซ้ายนะคะ..ถ้าจำไม่ผิด) -    น้ำเปล่า น้ำชา ตามร้านอาหารส่วนใหญ่ฟรีค่ะ **เท่าที่นึกออกมีประมาณนี้ค่ะ บางเรื่องก็มีคนพูดถึงไว้เยอะแล้ว เพื่อนๆลองหาข้อมูลดูนะคะ**Let ’ s go !!!              วันแรกของการเดินทางเริ่มจากฮอกไกโดค่ะ.... ถึงสนามบิน Chitose @ Supporo แต่เช้าเลย วันนี้วันเบาๆค่ะ จากสนามบินมาโรงแรม เรานั่งรถบัสเอาค่ะ เอาของไปฝากโรงแรมแล้วก็ออกมาเดินเล่นในตัวเมืองซัปโปโร ไปสถานที่ที่ฮิตๆ            พวกเราเดินเที่ยวกันค่ะ เดินไปเรื่อยๆ เล่นกันไปด่ากันไป เส้นทางไปแต่ละที่ที่ไปใช้เปิด google map กับถามคนแถวนั้นเอา บางที่ก็ถึงแบบไม่รู้ตัว บางที่ก็แทบพลิกเกาะฮอกไกโดหาเลยค่ะ... อากาศก็หนาวพอสมควรเลย วันนี้เพิ่งมาถึงวันแรก จากเมืองไทยสี่สิบดีกรี มาเจอเจ็ดดีกรีเข้าไป กะเหรี่ยงอย่างเราสั่นสิคะ ปากเปิกเขียวเชียว...               แต่โชคเข้าข้างพวกเราค่ะ.... ระหว่างบ่นหนาวกันจนปากแทบฉีก ก็มีคุณลุงญี่ปุ่นคนนึงได้ยินค่ะ เขาเลยมาทักว่าเป็นคนไทยหรอ เขาเคยไปอยู่เมืองไทยมาหลายปี ฟังออกบ้างแต่พูดไม่ได้ (เขาถามเป็นภาษาอังกฤษค่ะ)  แล้วก็โบกมือโบกไม้ให้เดินตามแกมา เราสองคนก็ลังเลค่ะ..กลัวโดนพาไปขาย5555 แล้วลุงก็ชี้ไปฝั่งตรงข้ามเป็นมินิมาร์ทค่ะ ทำนองว่าจะพาไปมินิมาร์ท พวกเราก็เดินตามไปถึงข้างในเลย ลุงแกเดินไปหยิบอะไรก็ไม่รู้เป็นห่อๆ หยิบมาหลายอันเลยค่ะ เกือบสิบเลย แล้วตรงรี่ไปจ่ายเงิน ไอ้เราก็ยืนเงิบค่ะ งง ว่าต้องทำตัวยังไง..... พอซื้อเสร็จ ลุงแกะห่อออกมา ข้างในเป็นถุงสีขาวไม่รู้ใส่อะไรไว้ แล้วสาธิตวิธีใช้ค่ะ เขาถูๆถุงขาวไปมาซักพัก แล้วยื่นให้เรา.... มันร้อนค่ะท่านผู้ชม!!!!  มันคือ hot pack ไว้แปะตามตัวช่วยให้ร่างกายอบอุ่นค่ะเพื่อนๆ หน้าตาเป็นแบบนี้ (นี่หาจากอากู๋มานะคะ เป็นรูปจากเพื่อนๆในพันทิปนี่แหละค่ะ)              ว่าด้วยเรื่องคุณลุงต่อค่ะ.... พอสาธิตเสร็จ เราก็ขอบคุณกันยกใหญ่ แล้วก็ถามว่าเท่าไรจะจ่ายเงินให้ ปรากฎว่าคุณลุงไม่เอาค่ะ ยังไงก็ไม่เอา แกพูดทำนองว่า นิดเดียวเอง ดีใจที่เจอคนไทยเลยอยากให้... ปลาบปลื้มมากค่า โค้งคำนับหัวแทบติดดิน พร้อมยกมือไหว้แบบนางสาวไทยเลยค่ะเพื่อนๆ                  วันนั้นเราก็เดินเล่นกัน ที่ที่ไปก็เช่น Odori Park, Clock Tower, TV tower, Former Hokkaido Government Office , ย่านถนน Tanukikoji Shopping Arcade ซึ่งเป็นถนนคนเดิน มีห้าง parco เดินต่อมาจะเป็นย่าน susukino พวกเราอยู่ฮอกไกโด 4 วัน วันที่สองเราเช่ารถขับกัน....เดี๋ยวมาต่อวันที่สองนะคะ ซักครู่จ้า........ ต่อค่า..... วันที่สอง วันนี้เราเช่ารถขับกันค่ะ ตั้งใจจะไปทะเลที่ Shakotan กัน ที่นั่นมีแหลม Kamui cape                เริ่มต้นเลยก็นั่งเจอาร์ไปลงสถานี Otaru แล้วตรงดิ่งไปบริษัทที่เช่ารถค่ะ ดำเนินการต่างๆ เช็คสภาพรถ สอนใช้จีพีเอส (ใช้ระบบท่องจำและถ่ายรูปเอาค่ะ 555 เพราะเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย TT )  เรื่องการเช่ารถ พิกัดที่ที่จะไปพวกเราหาข้อมูลและจองรถมาจากเมืองไทยนะคะ        ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าขับไปประมาณเกือบๆชั่วโมงค่ะ แรกๆกลัวตัวสั่นเลย นั่งหลังตรงช่วยกันดูทางกันคิ้วขมวดเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ..... ขับไปซักพักก็ชินค่ะ เส้นทางที่ไปไม่ค่อยมีรถ ขับไปเรื่อยๆก็มีวิวทะเล ลอดอุโมงค์บ่อยมากกกก วิวข้างทางสวยดีค่ะ ขับเพลินกันไป ที่กั้นก่อสร้างถนน.. น่ารักคิกขุ อาโนเนะมั้ยคะเพื่อนๆ พอมาถึงจุดหมายที่แรก...จุดชมวิว shimamui coast (จอดรถแล้วเดินลอดอุโมงค์ไปจะเจอวิวทะเล)  ลงจากรถปุ๊บตัวแทบปลิวเลยค่ะ ไม่ได้ผอมนะคะ....แต่ลมแรงมากกกกกกกก < หนาวมากด้วย ฝนก็ตกพรำๆ จำได้ว่าตอนนั้นอุณหภูมิ เป็นเลขตัวเดียวค่ะ แต่feel like -10  ฮ่าาๆๆ  ถ่ายรูปทีนิ้วแทบหลุด      ถ่ายกันอยู่ร้อยกว่ารูปค่ะผลัดกันไปมา ตอนนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เหงาเชียวค่ะ 5555 ถ่ายกันจนพอใจบวกกับทนหนาวไม่ไหว ก็เดินกลับมาที่รถเพื่อขับไปอีกจุดนึง อันนี้คือไฮไลท์ค่ะ Kamui Cape ทางดูเหมือนนิดเดียวนะคะ แต่พอเดินไปจนสุดแหลมจริงๆ ก็แทบตายค่าาา เหนื่อยเป็นหมาหอบแดดเลย... แต่พอเดินไปจนสุดหินที่เห็นลิบๆนั่น ก็คุ้มนะคะเพื่อนๆ ภาพถ่ายไม่สวยเท่าตามองค่ะ วิวระหว่างทางเดินไปก็สวย เป็นทะเลสองฝั่งซ้ายมือเลย       สุดทางแล้วค่ะ นั่งพักกันเงกเลยว่าเริ่มจะถ่ายรูปได้ ฮ่าๆๆ       วันนั้นต้องกลับมาคืนรถที่โอตารุก่อนหกโมงเย็นค่ะ เลยทำเวลากันน่าดู เสร็จจากทะเลก็ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ขากลับเลยขับเที่ยวในเมืองโอตารุกันค่ะ ตามไปกินร้านอาหารดังๆตามรีวิวด้วย แต่จำชื่อร้านไม่ได้ซะเล้วววว TTร้านเค้ก LeTao ก็ไม่พลาดค่าาาคลองโอตารุสุดฮิตจ้าาาเสร็จกิจแล้วก็ขับรถไปคืนที่บริษัทเช่ารถ แล้วก็นั่งเจอาร์กลับโรงแรมค่ะ.... จบวันที่สองแล้ววว ..... เหลืออีก 11 วัน!! อมยิ้ม11อมยิ้ม07 ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว แก้ไขข้อความเมื่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น