วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Autumn in Japan by 9MOT #1 ขับรถตะลุยภมิภาคโทโฮคุ ตระการตาแหล่งชมใบไม้เปลี่นสี ที่คนไทยไม่คุ้นเคย

อารัมภบท
สำหรับคนไทยแล้ว นาทีนี้ดูเหมือนญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่ใคร ๆ ก็อยากไป อันเนื่องจากนโยบายยกเว้น VISA  แถมด้วยโปรฯ ตั๋วเครื่องบินทั้ง low cost และ premium ทำให้คนไทยไปญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก  แถมสบายกระเป๋ากว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะเมื่อค่าเงิน Yen ของญี่ปุ่นตกลงมาเหลือไม่ถึง 30 บาทต่อ 100 เยนเท่านั้น

คนชอบถ่ายภาพแบบผมก็แอบมองญี่ปุ่นมานาน ถ้าเป็นปลากัดคงท้องไปสามรอบแล้ว 555 แต่โอกาสก็เพิ่งจะมาถึงปีนี้นี่เอง และตามประสาช่างภาพที่ชอบขับรถท่องเที่ยวไปตามสถานที่แปลกใหม่ซึ่งทัวร์ไม่ค่อยพาไป  โปรแกรมขับรถเที่ยวญี่ปุ่นผสมกับใช้  JR pass จึงถือกำเนิดขึ้นซะที  หลังจากที่คนอื่นไปแล้วไปอีก ผมได้แต่นั่งดูรูปชาวบ้านตาปริบ ๆ มาหลายปี  งานนี้ตรูจะเอาคืนแล้ว  ใครหลงเข้ามาอ่านเตรียมตัวดูรูปให้ตาแฉะ 555

และก็เหมือนกับทุกทริปที่ผ่านมาของผมครับ แม้จะไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ แต่ผมก็อยากเรียกว่ามันเป็นทริปถ่ายภาพ   เพราะผมใช้เวลาส่วนใหญ่ของการวางแผนไปกับการหาจุดถ่ายภาพสวย ๆ และแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีแปลก ๆ ใหม่  อาจมี outlet แทรกเข้ามาแทรกให้สาวน้อยสาวใหญ่ ในทริปได้กระชุ่มกระชวยบ้างแต่นั่นก็ตั้งอยู่ในเมืองที่มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม เป็นแผนร้ายที่กระผมภูมิใจมาก อิอิ ...  ทริปถ่ายภาพรอบนี้ผมได้มีโอกาสใช้กล้อง DSLR รุ่นใหม่ล่าสุดของ Nikon นั่นคือ Nikon D750 เดินทางไปพร้อมกับ Tele สำหรับการท่องเที่ยวคู่ใจ 70-200 f4 nano ของผม  และที่ขาดไม่ได้คือ Nikon 17-35 f2.8 สำหรับภาพ landscape สวย ๆ ... อันที่จริงมี Nikon 24-85  ติดไปด้วย แต่ขอสารภาพเลยว่าตลอดทริปใช้ไปไม่ถึง 10 ภาพ อิอิ   ดังนั้นภาพทั้งหมดที่เห็นนี่มาจากเลนส์ 2 ตัวแรกเท่านั้น

ช่วงเวลาแห่งความสุข
ช่วงเวลาที่ผมเดินทางไปถึงญี่ปุ่นคือสิ้นเดือนตุลาคมและใช้เวลา 10 วันโดยเดินทางกลับวันที่ 9  พย.  57  ทั้งนี้โซนที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีมากที่สุดสำหรับช่วงเวลานี้ก็คือภูมิภาคโทโฮคุหรือภาคอีสานของญี่ปุ่นนั่นเอง  ซึ่งถ้าดูจากแผนที่ก็จะอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียว

เนื่องจากช่วงพีคของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาคโทโฮคุจะอยู่ราวกลางเดือนถึงปลายเดือนตุลาคม  แถมปีนี้มีแนวโน้มว่าใบไม้จะเปลี่ยนสีเร็วกว่าปกติราว 1-2  สัปดาห์ขึ้นกับพื้นที่  ผมจึงจำเป็นต้องตัดแหล่งท่องเที่ยวดัง ๆ หลายแห่งที่หมายตาไว้ของภูมิภาคนี้ เพราะดูจากพยากรณ์แล้วน่าจะพลาดช่วงเวลาที่สวยที่สุดไปแล้ว หากฝืนไปอาจเจอแต่กิ่งก้านแห้ง ๆ เป็นแน่  นี่จึงเป็นที่มาของการพยายามหาแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ มาทดแทน  โดยอาศัยเวปไซต์รายงานและพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นหลายแห่งมาช่วยไม่ว่าจะเป็น (www.japan-guide.com, www.rurubu.com, kouyou.nihon-kankou.or.jp/en/, www.mapple.net)  ทำให้ทริปนี้ผมได้พบกับแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีที่อาจแปลกใหม่สำหรับคนไทย  และรับประกันด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองเลยว่าสวยประทับใจจริง ๆ  

ตลอดการเดินทางทริปแห่งความทรงจำนี้ผมใช้ pocket WIFI รุ่น 4GLite จาก iwifi  ติดตัวไปด้วย  ทำให้การสื่อสารของทริปนี้สะดวกมาก ๆ แถมแชร์กันได้ 10 คนนับว่าสะดวกสุด ๆ  โดยเฉพาะการหาข้อมูลหน้างาน เช่น ตำแหน่งสถานที่ท่องเที่ยว, ข้อมูลร้านอาหาร และที่สำคัญมากสำหรับวันหลัง ๆ คือการเที่ยวรถไฟซึ่งต้องใช้ website Hyperdia.com ในการค้นหาข้อมูลของตารางรถไฟ

การเดินทางอย่างย่อ
อย่างที่เกริ่นไปแล้วครับว่า ปีสองปีนี้มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นเยอะมาก ราคาเริ่มกันตั้งแต่ไม่ถึงหมื่นสำหรับการเดินทางไปกลับ  ยิ่งบางเวปไซต์อย่าง expedia มี package ราคาตั๋วเครื่องบินรวมกับห้องพักแล้วยิ่งทำให้การไปเที่ยวญี่ปุ่นประหยัดอย่างมาก  เพื่อน ๆ ที่สนใจลองดูริวิวการจอง package  ราคาประหยัดได้จาก  link  นี้ครับ ... แต่การเดินทางของผมปีนี้ใช้แลกแต้มจากบัตรเครดิตไปเป็นไมล์ ROP แบบ 1:1 จากค่าย KBANK ทำให้ได้ตั๋วไปกลับ ภูเก็ต-กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ในราคาไม่ถึงแปดพันบาท (เป็นค่าภาษีน้ำมัน)  โดยขาไปผมลงที่ Narita และขากลับจาก Haneda

ผมเดินทางถึงโตเกียวในช่วงเช้า  จากนั้นก็นั่งรถไฟ Limited Express เข้าโตเกียวและต่อ  JR Shinkansen ตรงไปยังสถานี  Shin Aomori ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของเส้นทาง JR East  เรียกได้ว่านั่งสามชั่วโมงให้คุ้มค่าตั๋ว JR East pass ที่ซื้อมาเลย (ผมซื้อจาก facebook ของ hello japan ราคา 6715 บาทต่อคน)  และนี่เป็นการใช้ JR East Pass  วันแรกจากที่มีสิทธิ์ใช้ได้ 5  วันแบบไม่ต้องต่อเนื่องกัน  เมื่อถึง Shin Aomori แล้วก็รับรถเช่าจาก   Nissan car rental  ที่จองผ่าน Tocoo (www2.tocoo.jp/en) เวปนายหน้าจองรถชื่อดังของญี่ปุ่น ที่ให้ราคาต่ำกว่าจองตรงกับทาง Nissan เมื่อรับรถแล้วผมกับเพื่อน ๆ ก็เริ่มขับตะลุยท่องเที่ยวตั้งแต่จังหวัด Aomori ต่อมายัง  Iwate และมาคืนรถที่เมือง  Furukawa ของจังหวัด  Miyangi  จากนั้นจึงนั่ง Shinkansen  เข้าสู่โตเกียว  และพักที่โตเกียวรวม 5 คืน  ซึ่งช่วงนี้จะเป็นการใช้   JR East ที่เหลือออกไปเที่ยวเมืองรอบ ๆ 3 วัน และซื้อ  Tokyo Metro 1 day pass เพื่อเที่ยวในโตเกียวอีก 1 วัน  ... นับว่าเป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่ได้รสชาติครบถ้วนทั้งขับรถ, นั่งรถไฟ Shinkansen, นั่งรถไฟ JR สายรอง และนั่ง  subway เที่ยวในโตเกียว

ที่พัก
สำหรับเมืองรอบนอก ผมต้องการได้บรรยากาศของการพักแบบญี่ปุ่นขนานแท้  เลยจองที่พักส่วนใหญ่เป็น  Ryokan ซึ่งจะใช้วิถีหาเวปไซต์ของที่พักแล้ว e-mail  คุยกันซึ่งต้องยอมรับว่าลำบากยากเย็นและเสี่ยงพอสมควร  เพราะหลาย ๆ แห่งจะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ดีนัก (แอบคิดว่าตัวเองสื่อสารได้ดี 555) และข้อมูลของที่พักประเภทนี้จะต่างกับโรงแรมโดยทั่วไปซึ่งก่อนเดินทางก็กังวลมากพอสมควร กลัวไปแล้วไม่ได้พัก เนื่องจากเงินมัดจำก็ไม่ได้จ่าย เรียกได้ว่าลุ้นกันจนถึงวันเข้าพักเลยทีเดียว ... ส่วนโตเกียวสบายมากครับ ผมเลือกที่พักแบบ  Apartment เพราะไปกัน 6 คน จะได้มีพื้นที่ส่วนกลางไว้คุยเล่นกันหรือทานอะไรกันเล็ก ๆ น้อย ในตอนค่ำหลังกลับจากทริป  ทั้งนี้ผมจองผ่าน expedia มีเอกสารครบถ้วนมั่นใจได้ว่าไปถึงแล้วได้พักแน่ ๆ 555

อย่างที่เล่าให้ฟังแล้วนะครับว่าทริปนี้ผมขับรถเที่ยวในช่วงที่เป็นภูมิภาคโทโฮคุ และที่เหลือจะใช้วิธีการนั่ง Shinkansen และรถไฟ JR  โดยใช้โตเกียวเป็นศูนย์กลาง  ดังนั้นรีวิวนี้แบ่งเป็นสองตอน  คือช่วงที่ขับรถเที่ยวและช่วงที่นั่รถไฟ  

และนี่คือ ตอนที่ 1 ขับรถตะลุยภูมิภาคโทโฮคุ ตระการตาแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่คนไทยไม่คุ้นเคย

ชื่อสินค้า:   Tohoku Trip คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น